จากหัวหน้าคณะราษฎร มาเป็นนายกรัฐมนตรี
เรื่องของพระยาพหลพลพยุหเสนา เชษฐบุรุษ ที่สำนักพิมพ์ต้นฉบับนำภาพหายากมาพิมพ์ ยังมีต่อ
โดย...ส.สต
เรื่องของพระยาพหลพลพยุหเสนา เชษฐบุรุษ ที่สำนักพิมพ์ต้นฉบับนำภาพหายากมาพิมพ์ ยังมีต่อ แต่ตอนนี้จะย้อนไปเหตุการณ์หลังยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพราะเพียง 3 วันก็ตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 70 คน และเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรทันที
วันที่ 24 มิ.ย. 2475 พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ออกจากบ้านตามนัดหมาย ในเวลา 4 นาฬิกา มายังลานพระบรมรูปทรงม้า โดยตั้งใจว่าพร้อมที่จะสละเลือดเนื้อและชีวิต และครอบครัว เมื่อได้ฤกษ์เวลา 5 นาฬิกา ได้กระจายกองกำลังยึดอำนาจการปกครอง โดยไม่เสียเลือดเนื้อแต่อย่างใด เป็นอันว่าประเทศไทยได้เป็นประชาธิปไตยแล้ว ในเวลาปฏิบัติการเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น
หลังจากนั้นคณะผู้ก่อการได้ขอให้พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร จัดการความสงบราบคาบของบ้านเมือง
วันที่ 27 มิ.ย. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญ การปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พ.ศ. 2475 รุ่งขึ้นวันที่ 28 มิ.ย. 2475 สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี 70 คน (โดยผู้รักษาพระนครตั้งขึ้น) ได้เปิดประชุมเป็นครั้งแรก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม
ในการนี้ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยได้กล่าวถึงการกระทำและความประสงค์ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินสยาม จากนั้นสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติพร้อมกันให้พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกผู้หนึ่ง แทนสมาชิกที่ขาดไปหนึ่ง จึงไม่เต็มอัตรา 70 นาย
ในขั้นต้น พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา หายอมรับไม่ เพราะตั้งใจจะเป็นผู้ก่อเพื่อให้สานกันต่อไปเท่านั้น แต่เมื่อสมาชิกให้เหตุผลอันเป็นการสมควร ท่านจึงจำเป็นต้องรับเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกผู้หนึ่ง
ในวาระเดียวกันนั้น ประธานกรรมการราษฎรได้เลือกพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นสมาชิกในคณะกรรมการราษฎรอีกตำแหน่งหนึ่ง
ต่อมาเมื่อสภาผู้แทนราษฎรได้จัดโครงการกระทรวงกลาโหมขึ้นใหม่ พระยาพหลฯ ได้รับคำสั่งให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก
26 ก.ค. 2475 ได้รับตำแหน่งพิเศษเป็นกรรมการกลางกลาโหม และเมื่อถึงเดือน ส.ค. 2475 จึงได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก ต่อมาวันที่ 10 ธ.ค. 2475 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เป็นรัฐมนตรี
ครั้งเมื่อพระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เป็นรัฐมนตรีอีก เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2476
ก่อนวันที่ 20 มิ.ย. 2476 ท่านได้กราบถวายบังคมลาออกจากราชการ เป็นนายทหารกองหนุน และมุ่งหมายจะไม่ทำการเกี่ยวข้องกับหน้าที่ราชการแต่อย่างใด แต่ถูกเหตุการณ์บังคับให้จัดการเปลี่ยนคณะรัฐบาล เพื่อให้กลับไปใช้รัฐธรรมนูญโดยบริบูรณ์ จึงเชิญนายทหารซึ่งเป็นผู้บังคับกองพันมาปรึกษา ก็ได้รับคำแนะนำว่าควรจะทำการปฏิวัติอีกครั้ง การปกครองของเราได้เดินเข้าสู่วิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ และขอร้องให้ท่านรับเป็นผู้นำอีกครั้งหนึ่ง
วันที่ 20 มิ.ย. 2476 เวลาย่ำรุ่งได้กระทำการปฏิวัติเป็นผลสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง โดยมิได้มีการนองเลือดเลย นับแต่นั้นมาการปกครองประเทศก็ดำเนินเข้าสู่วิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญตลอดมาจนทุกวันนี้
หากอ่านตามภาพในหนังสือสมุดภาพพระยาพหลพลพยุหเสนา ภาค 1 จะพบภาพผู้นำท่านนี้ในลักษณะที่อ่อนน้อม ถ่อมตัว ไม่ได้แสวงหาอำนาจ แม้จะมีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ เพราะความเป็นสุภาพบุรุษ
ส่วนการที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 5 สมัย แต่ละสมัยสั้นๆ เพื่อคอยนายกรัฐมนตรีตัวจริง ถึงกระนั้นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ละครั้ง ได้รับการจารึกว่าเป็นบุคคลที่พระเจ้าอยู่หัวทรงไว้วางพระราชหฤทัย
วันที่ 21 มิ.ย. 2476 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เพื่อบริหารราชการแผ่นดินไปจนกว่าจะเปิดสภา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้บัญชาการทหารบกต่อไป ในวันที่ 24 เดือนเดียวกันนี้ เมื่อครบกำหนด 15 วันแล้ว ได้กราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะไม่สันทัดในวิชาการเมือง แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ ม.จ.วรรณไวทยากร วรวรรณ (กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์) เป็นที่ปรึกษา
วันที่ 9 ธ.ค. 2476 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเภทที่ 2
วันที่ 16 ธ.ค. 2476 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะมีรับสั่งในลายพระราชหัตถเลขาว่า “ทรงไว้วางพระราชหฤทัย” โดยทรงรู้สึกว่าเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน จึงต้องรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป ทั้งรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับเป็นนายกกรรมการรักษาพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนอีกด้วย
แต่ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งสูงอย่างไรก็ยังติดดิน ดังเช่นไปงานเกี่ยวข้าวที่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ก็แต่งกายแบบชาวนา ถือเคียวเกี่ยวข้าวและใส่งอบ เช่นเดียวกับปรีดี พนมยงค์ อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์


