posttoday

ปริศนาพระสุก กับ 4 รุ่นสุดท้ายหลวงตาพวง

01 มีนาคม 2558

วัตถุมงคลที่หลวงตาพวง สุขินทริโย ได้เมตตาพิจารณาไว้ก่อนที่อีก 2 วันต่อมาท่านจะละขันธ์นั้น มีด้วยกัน 4 แบบ

โดย...ภัทระ คำพิทักษ์

วัตถุมงคลที่หลวงตาพวง สุขินทริโย ได้เมตตาพิจารณาไว้ก่อนที่อีก 2 วันต่อมาท่านจะละขันธ์นั้น มีด้วยกัน 4 แบบ ประกอบด้วย เหรียญพระพุทธมงคลรุ่งโรจน์ เหรียญรูปเหมือนครึ่งองค์ เหรียญรูปหล่อเต็มองค์ทรงระฆัง และแหวน

พระมงคลรุ่งโรจน์ เป็นพระพุทธรูปที่หลวงตาพวงได้มาหลายสิบปีแล้ว และท่านได้เก็บรักษาเอาไว้อย่างดี โดยมิได้นำมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ เพราะเกรงว่าจะเป็นที่หมายปองของคนใจบาป

พระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นชื่อว่า มีพุทธลักษณะงดงามนัก บางคนก็ว่า แท้จริงแล้วพระพุทธรูปองค์นี้คือ พระสุก ซึ่งมีชื่อประวัติอันแสนมหัศจรรย์นั่นเอง

จำประวัติเรื่องพระสุก พระเสริม พระใส ได้ไหมครับ

ตามประวัติศาสตร์ที่มีการเผยแพร่อยู่ในประเทศลาว ระบุว่า พระพุทธรูป 3 องค์นี้ สร้างขึ้นปี  พ.ศ. 2109 ซึ่งเป็นรัชสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พระมหากษัตริย์องค์สำคัญในประวัติศาสตร์ชาติลาว

ประวัติศาสตร์ดังกล่าว ระบุว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช มีพระธิดา 3 องค์ จึงหล่อพระ 3 องค์นี้ขึ้นเพื่อเป็นพระพุทธรูปประจำพระองค์ ว่ากันว่าตอนสร้างนั้นสูบเตาหลอมโลหะอยู่ถึง 7 วัน ทองก็ยังไม่ละลาย พอวันที่ 8 ชีปะขาวคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วมาสูบเตาแทนพระเณรที่ต้องรามือไปฉันเพล พอฉันเสร็จกลับมามีผู้เททองใส่เบ้าหล่อเรียบร้อย ชีปะขาวไปไหนแล้วก็ไม่รู้

พอกะเทาะหุ่นออกก็ได้พระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามอย่างมาก จึงได้เฉลิมพระนามตามชื่อพระธิดา 3 องค์นั้น คือ พระเสริม พระสุก พระใส

กระทั่งสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไทยกับลาวทำการศึกกัน เมื่อไทยชนะศึกแล้วก็ได้อัญเชิญพระพุทธรูปที่มีค่ากลับมายังเมืองไทยจำนวนหนึ่ง

ระหว่างอัญเชิญพระสุกขึ้นแพล่องมาตามลำน้ำงึมออกมาถึงแม่น้ำโขง บริเวณปากน้ำงึมเฉียงกับบ้านหนองกุ้ง จ.หนองคาย หรือ อ.โพนพิสัย ในปัจจุบัน เกิดพายุฝนตกหนัก แพแตกพระสุกจมน้ำหายไป

ปริศนาพระสุก กับ 4 รุ่นสุดท้ายหลวงตาพวง

 

ประวัติศาสตร์ของพระสุกกลายเป็นปริศนาอยู่แค่นั้น

ส่วนพระใสนั้น พอถึงฝั่งไทยแล้วอัญเชิญประทับบนเกวียนกำลังจะนำกลับกรุงเทพฯ ปรากฏว่า เกวียนหัก พอเปลี่ยนเกวียน ทำอย่างไรโคก็ไม่ยอมเดิน สุดท้ายเลยต้องนิมนต์ท่านประทับไว้ที่วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย เป็นมิ่งขวัญประชาชนทั้งสองฝั่งมาจนถึงปัจจุบันนี้

ส่วนพระเสริมนั้นอัญเชิญมาถึงกรุงเทพฯ ปัจจุบันอยู่ที่วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร

พระสุกองค์ที่จมน้ำหายไปกับพระมงคลรุ่งโรจน์เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวกันหรือไม่ แม้ไม่มีหลักฐานใดจะยืนยันแต่ศิษยานุศิษย์ของหลวงตาพวงบางคนระบุว่า เคยได้ยินท่านพูดไว้อย่างนั้น

หลังจากหลวงตาพวงมรณภาพไปแล้ว ขณะนี้คณะศิษย์ได้สร้างที่ประดิษฐานพระมงคลรุ่งโรจน์เสร็จแล้วจะมีพิธีเฉลิมฉลองภายในสัปดาห์สองสัปดาห์นี้

ใครผ่านไปที่วัดศรีธรรมาราม จ.ยโสธร ก็ลองไปกราบและชื่นชมความงามของท่านนะครับ

เหรียญพระมงคลรุ่งโรจน์ที่หลวงตาพวงได้เมตตาอนุญาตให้สร้างขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งแรก มีทั้งเนื้อทองคำ เงิน และนวโลหะ

ส่วนเหรียญหล่อทรงระฆังนั่งเต็มองค์นั้น เมื่อศิษย์ได้ขออนุญาตสร้างพระ ท่านได้นำระฆังที่ห้อยอยู่ตามชายคาโบสถ์ซึ่งอยู่ในสภาพที่ชำรุดแล้ว มามอบให้เพื่อผสมเป็นโลหะที่จะนำมาทำพระรุ่นนี้

ไม่เพียงแต่มีระฆังชายคาโบสถ์ ผู้สร้างยังอาราธนาตะกรุดหลวงปู่ดูลย์ดอกใหญ่ แผ่นจารทองคำหลวงตาพวง ฯลฯ เป็นส่วนผสมตอนสร้างด้วย

เนื้อโลหะเหล่านั้นเทเป็นพระรูปท่านนั่งเต็มองค์ทรงระฆังได้ทั้งสิ้น 584 องค์ เป็นเนื้อเงินต้นแบบ 1 องค์ นวโลหะ 20 องค์ เนื้อระฆังโบสถ์ 250 องค์ เนื้อรมดำ 313 องค์

ปริศนาพระสุก กับ 4 รุ่นสุดท้ายหลวงตาพวง

 

หลวงตาพวงได้ตั้งชื่อพระรุ่นนี้ด้วยตัวท่านเองว่า “รุ่นพระโพธิสัตว์” และได้พิจารณาเมตตาให้ครั้งแรกที่โรงพยาบาลศิริราช ก่อนที่ท่านจะละขันธ์  10 วัน ก่อนจะมาพิจารณาซ้ำให้อีกครั้งพร้อมกับอีก 3 รุ่นสุดท้าย

ปัจจุบันนี้ ทางวัดยังเก็บวัตถุมงคลรุ่นนี้เอาไว้มิได้จ่ายแจกเพราะท่านสั่งไว้ว่า “ให้เก็บไว้ก่อน”

เข้าใจว่าไว้วันใดวันหนึ่งที่มีเหตุอันสมควรจะใช้ประโยชน์ได้ บัดนั้นคงมีการแจกจ่ายออกมา

ส่วนแหวนรุ่นสุดท้ายนั้น สร้างขึ้น 2,772 วง เป็นทองคำลงยา 12 วง เนื้อเงินลงยา 260 วง ทองเหลือง 2,500 วง ท่านให้นำออกแจกจ่ายชาวบ้านที่มาร่วมงานทอดผ้าป่าที่วัดสิริดำรงวนาราม

อีกรุ่นนั้น เป็นเหรียญครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นคาถาย่อจากบทสวดโมระปะริตตัง หรือที่เรียกกันว่า คาถายูงทอง ความว่า “นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา” ล้อมด้วยชื่อฉายา ชื่อวัดและจังหวัด และปี พ.ศ. 2552

หลวงตาพวงพิจารณาเหรียญและแหวนซึ่งเป็นของที่ระลึก รุ่นสุดท้ายในอาการนอนท่าสีหไสยาสน์ โดยใช้สายสิญจน์พันรอบศีรษะท่านแล้วให้ศิษย์โยงอีกด้านหนึ่งไปพันที่วัตถุมงคลก่อนโยงมาที่มือ
ของท่าน

หลวงตาพวงเงียบอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่ หลวงตาบุญหนา ธัมมทินโน ได้นำพระภิกษุสงฆ์ และฆราวาสทั้งหลายทำวัตรเย็นอยู่ที่ด้านนอก

การทำวัตรเย็นดำเนินไปเป็นเวลาร่วมสองชั่วโมง เมื่อเสียงสวดมนต์ด้านนอกเงียบลง ท่านจึงลืมตาขึ้น ศิษย์ที่เฝ้าอยู่ก็นึกว่าท่านนอนหลับเพิ่งจะตื่นเลยถามท่านขึ้นว่า “หลวงตาเสกแล้วหรือครับ?” ท่านก็ยิ้มๆ ก่อนจะตอบว่า “บ่มั่นใจบ่” (ไม่มั่นใจรึไง)

หลวงตาพวงได้ให้นำเหรียญรูปเหมือนครึ่งองค์นี้ออกแจกจ่ายผู้มาร่วมงานผ้าป่าในครั้งนั้น โดยกำชับให้นำไปแจกแก่แม่ครัวที่มาช่วยงานให้ครบทุกคน

เมื่ออาการอาพาธของท่านกำเริบหนักขึ้น คณะศิษย์จึงนำท่านไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลสกลนครและยโสธรตามลำดับ และได้แจกจ่ายเหรียญรุ่นนี้ให้กับคณะแพทย์ พยาบาลทั้งสองแห่งด้วย

ทั้งหมดนี้คือวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของพระสงฆ์รูปที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เอ่ยปากว่า “ที่ยโสธรมีคนเก่งกว่ากูอีก ผมหงอกๆ ขาวๆ ที่นั่งอยู่ริมแม่น้ำชีนั่นแหละ ท่านหมดกิเลสแล้ว ท่านไม่แสดงเฉยๆ...”

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68