ทุ่งพญาไทในอดีต
ที่จะสร้างพระราชวังพญาไท ที่กลายมาเป็นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
โดย...ส.สต
ที่จะสร้างพระราชวังพญาไท ที่กลายมาเป็นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ในปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากทุ่งนา กลายเป็นวัง เป็นโฮเต็ล และเป็นโรงพยาบาล ทั้งนี้เพราะพระมหากรุณาธิคุณโดยแท้
หนังสือ 50 ปี โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า (พ.ศ. 2545) เล่าว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จฯ มาประทับนอกวังหลวง หรือพระราชวังดุสิต โปรดให้ขยายถนนซังฮี้ หรือราชวิถีในปัจจุบัน ทรงตั้งพระราชหฤทัยพัฒนาการเกษตร จึงให้ซื้อที่ดินที่เป็นทุ่งนาจากราษฎร 100 ไร่มาทำนา หรืออาจเรียกว่าทุ่งนาสาธิตครั้งแรกในสยาม และทรงให้มีพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ที่ทุ่งพญาไท เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2452
ในขณะเดียวกันได้โปรดให้สร้างพระตำหนักขึ้นสำหรับเป็นที่ประทับในเวลาเสด็จประพาสที่นานั้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2451 รวมทั้งสร้างพระคันธารราษฎร์ประดิษฐานประจำอยู่ที่พระตำหนักพญาไทขึ้นเป็นพิเศษองค์หนึ่งเพื่อความสวัสดิมงคลในการเพาะปลูก
ต่อมาเมื่อสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถได้เสด็จฯ ไปประทับ ณ พระตำหนักพญาไท พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อนำพระญาติพระวงศ์ทำนาด้วยพระองค์เอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักและพระที่นั่งเพิ่มเติมอีกหลายองค์
พระตำหนักพญาไทเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อ พ.ค. 2453 หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ มาประทับที่พระตำหนักพญาไทบ่อยครั้งขึ้น ครั้งสุดท้ายเสด็จฯ มาประทับในวันที่ 16 ต.ค. 2453 ก่อนเสด็จสวรรคตเพียง 1 สัปดาห์
เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จฯ มาประทับ ณ พระตำหนักพญาไท จนตลอดพระชนมายุ เป็นเวลาเกือบ 10 ปี
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งและสถานที่ต่างๆ เพิ่มเติม และได้สร้างพระราชมณเฑียรสถานที่ประทับขึ้นมา หลัง พ.ศ. 2462 เมื่อพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเสด็จสวรรคต ซึ่งพระองค์ทรงใช้เป็นที่ประทับ ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องต่างๆ หลายเรื่องด้วยกัน
ในการก่อสร้างพระราชมณเฑียรสถานในพระราชวังพญาไท โปรดให้รื้อย้ายพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงไปปลูกสร้างเป็นหอเรียนวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง (วชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน) ต่อมาในรัชสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 ได้โปรดเกล้าฯ ให้รื้อย้ายไปปลูกสร้างไว้ ณ วัดราชาธิวาส
รื้อย้ายพระตำหนักอุดมวนาภรณ์ ซึ่งเป็นเรือนไม้สักขนาดเล็กจากพระราชวังดุสิตมาปลูกสร้างเป็นที่ประทับที่ริมอ่างหยกในพระราชวังพญาไท และพระราชทานนามใหม่ว่า พระตำหนักเมขลารูจี กับให้รื้อย้าย “ดุสิตธานี” เมืองจำลองประชาธิปไตย จากพระราชวังดุสิตมาไว้ที่พระราชวังพญาไทด้วย
หลังจากนั้นโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชมณเฑียรสถานขึ้นมาใหม่เป็นหมู่พระที่นั่งสามองค์ ได้แก่ พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน องค์สูงด้านตะวันออก พระที่นั่งพิมานจักรี องค์กลาง พระที่นั่งศรีสุทธนิวาสองค์ตะวันตก โดยมีมุขกระสันสร้างด้วยหินอ่อนต่อเชื่อมถึงกัน นอกจากนั้นยังได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้แปลงตึกคลังด้านตะวันออกของพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน ที่มีอยู่เดิมเป็นตึกที่พัก พระราชทานนามว่า พระที่นั่ง
อุดมวนาภรณ์
และสร้างห้องบิลเลียดเป็นอาคารชั้นเดียวขึ้นที่ด้านหน้าพระที่นั่งพิมานจักรีอีกด้วย ส่วนท้องพระโรงเดิมของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมและพระราชทานนามว่า พระที่นั่งเทวราชสภารมย์
ยังมีพระที่นั่ง พระตำหนัก และเรือนพักข้าราชการอีกหลายหลังที่สร้างขึ้นในเวลาต่อมาอีกหลายองค์ น่าเสียดายที่พระที่นั่งและพระตำหนักเหล่านี้ถูกทอดทิ้งจนเสื่อมสภาพ ในที่สุดก็ถูกรื้อทิ้งในปี พ.ศ. 2495
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประทับพระราชวังพญาไทแห่งนี้เป็นครั้งคราว เป็นที่ประทับ และพระราชนิพนธ์วรรณกรรมอันทรงคุณค่าหลายเรื่อง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาประทับ ณ พระราชวังพญาไทเป็นการถาวร ใน 6 ปีหลังของรัชกาล จนกระทั่งเดือน ต.ค. 2468 จึงเสด็จฯ ไปประทับ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง และทรงพระประชวรจนเสด็จสวรรคตในคืนวันที่ 25 พ.ย.ปีนั้นเอง


