ชายชาติทหาร พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก
พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบกและอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ชายชาติทหารผู้มีเกียรติประวัติ
พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบกและอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ชายชาติทหารผู้มีเกียรติประวัติที่จะต้องจารึกในประวัติศาสตร์และในหัวใจของประชาชนคนไทย ได้ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบด้วยโรคปอดติดเชื้อ ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่มีอายุได้ 90 ปี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเป็นผู้แทนพระองค์เชิญพวงมาลาหลวง และน้ำหลวงพระราชทานอาบศพ ณ ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 3 วัน
พล.อ.อาทิตย์ เกิดเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2468 เป็นบุตรของ ร.ต.พิณ และนางสาคร กำลังเอก สำเร็จการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนพราหมวิทยามูล แล้วเข้าศึกษาต่อระดับมัธยมที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร และโรงเรียนอำนวยศิลป์ จากนั้นได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 5 รุ่นเดียวกับ พล.อ.เทียนชัย ศิริสัมพันธ์ พล.อ.บรรจบ บุนนาค และ พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ อดีต ผบ.ทอ.
หลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อย จปร. ในปี 2491ได้เข้ารับราชการในกองทัพบก ประจำกองบังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 5 ในปี 2492 ได้รับพระราชทานยศร้อยตรี ในปี 2493 ได้รับพระราชทานยศร้อยโท ปี 2497 รับพระราชทานยศร้อยเอก ปี 2500 เป็นนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึกกองพันทหารราบที่ 2 กรมผสมที่ 21
ในขณะที่ดำรงตำแหน่งนายทหารฝ่ายยุทธการและกองฝึกนั้น ได้มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่ทำให้เห็นถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของนายทหารยศร้อยเอกที่ชื่อ อาทิตย์ เมื่อรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากการประท้วงใหญ่ของบรรดานิสิตนักศึกษาและประชาชน อันเนื่องมาจากการเลือกตั้งสกปรก คณะรัฐบาลได้มอบหมายให้จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้สั่งใช้กำลัง กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และตำรวจเข้าดำเนินการกับผู้ประท้วงโดดเด็ดขาด
แต่เมื่อขบวนคลื่นนิสิตนักศึกษาจำนวนนับหมื่นเคลื่อนมาเผชิญหน้ากับกองทหารแต่งเครื่องแบบติดดาบปลายปืนพร้อมอาวุธครบมือ บริเวณเชิงสะพานมัฆวานความตึงเครียดก็เกิดขึ้น แต่ก่อนที่เหตุปะทะกันอันจะนำความสูญเสียมาสู่ชีวิตและเลือดเนื้อ ก็มีคำสั่งจากนายทหารผู้บังคับกองร้อยในบริเวณนั้นให้ทหารปลดอาวุธให้หมด แล้วเปิดทางให้คลื่นมหาชนเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อทำการประท้วงได้สำเร็จ
นายทหารผู้ออกคำสั่งไม่ให้ทหารทำร้าย ทั้งยังเปิดทางให้นิสิตนักศึกษานำพาประชาชนออกจากวงล้อมทหารไปอย่างปลอดภัย ก็ได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษมัฆวานตั้งแต่นั้นมา
แม้จะได้รับการยกย่องเชิดชูให้เป็นวีรบุรุษ แต่ ร.อ.อาทิตย์ ก็มิได้หลงใหลได้ปลื้มหรือลำพองแต่ประการใด มีความสำนึกแต่เพียงว่าทุกสิ่งที่ได้ประพฤติปฏิบัติไปนั้นคือหน้าที่ของนายทหาร ที่จะต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองและรักษาชีวิตของประชาชนให้มากที่สุด เมื่อปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นที่เรียบร้อยก็กลับเข้าทำงานในหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อไป
ครั้นในปี 2501 ก็ได้รับตำแหน่งเป็นนายทหารฝ่ายยุทธการและการฝึกกองพันที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์และได้รับพระราชทานยศพันตรี ปี 2503 เป็นรองผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ปี 2505 เป็นหัวหน้าแผนกศูนย์กลางทหารราบ และรับพระราชทานยศพันโท ปี 2513 เป็นหัวหน้ากองธุรการและบริหาร สถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง และรับพระราชทานยศพันเอก ปี 2520 เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 3 และรับพระราชทานยศพลตรี ปี 2523 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 ปี 2524 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกและรับพระราชทานยศพลโท พลเอก ปี 2525 เป็นผู้บัญชาการทหารบก รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปี 2526 เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ได้รับพระราชทานยศพลเรือเอก พลอากาศเอก
นอกจากนี้ พล.อ.อาทิตย์ ยังรับราชการพิเศษและมีตำแหน่งพิเศษ คือในปี 2493 ได้ไปราชการสงครามเกาหลี ปี 2512 ไปราชการสงครามเวียดนาม ปี 2515 เป็นราชองครักษ์เวร และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2518 เป็นราชองครักษ์เวร ปี 2520 เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปี 2522 เป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และสมาชิกวุฒิสภา ปี 2524 ช่วยราชการใน ศปก.ทบ.ในหน้าที่ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และเป็นนายทหารพิเศษ ประจำกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ประจำกรมทหารราบที่ 21 และประจำกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ ปี 2526 เป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ และตุลาการศาลทหารสูงสุด
พล.อ.อาทิตย์ รับราชการทหารมาด้วยความสุจริตและจงรักภักดี ทุ่มเททำงานอย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก เพื่อปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนมาโดยตลอดชีวิต พล.อ.อาทิตย์ เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งค่ายทหารศรีสองรักที่ จ.เลย ในขณะที่เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 3 ในปี 2521 โดยให้เป็นหน่วยในอัตราของมณฑลทหารบกที่ 23 มีประวัติการแต่งตั้งหน่วยตั้งแต่ปี 2524 เป็นจังหวัดทหารบกขอนแก่นแยกเลย จนถึงปี 2525 จึงย้ายจากที่ตั้งชั่วคราว เข้าสู่ที่ตั้งถาวร อันเป็นที่ตั้งปัจจุบัน ณ ค่ายศรีสองรัก อ.เมือง จ.เลย พล.อ.อาทิตย์ เมื่อดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 2 ในปี 2523 ก็ได้สร้างศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้น แล้วขอพระราชทานพระรูป จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถมาประดิษฐาน ณ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ค่ายศรีสองรัก เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจทหารภายในค่าย จนกระทั่งในปี 2531 ก็ได้แปรสภาพเป็นหน่วยทหารบกจังหวัดเลย
ในปี 2524 ได้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า กบฏยังเติร์ก หรือกบฏเมษาฮาวาย นำโดยกลุ่มนายทหาร จปร.รุ่น 7 อันมี พล.ต.มนูญ รูปขจร เป็นผู้นำการกบฏ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ได้เข้าอารักขาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ นำเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับยังค่ายทหาร จ.นครราชสีมา พล.อ.อาทิตย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในขณะนั้นได้จัดกำลังถวายอารักขาอย่างเต็มที่ และได้ร่วมกันกับ พล.อ.เปรม แก้ไขวิกฤตจนเป็นผลสำเร็จ ทำให้ฝ่ายกบฏต้องยอมรับความพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
พล.อ.อาทิตย์ ได้เป็นนายทหารคู่บารมี พล.อ.เปรมและได้ช่วยฟันฝ่าอุปสรรคนานา เพื่อให้ชาติและสถาบันอยู่รอดหลายต่อหลายครั้ง ทั้งได้เป็นกำลังสำคัญในการดำเนินนโยบาย 66/23 นำผู้ที่เข้าไปร่วมสู้รบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยให้เข้ามาเป็นผู้พัฒนาชาติได้สำเร็จ จนได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในปี 2525 และปี 2526
ครั้นถึงปลายปี 2527 รัฐบาล พล.อ.เปรม โดยนายสมหมาย ฮุนตระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ประกาศลดค่าเงินบาทจาก 23 บาท/1 เหรียญสหรัฐ ลงเป็น 27 บาทพล.อ.อาทิตย์ ไม่เห็นด้วยจึงได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรง ทำให้เกิดความบาดหมางจนกระทั่ง พล.อ.อาทิตย์ ไม่ได้รับการต่ออายุราชการ และถูกออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกในปี 2529 และมีการแต่งตั้งให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบกแทน
แม้จะหลุดจากตำแหน่งทางราชการ แต่ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ไม่เคยปริปากเรียกร้องความเห็นใจจากผู้ใด ไม่เคยออกมาแสดงอาการน้อยเนื้อต่ำใจหรือทวงบุญทวงคุณอะไรเลย แม้จะรู้สึกขมขื่นว้าเหว่และโดดเดี่ยวสักเพียงใดก็ตาม
ภายหลังเกษียณราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อาทิตย์ เข้าสู่การเมือง โดยก่อตั้งพรรคปวงชนชาวไทย สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ แต่ยังไม่ทันได้ปฏิบัติหน้าที่ ก็ถูกจี้จับตัวโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) นำโดย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขณะกำลังเดินทางไปเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2534
หลังพฤษภาทมิฬ พรรคปวงชนชาวไทย ได้เปลี่ยนชื่อเป็นชาติพัฒนา โดยมี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้าพรรค
พล.อ.อาทิตย์ สมรสกับท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก มีบุตร-ธิดา 3 คน เมื่อท่านผู้หญิงประภาศรีถึงแก่อนิจกรรม ก็ได้ใช้ชีวิตคู่อย่างเงียบๆ กับพรสรร พรประภา กำลังเอก จวบจนวาระสุดท้าย
ชีวิตของ พล.อ.อาทิตย์ จึงเป็นแบบอย่างของนายทหารที่เสียสละและอุทิศตนเพื่อชาติอย่างชายชาติทหาร และดำรงตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริตจงรักภักดีมาโดยตลอดชีวิต ทั้งยังได้อบรมสั่งสอนบุตรและธิดาให้ยึดมั่นและเจริญรอยตาม และยังฝากสั่งไว้ว่าเมื่อชีวิตของตนหาไม่แล้ว มีอะไรก็ขอให้บุตรธิดาไปกราบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ ผู้ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชาที่ พล.อ.อาทิตย์ เคารพรักไม่เคยเสื่อมคลาย พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฎ มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีชั้น 3 โยธิน
นี่คือ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ที่แม้จะจากไปแล้ว แต่เกียรติประวัติของความเป็นชายชาติทหารที่อุทิศชีวิตเพื่อความอยู่รอดของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มาโดยตลอดนั้นจะยังคงงดงามอยู่ในหัวใจของคนไทยตลอดไป


