posttoday

"พระพรหมสิทธิ" ขอ1ปีเร่งกู้ศรัทธาวัดสระเกศ

22 มกราคม 2558

สิ่งที่ต้องทำอันดับแรก คือ เคลียร์กับทาง สตง. เรื่องเงิน 67 ล้านบาทว่า จะให้แก้ปัญหาให้ถูกต้องอย่างไร

โดย...เอกชัย จั่นทอง

ความขัดแย้งภายใน “วัดสระเกศ” เป็นที่จับต้องของสังคม หลังมีการปลดพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) พร้อมกับแต่งตั้งพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ขึ้นรักษาการเจ้าอาวาสจากปัญหาความไม่โปร่งใสในการบริหารงบจัดงานพระราชทานเพลิงศพ “สมเด็จเกี่ยว” 67 ล้านบาท ในสมัยที่พระพรหมสุธีดูแลอยู่ ซึ่งเป็นผลจากที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจพบ

ศึกพระผู้ใหญ่สองขั้วภายในวัดสระเกศ เกิดขึ้นภายหลัง “สมเด็จเกี่ยว” มรณภาพ  หลังจากนั้นมีการแต่งตั้งให้ พระพรหมสุธี ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสคนใหม่

ปมความขัดแย้งปะทุหนักเมื่อพระพรหมสุธีได้สั่งปลดพระพรหมสิทธิ  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสออกจากการทำหน้าที่บริหารเงินบริจาคในพื้นที่ภูเขาทอง ก่อนจะแจ้งความดำเนินคดีเรื่องการยักยอกเงินบริจาคภายในวัด

จากนั้นเรื่องก็บานปลาย เมื่อมีการแฉเอกสารพาดพิงยังพระพรหมสุธีว่าร่ำรวยผิดปกติ เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมกับมีการตั้งข้อสังเกตว่า ข้อมูลที่นำมาโจมตีพระพรหมสุธีนั้นมาจากกลุ่มของพระพรหมสิทธิที่ไม่พอใจเพราะถูกปลดออก ก่อนที่พระพรหมสุธี ต้องพ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส จากข้อหาส่อทุจริตหลังนั่งเก้าอี้เจ้าอาวาสเพียงปีเศษ

“การปกครองภายในวัดสระเกศจากนี้ จะยึดตามหลักของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ที่มุ่งให้พระเณรทุกรูปอยู่ด้วยกันแบบพี่น้องอยู่ร่วมกันภายในวัดได้” พระพรหมสิทธิ ให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ถึงภารกิจกู้ภาพลักษณ์วัด

“ในสมัยสมเด็จเกี่ยวได้ทำให้เป็นแบบอย่างมาหลายสิบปี อาตมาเองอยู่ที่วัดแห่งนี้มากว่า 40 ปี
ก็จะสานต่อเรื่องต่างๆ เช่น การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับโลก การจัดสวดมนต์ข้ามปี  จัดงานกิจกรรมวันสำคัญของประเทศ ซึ่งเป็นงานที่อบรมคนนับแสนคนต่อปีทั่วประเทศ”

พระพรหมสิทธิ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องทำอันดับแรก คือ เคลียร์กับทาง สตง. เรื่องเงิน 67 ล้านบาทว่า จะให้แก้ปัญหาให้ถูกต้องอย่างไร ทางวัดพร้อมให้ข้อมูลกับทาง สตง. 100% และจะปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะพระสงฆ์จะอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้

ทั้งนี้ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 4 ทีม เพื่อตรวจสอบการบริหารงานภายในวัดทั้งหมดให้เกิดความรอบด้านป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น มีพระสงฆ์ระดับผู้ช่วยเจ้าอาวาสทีมละ 5 รูป รวม 20 รูป เข้าทำหน้าที่ 

“เรื่องการฟื้นศรัทธาของประชาชนที่หายไปจากวัดสระเกศนั้น  อยู่ที่ประชาชนไม่ได้อยู่ที่เรา เรามีหน้าที่ทำ ทางวัดจะทำงานตามปกติ แต่ยืนยันภายใน 1 ปีจากนี้ วัดสระเกศจะเรียกความเชื่อมั่นความศรัทธากลับคืนมาทุกด้าน”

“ส่วนปัญหาของอดีตเจ้าอาวาสนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน แต่เราก็ไม่ได้ไปทอดทิ้งท่าน ส่วนไหนที่ต้องดูแลกันก็ยังคงดำเนินการช่วยเหลือกันต่อไป เพราะท่านถือเป็นพระผู้ใหญ่องค์หนึ่งที่อยู่ในวัด เราก็ต้องให้ความเคารพกัน  ส่วนเรื่องคดีตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย เป็นเรื่องส่วนบุคคล เป็นเรื่องการทำหน้าที่บกพร่อง ถ้ามีทุจริตก็ต้องตรวจสอบกันไป  อาตมามีหน้าที่เพียงสืบต่องาน แค่สลับหน้าที่กันทำงานเท่านั้น เรายังให้เกียรติกันเหมือนเดิม เปลี่ยนคนบริหารหน่อย”

พระพรหมสิทธิ กล่าวว่า  หลังปาติโมกข์เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้นำผู้ช่วยเจ้าอาวาสทั้งหมดเข้าพบพระพรหมสุธี ที่กุฏิคณะ 1 เพื่อหารือถึงการสอบบาลี  พร้อมทั้งได้พูดคุยกันในเรื่องอื่นๆ ซึ่งอาตมายังได้กล่าวต่อพระพรหมสุธีว่า เรื่องกิจนิมนต์หรือปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ ยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งพระสงฆ์ทุกรูปภายในวัดก็ให้ความเคารพในฐานะพระผู้ใหญ่ ขณะที่พระพรหมสุธี ยังได้กล่าวกับอาตมาว่า ยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น ฝากดูแลและให้บริหารวัดสระเกศให้ดี ซึ่งบรรยากาศของการพูดคุยเป็นไปอย่างปกติ

“ท่านเจ้าคุณเสนาะก็ยอมรับสภาพ  อาตมาก็ให้กำลังใจท่าน เพราะคนมีทุกข์ก็ต้องช่วยกันเรื่องปัญหาอาตมาไม่พูด คุยเรื่องของการแก้ปัญหาในอนาคต และทำอย่างไรให้วัดเกิดความศรัทธาเหมือนเดิม   อาตมาเองได้ส่งคนไปดูแลท่านปกติพิเศษอย่างดี เพราะท่านเคยเป็นพระผู้ใหญ่ที่เคยดูแลอาตมา เราก็ต้องดูแลท่านเป็นธรรมดา”

“อาตมาไม่ได้ทะเลาะกัน เพียงแต่ท่านบริหารงานบกพร่องเท่านั้น ส่วนตัวอาตมาไม่คิดเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ที่เข้ามาทำงานตรงนี้เนื่องจากผู้ใหญ่มอบหมายงานให้มาทำเท่านั้น  เพราะเป็นภาระที่ผู้ใหญ่ท่านสั่งมา พระสงฆ์ในวัดไม่มีปัญหาอะไรกัน ไม่มีความขัดแย้งภายในวัด” 

พระพรหมสิทธิ ระบุว่า ในอนาคตหากมีการเปลี่ยนตำแหน่งเจ้าอาวาสก็พร้อมเพราะทำงานได้อยู่แล้ว  พระคือการขันอาสามาทำงาน ไม่ใช่แบบข้าราชการที่ต้องไปวิ่งเต้นตำแหน่งหน้าที่

ข่าวล่าสุด

สวนดุสิตโพล เปิด 5 อันดับ “นักการเมือง” ประชาชนเชียร์นั่งนายกฯ