posttoday

การเมืองของความสุข

14 มกราคม 2558

ก่อนหน้านี้สัก 4-5 ปี มีการพูดถึงการพัฒนาประเทศโดยใช้เรื่อง “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Happiness - GNH) มาแทนเป้าหมายด้านการเพิ่ม “ผลผลิตมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Product - GNP) โดยมีการหยิบยกกรณีภูฏานมาพูดกัน แต่ระยะหลังรัฐบาลใหม่ของภูฏานก็หันไปหาระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีมากขึ้นเช่นกัน และลดความสำคัญของ “ความสุข” แบบที่คนไทยเคยเข้าใจกัน

ก่อนหน้านี้สัก 4-5 ปี มีการพูดถึงการพัฒนาประเทศโดยใช้เรื่อง “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Happiness - GNH) มาแทนเป้าหมายด้านการเพิ่ม “ผลผลิตมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Product - GNP) โดยมีการหยิบยกกรณีภูฏานมาพูดกัน แต่ระยะหลังรัฐบาลใหม่ของภูฏานก็หันไปหาระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีมากขึ้นเช่นกัน และลดความสำคัญของ “ความสุข” แบบที่คนไทยเคยเข้าใจกัน

หากจะวิเคราะห์จริงๆ ว่า ประเทศใดที่ใช้ “ความสุข” เป็นตัวตั้ง คงต้องดูว่ามีนโยบายที่ชัดเจนและแน่นอนไหมนั่น ก็ได้แก่ การกำหนดว่ารับรอง “ความสุขของประชาชน” ไว้ให้เป็นสิทธิตามกฎหมาย ประชาชนต้องได้รับอย่างเท่าเทียมกัน และรัฐก็จะต้องให้หลักประกันว่าจะสร้างนโยบายและโครงการต่างๆ ออกมารองรับ นั่นคือประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีเพราะรัฐประกันสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม นั่นเอง พบว่ารัฐที่คำนึงถึงความสุขโดยพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน คงไม่พ้นคนยุโรปใต้และคนละตินอเมริกา

หลักฐานที่สนับสนุน ก็คือ ประเทศเหล่านั้นได้ประกันสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยมีหลักฐานเป็น “สิทธิตามกฎหมาย” แล้วนั่นเอง กล่าวคือรัฐบาลมีหน้าที่เปลี่ยนนโยบายเป็นรูปธรรม ประชาชนสามารถเรียกร้องสิทธิจากรัฐได้ หากรัฐไม่ทำจะต้องรับผิดทางกฎหมายหรือรับผิดชอบทางการเมือง

จากประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีกับคนยุโรปใต้และละตินอเมริกาที่ผ่านสงครามเศรษฐกิจมาอย่างโชกโชน พวกเขารู้ว่า “เงิน” และ “มูลค่าแลกเปลี่ยน” ของเงิน มันเล่นแร่แปรธาตุได้ อาจจะรวยเงินแต่ไม่มีเวลาใช้ รวยเงินสะสมแต่อาหารไม่สะอาดปลอดภัย มีตัวเลขในบัญชี แต่ราคาสาธารณูปโภคพุ่งสูงปรี๊ด หรือเจอปัญหาเงินเฟ้อสินค้าราคาแพงจนรายได้ไล่ไม่ทัน เพราะปัญหาจากกลไกตลาดและการเก็งราคาทั้งหลาย ไปจนถึงการครอบงำของบรรษัท

ดังนั้น สิ่งที่ต้องรักษาไว้จริงๆ คือ ความสุขที่อยู่ใน “อาหาร ที่อยู่อาศัย การดูแลเอาใจใส่กัน มีเวลาพักผ่อน นันทนาการ และการศึกษาพัฒนาตัวเอง”

ชีวิตคนและความรู้สึกของมนุษย์ จึงต้องดูแลเป็นอย่างดี มีการลงเงินไปโดยไม่เดือดร้อนแม้จะขาดดุลบัญชีในเชิงตัวเลข แต่คุณภาพชีวิตทำให้ทรัพยากรมนุษย์เข้มแข็ง สามารถพัฒนาตนเองหรือสังคมได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็เป็นพลเมืองที่เคารพกฎหมาย รู้หน้าที่และรักษาสิทธิของผู้อื่น เพราะได้รับการดูแลด้วยโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

คนสเปนตกงานก็จริง แต่ก็มีทักษะวิชาชีพออกไปหากินได้ทั่วทวีปอเมริกาและสหภาพยุโรป พูดง่ายๆ คือ สร้างบ้านให้น่าอยู่ ถ้าอยู่ไม่ไหวก็สามารถออกไปผจญภัยได้ คนอิตาลีก็พร้อมพกวิชาและความเชี่ยวชาญทางศิลปวิทยาการไปหาโอกาสใหม่ๆ ในยามวิกฤตภายใน หรือแม้แต่เรื่องอุปนิสัยใจคอสดใสร่าเริง มีวัฒนธรรมที่ดึงดูดคนในประเทศร่ำรวยเข้ามาใช้ชีวิตและใช้เงินหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจในยามวิกฤต

ลองมองย้อนกับมาที่บ้านเรา เน้นการสะสมตัวเลขสูง ลงทุนกับคนน้อย อาชญากรรมและปัญหาสังคมจึงเยอะ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะประชากรมีปัญหาคุณภาพชีวิตและการอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างมีวัฒนธรรมแบบสังคมอารยะ ไหนจะความเปราะบางของสังคมที่พร้อมจะระเบิดเป็นความขัดแย้ง กระทบคนทั้งสังคมได้ตลอดเวลา

เมื่อมองไปถึงต้นทุนของแต่ละคนที่ขาดโอกาสในการพัฒนาตัวเอง เพราะระดับการศึกษาและการฝึกวิชาชีพ ทักษะในการทำงานฝีมือและบริการใหม่ๆ ไม่มากนัก ก็สะท้อนให้เห็นว่าแรงงานไทยมีทักษะในการหากินนอกประเทศที่น้อยเต็มที

การเปิดตลาดเศรษฐกิจอาเซียนให้มีการเคลื่อนไหวแรงงาน ทุน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น รัฐไทยจึงต้องวางยุทธศาสตร์ให้เหมาะกับต้นทุนที่ตัวเองมี มองให้เห็นถึงจุดเด่น จุดด้อยของตนเอง ถ้าต้องการเป็นสวรรค์แห่งการท่องเที่ยว เป็นที่กินที่ใช้ชีวิต ก็ต้องเก็บขุมทรัพย์นี้ไว้ให้คนไทยหากินและส่งมอบไปให้ลูกหลานได้ ดังนั้นการรักษาบ้านและฐานทรัพยากร เช่น ที่ดิน แหล่งน้ำ ป่า ทะเล ชายหาด ไว้ให้ได้ หากปล่อยให้มีกลุ่มทุนรุกเข้ามาครอบครองแย่งชิงไปจากคนท้องถิ่นจนหมด ความหวังที่จะกระจายรายได้ผ่านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเห็นจะเป็นไปไม่ได้

ยิ่งองค์ความรู้เกี่ยวกับการไปหากินในประเทศอื่นๆ มีน้อย เพราะยังมีสื่อบันเทิงและนโยบายของรัฐที่ทำให้เกิดการชิงชังกับประเทศเพื่อนบ้าน จนมีความหวาดระแวงกันเสียแล้ว เห็นทีคนไทยที่หวังจะย้ายไปทำมาหากินในต่างประเทศต้องเสี่ยงภัยจากความเดือดดาลของเจ้าบ้านจนนอนไม่หลับ จนไม่กล้าออกไปแสวงหาโอกาสในประเทศอื่นๆ ของอาเซียน ไทยก็จะกลายเป็น “ขี้โรคแห่งอาเซียน” ของจริง

ลองมองประสบการณ์การรวมกลุ่มสหภาพยุโรป การอยู่ร่วมกันได้มิใช่บังคับให้ทุกคนมามีวัฒนธรรมเชิงเดี่ยวอย่างเดียวเหมือนกันหมด แต่ยอมรับความหลากหลาย และพยายามเรียนรู้ซึ่งกันและกันต่างหาก ตัวอย่างคือ มิได้มีการบังคับให้ใช้ภาษา “อังกฤษ” เป็นภาษากลางแบบที่อาเซียนทำ แต่ยอมให้มีการใช้ภาษาของแต่ละประเทศอย่างหลากหลายแล้วค่อยมาแปลเข้าหากัน ซึ่งโลกาภิวัตน์ทำให้อุปสรรคเหล่านี้แทบจะไร้รอยต่อ และช่วยให้วัฒนธรรมท้องถิ่นยังคงอยู่ เป็นเสน่ห์ของแต่ละเมืองแต่ละประเทศ มิใช่ไปเที่ยวไหนก็เหมือนกันไปหมด

การปรับทิศทางการลงทุนกับคนด้วยการศึกษา จึงอาจจะต้องลดการทุ่มไปที่ภาษาอังกฤษ แล้วเพิ่มการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นของประเทศอื่นๆ อย่างจริงจัง เพราะเป็นโอกาสที่เรายังพอแข่งขันได้

โดยเฉพาะการนำงบประมาณของประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัดมาใช้ในกิจกรรมของฝ่ายความมั่นคง ข่าวกรอง และการต่างประเทศ ที่ลงงบประมาณไปเพื่อให้ได้มาซึ่ง “ข้อมูล/ความรู้” ก็ควรลดงานข่าวภายในประเทศแล้วออกไปผจญภัยในอาเซียนมากขึ้น เพื่อเพิ่มองค์ความรู้เกี่ยวกับอาเซียน

ธุรกิจและอุตสาหกรรมไทยจะได้ไปตะลุยอาเซียนได้สักที ไม่ใช่เอาแต่บี้ชาวบ้านในท้องถิ่นต่างๆ ของประเทศไทยอยู่อย่างนี้

ความสุขจึงจะกลับคืนมาเป็นของประชาชนอย่างยั่งยืนดังที่สัญญา!

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ