posttoday

พระมหาเจดีย์ชัยงมงคล มูลค่า 3,000 ล้านบาท UnSeen ร้อยเอ็ด (2)

16 พฤศจิกายน 2557

วันที่ 26 ต.ค. 2557 คณะผู้เข้าอบรมหลักสูตรนักลงทุนผู้ทรงคุณวุฒิ นำโดย สิริพร สงบธรรม

โดย...สมาน สุดโต

วันที่ 26 ต.ค. 2557 คณะผู้เข้าอบรมหลักสูตรนักลงทุนผู้ทรงคุณวุฒิ นำโดย สิริพร สงบธรรม เลขาธิการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกเหล่ากาชาด และคุณนายผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด (ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล) ได้นำไปบูชาพระมหาเจดีย์ชัยมงคล ที่ตั้งในป่าลึก แต่เดินทางสะดวก เพราะมีถนนลาดยางขนาดให้รถวิ่งสวนทางกันได้ถึงมหาเจดีย์

ถนนในป่าสงวน และสภาพป่าทั่วไปตลอดสองฟากทางคล้ายกับถนนธนะรัชต์ ที่ขึ้นเขาใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2505 ต่อมาเขาใหญ่ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติก็มีคนจับจองเป็นเจ้าของ ตั้งบ้านหรู สร้างโรงแรม ทำรีสอร์ท ราคาแพง จนถึงทุกวันนี้ และแน่นอนรัฐอาจรู้เห็นเป็นใจจึงขยายถนนจนกว้างใหญ่เกินความจำเป็น

ผู้เขียนเกรงว่าภูเขาเขียวที่งามด้วยธรรมชาติอาจตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับเขาใหญ่และวังน้ำเขียว ถ้าผู้ใช้กฎหมายเกรงใจนายทุน กลัวนักการเมือง

เอกสารแนะนำว่า พระมหาเจดีย์ชัยมงคลสร้างอยู่บนยอดภูเขาเขียว แนวเทือกเขาภูพาน บ้านท่าสะอาด หมู่ 6 ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด การเดินทางจากร้อยเอ็ดมายังหนองพอก 90 กม. ระยะทางจากหนองพอกมายังบ้านท่าสะอาดอีก 12 กม. ถึงหน้าประตูโขงเลี้ยวซ้ายขึ้นเขามาอีก 5 กม. ก็จะถึงพระมหาเจดีย์ชัยมงคล

พระมหาเจดีย์ชัยงมงคล มูลค่า 3,000 ล้านบาท UnSeen ร้อยเอ็ด (2)

 

ประวัติความเป็นมา

จากการที่พระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) ได้ปรารภต่อที่ประชุมสงฆ์และคณะศิษยานุศิษย์ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีฉลู ซึ่งตรงกับวันรวมงานทอดกฐินที่วัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ว่า จะสร้างถาวรวัตถุอันเป็นปูชนียสถานขึ้น เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับจากศรีลังกามาเป็นกรณีพิเศษ พระอัฐิธาตุ และรูปเหมือนของพระอาจารย์อดีตนักปราชญ์ชาวอีสาน ที่ประชุมเห็นชอบให้จัดสร้างพระมหาเจดีย์ฯ ขึ้นที่เทือกเขาเขียว บริเวณใกล้กับวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม (วัดผาน้ำทิพย์หรือวัดผาน้ำย้อย) ต.ผาน้ำย้อย อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด

เมื่อมีการประชุมพระสังฆาธิการภาค 891011 (ฝ่ายธรรมยุต) ที่วัดผาน้ำย้อย โดยสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น) เป็นประธานในที่ประชุม ได้มีมติให้หลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นผู้นำในการก่อสร้าง และให้ชื่อว่า “พระมหาเจดีย์ชัยมงคล”

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประกาศตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาในวันที่ 17 มิ.ย. 2548 มีนามว่า วัดเจดีย์ชัยมงคล

การดำเนินการก่อสร้าง

ทุนเริ่มแรกที่ใช้ในการก่อสร้างเริ่มจากการที่หลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้จัดทำกฐินผ้าป่า 19 จังหวัดทั่วภาคอีสาน จัดเป็นกองกฐิน 8.4 หมื่นกอง กองละ 1,000 บาท และเงินบริจาคจากศิษยานุศิษย์ แต่การก่อสร้างไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร

สำหรับเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ได้เก็บรวบรวมเข้าไว้ในมูลนิธิพระมหาเจดีย์ชัยมงคล เพื่อที่จะนำมาบำรุงรักษาพระมหาเจดีย์ฯ ในอนาคต โดยมิได้นำมาใช้ในกิจการอื่นแต่อย่างใด

พระมหาเจดีย์ชัยงมงคล มูลค่า 3,000 ล้านบาท UnSeen ร้อยเอ็ด (2)

 

วัตถุประสงค์ในการก่อสร้าง

เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า รวมทั้งอัฐิธาตุของเกจิอาจารย์ชื่อดังสายอีสาน และยังเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนาในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ตรงตามแนวทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมกันนี้ยังจัดเป็นดินแดนเพื่อการศึกษา และสักการะบูรพคณาจารย์ ปูชนียาจารย์

โครงสร้างและการออกแบบ

พระมหาเจดีย์ชัยมงคลเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความกว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร สูง 101 เมตร สร้างอยู่บนภูเขาเขียวเนื้อที่ 101 ไร่ ซึ่งขนาดทั้งหมดนี้มีความสอดคล้องกับชื่อของ จ.ร้อยเอ็ด

แต่ต่อมาได้ต่อยอดความสูงขึ้นไปอีกเป็น 109 เมตร เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

ส่วนยอดของเจดีย์ 9 ชั้น เป็นยอดเศวตฉัตรทองคำแท้น้ำหนัก 60 กิโลกรัม (มูลค่าขณะนั้นบาทละ 4,800 เป็นเงิน 23,750,000 บาท)

โครงสร้างองค์พระมหาเจดีย์ฯ เป็นศิลปะร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสาน(พระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม) โดยเน้นแนววิจิตรศิลปะอีสานเป็นหลัก ลักษณะเป็นรูปทรง 8 เหลี่ยม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็ก 8 องค์ ภายในบรรจุพระประจำวันต่างๆ เจดีย์องค์ที่ 8 บรรจุพระแก้วมรกต

พระมหาเจดีย์ฯ มีทั้งหมด 6 ชั้น แต่ละชั้นจะมีความงดงามและความหมายที่แตกต่างกันออกไป

การออกแบบ

ออกแบบโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมโดยกรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ มีอาจารย์ประเสริฐ สุนทโรวาท เป็นสถาปนิก

ควบคุมและออกแบบลวดลายโครงสร้างพระมหาเจดีย์ฯ ทั้งหมด พร้อมวิหารคด โดยคุณพฤษธิดวง มาละสุทธิ์

ดูแลการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ฯ โดยคุณศักดา ภู่จินดา

เอกสารแนะนำได้ระบุว่า ชั้นที่ 1 เป็นชั้นอเนกประสงค์ สำหรับพิธีกรรมทางศาสนา นี้มีรูปหล่อขนาดใหญ่ของหลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นรูปยืน ตั้งเด่นเป็นประธานกลางห้องโถงที่เพียบด้วยเครื่องบูชา

ชั้นที่ 2 เป็นที่ประชุมสงฆ์ ตลอดกำแพงที่ชั้นนี้ติดรูปภาพขนาดใหญ่ในอิริยาบถต่างๆ ของหลวงปู่ศรี

ชั้นที่ 3 เป็นพระอุโบสถ มีพระพุทธชินราชหน้าตักกว้าง 101 นิ้ว เป็นพระประธาน และมีรูปหล่อครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของภาคอีสาน 101 องค์ ประดิษฐานให้บูชาอย่างทั่วถึง แต่ตอนนี้สร้างไปแล้ว 32 องค์

ชั้นที่ 4 จุดชมวิว ชั้นที่ 5 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ (อยู่ระหว่างการรวบรวม) และจะบรรจุอัฐิธาตุของพระอาจารย์ชื่อดังสายอีสานที่เป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นชั้นที่สำคัญที่สุด เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2540 โดยประดิษฐานที่ชั้นสูงสุดที่ต้องขึ้นบันไดวน 119 ขั้นจึงจะถึง

รอบๆ เจดีย์จัดสร้างวิหารคด ประดิษฐานพระพุทธรูปโดยรอบ และมีฆ้องขนาดใหญ่ ไม่ตีก็ดังจากการใช้สองมือลูบพร้อมๆ กัน อัศจรรย์ยิ่งนัก

ที่น่าอัศจรรย์อีกหลายแห่งที่มหาเจดีย์ฯ คือมีห้องน้ำ 1,000 ห้องพร้อมที่พัก (ชั่วคราว) โดยรอบมหาเจดีย์ฯ ที่สร้างใต้กำแพงที่จำลองแบบกำแพงเมืองจีน มีความยาว 3.5 กิโลเมตร ล้อมเจดีย์ที่มีพื้นที่ 101 ไร่

ตัวกำแพงนั้น กว้าง 4 เมตร สูง 5 เมตร สามารถเดินชมวิวทิวทัศน์เขาเขียวได้ด้วย

เมื่อเจดีย์ใหญ่อลังการขนาดนี้ ต้องถามถึงปัจจัยที่ใช้ว่าเท่าไร คำตอบคือประมาณ 3,000 ล้านบาท (ยังไม่เสร็จสมบูรณ์) ที่หน้าพระมหาเจดีย์ฯ มีป้ายประกาศชื่อผู้ศรัทธาว่า บริษัท สุโขทัยปิโตรเลียม โดยคุณจินตนา ไชยกุล และคุณชัช คุณวาสนา ธาระวานิช ที่ถวายทุนทรัพย์เพื่อก่อสร้างตั้งแต่ปี 2536 ถึงปัจจุบัน

นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ จ.ร้อยเอ็ด ไม่ไปไม่รู้นะครับ

ข่าวล่าสุด

คลัง ยันยุบสภาฯไม่สะดุดเศรษฐกิจ ชี้กระทบปี 69 วงจำกัด คาด GDP โต 2%