posttoday

รับแล้วใช้หมอนกดจมูกหั่นศพครูญี่ปุ่น-ฆ่าสามียุ่นอีกคน

25 ตุลาคม 2557

"สมชาย-พรชนก" รับใช้หมอนกดจมูกฆ่าครูญี่ปุ่นก่อนหั่นศพ รับเพิ่มผลัก"ทานากะ" อดีตสามีตกบันไดปี46

"สมชาย-พรชนก" รับใช้หมอนกดจมูกฆ่าครูญี่ปุ่นก่อนหั่นศพ รับเพิ่มผลัก"ทานากะ" อดีตสามีตกบันไดปี46

วันที่ 24 ต.ค. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (รรท.ผบช.ภ.1) เปิดเผยว่า ขณะนี้ นาย สมชาย แก้วบางยาง อายุ 47 ปี  คนขับรถแท็กซี่ ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพนายโยชิโนริ ชิมาโตะ อายุ 79 ปี ครูสอนภาษาญี่ปุ่น ได้ให้การรับสารภาพเพิ่มว่า ได้ลงมือฆ่านายโยชิโนริจนเสียชีวิตก่อน ที่จะทำการหั่นศพและนำไปทิ้ง โดยให้เหตุผลว่า เพราะความหึงหวง และต้องการทรัพย์สินของนายโยชิโนริ ซึ่งคาดว่าคดีดังกล่าวอีกไม่เกิน15วันคดีนี้คงจบ  เนื่องจากมีหลักฐานที่ชัดเจน ขณะนี้ได้มีการประสานไปยังญาติของผู้เสียชีวิตในการรับชิ้นส่วนร่างกายแล้ว

ส่วนนางพรชนก ไชยะปะ อายุ 47 ปี สาวคนสนิท ได้ทำการรับสารภาพแล้วว่า มีส่วนรู้เห็นในการลงมือในครั้งนี้ และให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ซึ่งวันที่ 25 ต.ค. จะนำผู้ต้องหาทั้ง2ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา พร้อมแจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย
 
ด้าน พ.ต.อ.สมศักดิ์ชัย อมรส่งเจริญ ผกก.สภ.บางเสาธง กล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ชุดพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีได้เบิกผู้ต้องหาทั้งสองมาแยกสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างเคร่งเครียดตลอดทั้งคืน ก่อนที่ทั้งสองจะยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันฆ่านายโยชิโนริที่บ้านพักในหมู่บ้านออร์คิด โดยใช้หมอนปิดจมูกผู้ตายจนขาดอากาศหายใจ ก่อนจะช่วยกันยกร่างไปหั่นชำแหละภายในห้องน้ำชั้น 2

"นายสมชายให้การว่าขณะลงมือหั่นศพ ได้ถอดเสื้อผ้าออกหมด เหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียว เพื่อไม่ให้เลือดกระเด็นโดนเสื้อผ้า ก่อนที่จะนำกางเกงชั้นในตัวดังกล่าวไปทิ้งไว้ภายในห้องพักย่านเคหะบางพลี สอดคล้องกับเมื่อคืนวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอหมายค้นเพื่อเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่ม และพบมีด รวมถึงเสื้อผ้า และกางเกงชั้นในตามคำให้การของนายสมชาย" พ.ต.อ.สมศักดิ์ชัยกล่าว

ส่วนอีกคดี กรณีน.ส.เคโกะ มัตตะ อายุ 31 ปี ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ลูกสาวนายคัทสึโตชิ ทานากะ อายุ 57 ปี นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นอดีตสามีนางพรชนก ไชยยะปะ แจ้งความที่ สภ.บางเสาธง ให้ดำเนินคดีกับนางพรชนก เนื่องจากเชื่อว่าการเสียชีวิตของบิดาจากอุบัติเหตุตกบันไดมีเงื่อนงำ ขอให้ตำรวจรื้อคดีใหม่ พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา รักษาราชการแทน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ขนาด 2 คูหา เลขที่ 99/427-428 หมู่ 9 ริมถนนบางนา-ตราด กม. 18 ต.บางโฉลง อ.บางพลี ซึ่งเดิมนายทานากะได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการขายเครื่องจักรเก่าจากประเทศญี่ปุ่น และอยู่กินกับนางพรชนก หรือชื่อเดิมนางเพ็ญศรี กระทั่งนายทานากะ ตกบันไดชั้น 3 เสียชีวิตเพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุและจำลองเหตุการณ์โดยใช้เวลาราว 40 นาที

พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) สั่งการให้มาติดตามดูแลตรวจสอบและคุมสำนวนการสอบสวนที่ทำไว้เมื่อปี 2546 ว่าครบถ้วนเพียงใด มีพยานหลักฐานอื่นยืนยันบ้างหรือไม่ว่าเป็นการฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ จึงประสานนิติเวช และกองพิสูจน์หลักฐานมาร่วมตรวจสอบเพื่อคำนวณแรงตกบันไดและทิศทางต่าง ๆ ว่าสอดคล้องกับบาดแผลที่เกิดขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ต้องตรวจสอบข้อมูลอื่น ๆ อาทิ ข้อมูลกรมธรรม์ เพื่อเชื่อมโยงจากทุกฝ่ายถึงจะสรุปถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดได้

จากนั้น เมื่อเวลา 20.00 น. พล.ต.ท.สุวิระ เดินทางไปสอบปากคำนางพรชนก และนายสมชาย ที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่สภ.บางเสาธง ซึ่งในที่สุดนายสมชาย ได้เปิดปากรับสารภาพว่า เป็นคนผลักนายคัทสึโตชิตกบันไดจนเสียชีวิตโดยลงมือทำเพียงคนเดียว มีพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้บันทึกคำให้การของนายสมชายเอาไว้ และเตรียมขออนุมัติหมายจับจากศาลสมุทรปราการเพื่ออายัดตัวนายสมชายดำเนินคดีเพิ่มต่อไป

ซึ่งคดีนี้ นางพรชนก ได้ให้ปากคำกับพ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ฐาปนะพงษ์ไพบูลย์ พนักงานสอบสวนสภ.บางพลี เจ้าของคดีในขณะนั้นว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 2 ต.ค. 2546 ได้โทรศัพท์ให้ผู้ตายซึ่งเป็นสามีมาทานอาหารที่อาคารพาณิชย์ที่เกิดเหตุแล้วผู้ตายได้ให้เงินนายสมศักดิ์ แซ่ลิ้ม ไปซื้อสุราและเบียร์มาให้ดื่มโดยมีนายวิชัย แซ่ลิ้มและนายสมศักดิ์ มาร่วมดื่มด้วย กระทั่งราว 24.00 น. ผู้ตายมีอาการเมาสุรา นางเพ็ญศรี จึงให้นายวิชัย และนายสมศักดิ์ พาขึ้นไปนอนชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว จนเวลา 03.00 น.วันที่ 3 ต.ค. 2546 สุนัขในบ้านเห่า ผู้เสียชีวิตได้เปิดห้องออกมาดูข้างล่าง ส่วนนางเพ็ญศรี ง่วงไม่ได้ออกมาด้วย สักครู่ได้ยินเสียงผู้เสียชีวิตนอนร้องอยู่ที่บันไดชั้นล่างมีเลือดออกที่ศีรษะจึงลงไปช่วยพร้อมเรียกนายวิชัยและนายสมศักดิ์ให้มาช่วยกันนำส่ง รพ. จุฬารัตน์ 1 เมื่อถึง รพ.แพทย์แจ้งว่าเสียชีวิตแล้ว จึงโทรศัพท์แจ้งพนักงานสอบสวนสภ.บางพลี มาชันสูตรศพกับแพทย์ รพ.บางพลีและส่งศพไปตรวจที่สถาบันนิติเวชสำนักงานตำรวจแห่งชาติผลชันสูตรแจ้งว่า เสียชีวิตจากเส้นเลือดหัวใจตีบ มีเลือดออกในกล้ามเนื้อหัวใจร่วมกับบาดแผลกระทบของแข็งไม่มีคมที่ศีรษะและร่างกาย ได้สรุปสำนวนส่งอัยการจังหวัดสมุทรปราการพิจารณาเมื่อวันที่ 27 พ.ย.2546 ว่าการเสียชีวิตไม่ใช่เกิดจากการกระทำผิดอาญา ทั้งนี้ตำรวจจะติดตามตัวนายสมศักดิ์และนายวิชัย ที่เป็นอดีตลูกน้องนายทานากะมาสอบปากคำ เนื่องจากเห็นเหตุการณ์ขณะเสียชีวิต

รายงานระบุว่า ตำรวจสามารถติดตามตัวนายสมศักดิ์ มาสอบปากคำได้แล้ว ส่วนนายวิชัย ซึ่งเป็นบิดานายสมศักดิ์ได้เสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้นายสมศักดิ์ให้การกับตำรวจซึ่งสอดคล้องกับการรับสารภาพของนายสมชาย ว่า ในคืนเกิดเหตุก่อนนายทานากะเสียชีวิต ได้ชักชวน 2 พ่อลูกมาดื่มสุรา ก่อนที่นายทานากะจะลุกออกไป ต่อมานายสมศักดิ์เห็นนายทานะกะเสียชีวิตอยู่ที่เชิงบันได ส่วนที่ต้นบันไดเห็นนายสมชาย ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งนี้เวลา 08.00 น. วันที่ 25 ต.ค. ตำรวจจะคุมตัวนายสมชายและนายสมศักดิ์ ไปชี้จุดเกิดเหตุ

ข่าวล่าสุด

ญี่ปุ่นเตรียมเดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของโลกอีกครั้ง หลังเหตุฟุกุชิมะ 15 ปี