posttoday

บัว ศจิเสวี รับพระราชทานนามสกุล อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

12 ตุลาคม 2557

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานกำเนิดนามสกุลแก่คนไทย

โดย...ไอยคุปต์ ธนบัตร

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานกำเนิดนามสกุลแก่คนไทย และนามสกุลแรก คือ สุขุม ที่พระราชทานแก่เจ้าพระยายมราช (ปั้น) เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2456

ส่วนผู้ที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับพระราชทานนามสกุล ได้แก่ ด.ช.บัว ศจิเสวี ขณะที่ได้รับพระราชทานมีอายุเพียง 6 ขวบ จึงเป็นต้นสกุลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

หนังสือวชิราวุธานุสรณ์สาร ของมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระบรมราชูปถัมภ์ ปีที่ 13 ฉบับที่ 2 ประจำเดือน เม.ย. 2557 หน้า 69 คอลัมน์เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย โดย ไอยคุปต์ ธนบัตร เสนอเรื่อง นายบัวศจิเสวี มหาดเล็กผู้ได้รับพระราชทานนามสกุลอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

ไอยคุปต์ เล่าในบทความว่า นายบัว ศจิเสวี เป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้รับพระมหากรุณาพระราชทานนามสกุลขณะมีอายุเพียง 6 ขวบ ว่า “ศจิเสวี” สะกดเป็นอักษรโรมันว่า “Sachisevi” เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2465 เป็นลำดับ 6428 ตามทะเบียนนามสกุลพระราชทาน ท่านมีชีวประวัติที่น่าสนใจยิ่ง ทั้งยังเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ

ตามประวัติส่วนตัว นายบัว ศจิเสวี เป็นบุตรของนายปลิว และนางเนย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ก.ค. 2460 ที่บ้าน ต.ตะพานเหลือง จ.พระนคร แต่กำพร้าบิดามารดา เมื่ออายุได้ 2 ขวบ จึงอยู่ในปกครองของญาติ

เมื่ออายุได้ 34 ขวบ ญาติได้นำเอาไปฝากให้อยู่กับหลวงอาซึ่งเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดตองปุ (วัดชนะสงคราม) เพื่อจะได้ศึกษาเล่าเรียนหนังสือ ระหว่างนั้น นายเขียน เพื่อนของหลวงอาซึ่งเป็นนายตรวจรถรางมาเยี่ยมเยียนอยู่บ่อยครั้ง และบางครั้งได้พา ด.ช.บัว ไปเที่ยวข้างนอกวัดบ้าง จนมาวันหนึ่งนายเขียนได้พา ด.ช.บัว ออกมานั่งรถรางเที่ยว และเกิดเหตุการณ์สำคัญต่อชีวิตของ ด.ช.บัว หนังสือปกิณกะนิพนธ์ของบัวบาน เล่าว่า

บัว ศจิเสวี รับพระราชทานนามสกุล อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

 

เข้าวังโดยไม่รู้ตัว

ผมจำได้ว่า วันหนึ่งนายเขียนขออนุญาตพาผมออกไปเที่ยว ขึ้นรถรางด้วยรู้สึกว่าวันนั้นไปไกลมาก ผ่านสนามกว้างใหญ่ มียอดแหลมๆ มีประตูใหญ่เหมือนกำแพงกั้นหลายชั้น ทราบภายหลังว่า ตรงนั้นเขาเรียกว่า “ประตูดิน” อยู่ท้ายวังหลวง

จากประตูนั้น ผมรู้สึกว่ามีมือใครจูงผมจากนายเขียนไปอีกประตูหนึ่ง แล้วก็จูงกันต่อๆ ไป จากมือหนึ่งไปอีกมือหนึ่ง หลายทอดหลายต่อ ผมได้เห็นผู้คนมากมายมีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น

ผมถูกตั้งคำถามต่างๆ ผมเคยถูกสอนไว้ว่า ใครถามอะไรก็ให้ตอบ ผมคงจะตอบอะไรที่ถูกใจผู้ถาม ในตอนสุดท้ายผมได้ยินว่า “เอาบัวไว้” “สมเด็จให้เอาบัวไว้” ผมไม่ทราบว่า “สมเด็จ” คืออะไร ผมถูกเอาตัวไว้จริงๆ โดยไม่ได้กลับออกมาหานายเขียน ไม่ได้พบกับหลวงอาอีกเลย วันนั้นจึงเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตใหม่สำหรับผม ผมเข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวังแล้วโดยไม่ได้คาดฝัน นับเป็นเริ่มแรกที่พระมหากรุณาธิคุณโปรยละอองมาถึงผม

นายเขียนคงจะนำความกลับไปบอกหลวงอาว่า “สมเด็จเอาตัวบัวไว้แล้ว” หลวงอาก็คงไม่ทราบจะทำอย่างไร ตลอดถึงญาติทั้งหลายก็เพียงแต่คิดว่า “ถ้านายเขียนไม่หลอกก็เป็นบุญของบัว” เท่านั้นเอง

ทำหน้าที่มหาดเล็ก

ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา มีพระมหากรุณาธิคุณรับนายบัวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นมหาดเล็กและพำนักอยู่ในพระราชวังพญาไท ทรงโปรดปรานและไว้วางพระราชหฤทัยให้ ด.ช.บัว รับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด เช่น เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบว่า ด.ช.บัว สามารถอ่านหนังสือได้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้อ่านหนังสือถวาย

ด.ช.บัว อ่านหนังสือได้เป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงได้รับหน้าที่อ่านหนังสือพิมพ์ถวายพระองค์อยู่เป็นประจำ

และนอกจากอ่านหนังสือถวายแล้ว ยังโปรดเกล้าฯ ให้ ด.ช.บัว ถวายอยู่งานทุบในห้องทรงพระอักษรและห้องบรรทมอีกด้วย

การปฏิบัติหน้าที่ของ ด.ช.บัว เป็นที่พอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานเสมา ร.ร.6 ซึ่งนายบัวบันทึกไว้ในหนังสือปกิณกะนิพนธ์ของบัวบานว่า

วันหนึ่งผมได้ไปถวายอยู่งานทุบจนพระองค์ท่านทรงพระบรรทมหลับไป และเมื่อบรรทมตื่นพระองค์ท่านก็ยังทอดพระเนตรเห็นผมทุบถวายอยู่ ท่านได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเสมา ร.ร.6 ทองคำลงยาพร้อมสร้อยคล้องคอผมด้วยพระหัตถ์ ผมถวายบังคมที่พระยุคลบาท พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นสุดที่จะบรรยายให้เห็นถึงในหัวใจของผมได้

อีกครั้งหนึ่ง ณ พระราชวังพญาไท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทาน “ลดามหาปราสาท” เป็นรูปนกยูงเกาะอยู่บนอักษรตัว “อ” แก่ ด.ช.บัว

ของพระราชทานนี้เป็นตัวอย่างเข็มทองคำลงยา ที่ทรงสั่งทำพระราชทานแก่สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา เพื่อพระราชทานแก่ข้าหลวงและข้าราชบริพาร

ตามเสด็จ

นอกจากการถวายงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทในพระราชวังพญาไทแล้ว นายบัวยังได้รับพระมหากรุณาฯ ให้ตามเสด็จในยามที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปในสถานที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เช่น ตามเสด็จพระราชดำเนินไปซ้อมรบเสือป่าที่พระราชวังสนามจันทร์ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เสด็จพระราชดำเนินสมโภชขึ้นระวางเรือพระที่นั่งมหาจักรี (ลำที่ 2) และในคราวเสด็จทอดพระเนตรการฝึกซ้อมทางเรือของทหารเรือ (วันที่ 115 มี.ค. 2465) ขณะนั้นนายบัวอายุราว 6 ขวบ ได้ร่วมตามเสด็จไปด้วย

พระราชทานนามสกุล

ในระหว่างที่ประทับบนเรือพระที่นั่งมหาจักรีนั้น โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุลให้แก่ ด.ช.บัวว่า “ศจิเสวี” อันมีความหมายว่า “เสวกหรือข้าราชบริพารของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา” นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น นายบัว ศจิเสวี ได้บันทึกถึงเหตุการณ์ในวัยเยาว์ครั้งนั้นว่า

ทรงหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนพระราชทานว่า “ศจิเสวี” ณ ที่นั้นเองซึ่งพระองค์ท่านทรงนำคำท้ายของพระนาม “อินทรศักดิศจี” ของสมเด็จฯ มาตั้งเป็นนามสกุลพระราชทานแก่ผม เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ อันจะติดตัวผมไปจนตลอดชีวิต และผู้สืบสกุล

เรียนจบ ม.8

ด.ช.บัว ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เรียนหนังสือระดับประถมที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อรัชกาลที่ 6 สวรรคต โรงเรียนหยุดดำเนินการชั่วคราวแล้วมายุบรวมกับโรงเรียนราชวิทยาลัย เป็นโรงเรียนวชิราวุธ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แต่ ด.ช.บัว ได้ย้ายมาเรียนต่อที่โรงเรียนวัดประยุรวงศาวาส และจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 จากโรงเรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เมื่อปี 2478

เกษียณที่แบงก์ชาติ

ในการรับราชการเริ่มที่กรมศุลกากร แต่ลาออกเมื่อปี 2485 ได้เข้าทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และเกษียณอายุ ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายธุรการ เมื่อปี 2520 หลังจากทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยยาวนานถึง 34 ปี 7 เดือน

ณ ที่แบงก์ชาตินายบัวใช้เวลา 2 ปี เรียบเรียงหนังสือเรื่องวังบางขุนพรหม ตามที่ นายเสนาะ อูนากูล ผู้ว่าแบงก์ชาติในครั้งนั้นมอบหมายให้ทำ เมื่อเปลี่ยนผู้ว่าฯ นโยบายเปลี่ยนไปด้วย นายบัวจึงนำหนังสือวังบางขุนพรหมพร้อมลิขสิทธิ์ ทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

บก.วชิราวุธานุสรณ์สาร

ในบั้นปลายชีวิต นายบัวได้ทำงานอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 หลายประการ นอกจากรับเป็นบรรณาธิการวารสารวชิราวุธานุสรณ์สารแล้ว ได้สานต่อการจัดทำอักขรานุกรมนามสกุลพระราชทานที่หลวงถนัดนาวานุเคราะห์ริเริ่มไว้แต่ถึงแก่กรรมไปก่อน จนแล้วเสร็จบริบูรณ์ ซึ่งมีทั้งสิ้น 6,432 นามสกุล

นายบัว ศจิเสวี ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2554 สิริอายุได้ 93 ปี 9 เดือน

นี่คือประวัติที่น่าอัศจรรย์ของนายบัว ที่ได้รับพระราชทานนามสกุลเมื่ออายุ 6 ขวบ ซึ่งจัดว่าเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับพระราชทาน และเป็นต้นสกุลที่ยังอยู่ในวัยเด็กอีกด้วย

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ