ทนาย"ยิ่งลักษณ์"จ่อชงปฏิรูปองค์กรอิสระ
สปช.ทยอยรายงานตัววันที่4 "บัญชา" อดีตทนายยิ่งลักษณ์ จ่อชงปฏิรูปองค์กรอิสระอันดับแรก เผยมีรายชื่อประธาน สปช. ในใจแล้ว
สปช.ทยอยรายงานตัววันที่4 "บัญชา" อดีตทนายยิ่งลักษณ์ จ่อชงปฏิรูปองค์กรอิสระอันดับแรก เผยมีรายชื่อประธาน สปช. ในใจแล้ว
วันที่ 11 ต.ค. บรรยากาศการการเปิดรับรายงานตัวสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ซึ่งวันนี้เปิดรับรายงานตัวเป็นวันที่ 4 (8-11ต.ค.)แล้วแม้จะเป็นวันหยุดราชการแต่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเปิดให้ สมาชิก สปช. รายงานตัวได้ตั้งแต่เวลา 08.30 - 16.30 น.
ผู้ที่เดินทางมารายงานตัวเป็นรายแรกของวันนี้คือนายจุมพล รอดคำดี อดีตคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาชิก สปช. ลำดับที่ 44 จากนั้นมีสมาชิกสปช.เดินทางมารายงานตัวต่อเนื่อง อาทิ นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ อดีตทีมทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว, พล.อ.วรวิทย์ พรรณสมัย,นายจรัส สุทธิกุลบุตร ,นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร สมาชิกสปช.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ฯลฯ
นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังรายงานว่า มีความตั้งใจและวางแนวทางการทำงานว่าจะปฏิรูปองค์กรอิสระ เพื่อให้คานอำนาจจะได้เป็นหลักประกันให้ประชาชนมีความพอใจ ในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเรื่องการสอบสวนพยานของหน่วยงานองค์กรกลาง ต้องมีการบันทึกภาพ เสียง ในทุกปาก เพื่อนำส่งศาล ได้ทราบว่าพยานมีความสมัครใจหรือให้การเพราะถูกดำเนินการด้วยวิธีใดหรือไม่ ดังนั้นการสอบสวนในกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องจะต้องได้รับความเชื่อถือจากประชาชน ในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องมีกระบวนการที่โปร่งใส ให้ความเป็นธรรม โดยเฉพาะการไต่สวนต้องนำไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยผู้เสียหายที่ถูกกล่าวหาและระบุว่าป.ป.ช.ไม่ให้ความเป็นธรรมก็ให้มีอำนาจในการยื่นต่อรัฐสภา เพื่อให้ส.ส. ส.ว.ตั้งคณะกรรมการไต่สวนว่าถูกป.ป.ช.กลั่นแกล้งหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร และถ้าคณะกรรมการไต่สวนสอบแล้วพบว่าเป็นความจริงก็ให้รัฐสภาลงมติด้วยคะแนนแค่ 1 ใน 10 ก่อนที่จะส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
“กรรมการป.ป.ช.ไม่ควรวิตก เพื่อพิสูจน์ว่าป.ป.ช.ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ที่ผมพูดถึงหลักการในกระบวนการยุติธรรมทั่วไปไม่ได้กล่าวหาป.ป.ช. เพื่อให้ป.ป.ช.มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความสง่างาม และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ“นายบัญชา กล่าว และว่าส่วนคดีจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ตนไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่จากน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ไม่ได้ลาออก ซึ่งตนไม่ได้กล่าวหาป.ป.ช.ว่ากลั่นแกล้งน.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงต้องการให้กระบวนการพิจารณาความนั้นมีความโปร่งใส หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ผิดก็ต้องน้อมรับ แต่ถ้าถูกป.ป.ช.น่าจะให้ความเป็นธรรมต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์
เมื่อถามว่าตั้งใจจะเข้ามาปฏิรูปการทำงานของป.ป.ช. นายบัญชา กล่าวว่า ตนได้บอกกับป.ป.ช.แล้วว่าการไต่สวน สอบสวนจะต้องคำนึงถึงกระบวนการยุติธรรมให้ผู้ถูกกล่าวหายอมรับได้ เพราะผู้ถูกกล่าวหาไม่เพียงแค่อดีตนายกฯ แต่มีอีกหลายคน ดังนั้นตนอยากให้ปฏิรูปป.ป.ช. โดยเฉพาะเรื่องอายุความของผู้ถูกกล่าวหาที่ร้องขอความเป็นธรรมโดยการฟ้องกลับป.ป.ช.ที่ถูกกำหนดไว้ 15 ปี แต่คดียังไม่สิ้นสุดก็ขาดอายุความก่อนแล้วถามว่าผู้ถูกกล่าวหาจะได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร ดังนั้นควรจะแก้กฎหมายเพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเป็นธรรมสามารถฟ้องศาลชั้นต้นได้อีกทางหนึ่ง
เมื่อถามว่าขณะนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าควรจะยุบป.ป.ช. นายบัญชา กล่าวว่า ต้องดูเหตุผลทำไมถึงมีเสียงเรียกร้อง ส่วนตนไม่ต้องการให้ยุบป.ป.ช. ของเขาดีอยู่แล้ว แต่ควรได้รับการปฏิรูป ชื่อก็ดี และเป็นนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และรัฐบาล
เมื่อถามมีชื่อประธานสปช.อยู่ในใจแล้วหรือไม่ นายบัญชา กล่าวว่า ตนได้พิจารณาแล้วมีชื่ออยู่ในใจ แต่ขอไม่เอ่ย ซึ่งคนที่จะเป็นประธานสปช.นั้นต้องมีองค์ประกอบหลาย ๆด้าน ชื่อแต่ละคนที่สื่อนำเสนอนั้นต่างมีความรู้ความสามารถ
ภาพประกอบข่าว


