posttoday

คดีเสธ.แดงยังไร้ข้อสรุป ตร.ชี้ไม่มีหลักฐาน

03 มิถุนายน 2553

นายกฯ-สุเทพ เมินประชุมร่วม กมธ.ทหาร แจงอาวุธคร่า "เสธ.แดง" อ้างติดภาระกิจ ขณะที่ตำรวจแจง ไม่มีหลักฐาน ยังไร้ข้อสรุป  

นายกฯ-สุเทพ เมินประชุมร่วม กมธ.ทหาร แจงอาวุธคร่า "เสธ.แดง" อ้างติดภาระกิจ ขณะที่ตำรวจแจง ไม่มีหลักฐาน ยังไร้ข้อสรุป  

การประชุมคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานในที่ประชุม  มีวาระพิจารณาการใช้มาตรการปิดล้อมสกัดกั้นผู้ชุมนุมทางการเมืองเพื่อขอคืนพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสียชีวิตของพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก โดยได้เชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมด้วย  แต่ได้แจ้งเป็นหนังสือว่าไม่สะดวกเข้าร่วมประชุม เนื่องจากติดภารกิจ และส่ง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สบ10)  พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รองผู้บัญคับการพิสูจน์หลักฐานตำรวจเข้าร่วมประชุมแทน

พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ชี้แจงต่อคณะ กรรมาธิการ โดยยอมรับถึงอุปสรรคการทำหน้าที่ของตำรวจ ว่าไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก (เสธ.แดง) ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่บริเวณทางขึ้นลิฟท์ผู้พิการสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสวนลุมพินีได้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ทหารใช้มาตรการกระชับวงล้อมในพื้นที่สวมลุมพินี ทำให้ผู้ชุมนุมประมาณ 3-4 หมื่นคนทยอยออกนอกพื้นที่  อย่างไรก็ตามภายหลังผลชันสูตรพลิกศพพบว่าถูกยิงจากที่สูง ส่วนสื่อมวลชนที่สัมภาษณ์ เสธ.แดงขณะเกิดเหตุทราบแต่เพียงว่า เป็นผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ชื่อ นายทอม แต่ยังไม่สามารถเรียกตัวมาสอบปากคำได้  ทั้งนี้ขอตั้งข้อสังเกตถึงการเสียชีวิตของ เสธ.แดง ว่าน่าจะเกิดจากการที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มคนเสื้อแดง การขัดผลประโยชน์ รวมทั้งกรณีที่ เสธ.แดง เคยวิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชาระดับสูง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่ประชุมกรรมาธิการมีข้อถกเถียงถึงชนิดปืนที่ใช้ยิงพล.ต.ขัตติยะ ซึ่งทาง สตช. และกองพิสูจน์หลักฐาน ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่า เป็นปืนชนิดใด ขนาดเท่าไร หรือเป็นปืนที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือ อาวุธสงคราม ทำให้ กรรมาธิการ หลายคนได้ตำหนิถึงกระบวนการพิสูจน์หลักฐานว่าขาดประสิทธิภาพในการทำงาน

ด้าน พ.ต.ทรงพล เอี่ยมบุญฤทธิ์ อดีตนายทหารกรมสรรพาวุธทหารบก และที่ปรึกษากรรมาธิการ เชื่อว่า ปืนที่ใช้ลอบสังหาร เสธ.แดง น่าจะเป็นอาวุธปืนชนิดพีไนน์ตี้ ซึ่งมีขนาดกระสุน 4.6 มิลลิเมตร ซึ่งปืนชนิดนี้มีไว้สำหรับการต่อต้านก่อการร้าย มีวิถียิงแม่นมาก และสามารถยิงทะลุเกราะอ่อนได้

ขณะที่ พ.ต.อ.ธวัชชัย ยืนยันว่า ขณะนี้พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่สามารถระบุชนิดอาวุธที่ใช้ยิงได้ เพราะไม่พบเศษกระสุนปืน หรือเศษปลอกกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งขณะที่เกิดเหตุไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ อีกทั้งในช่วงที่เกิดเหตุไม่ทราบว่าพล.ต.ขัตติยะ หันหน้าไปทางใด จึงไม่สามารถตรวจสอบวิถีกระสุนว่ายิงมาจากสถานที่ใด อย่างไรก็ตามจากการผลชันสูตรเบื้องต้นทราบว่า ยิงมาจากที่สูงและระยะไกลเท่านั้น ไม่ใช่ข้อมูลที่สื่อมวลชนสันนิษฐานว่าเป็นปืนชนิด 338 ลากัวร์ หรือ308 วินเช็ป เปอร์ ที่เป็นอาวุธที่ยิงในระยะไกลถึง 2 กิโลเมตร และอาวุธดังกล่าวจะมีขนาดรูออกกว้างถึง 07.2 เซ็นติเมตร จึงเป็นไปไม่ได้เพราะกระสุนที่ยิง เสธ.แดงมีขนาด0.4 เซ็นติเมตร ส่วนกระบวนการพิสูจน์หลักฐานต้องดำเนินการต่อไป เพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อนจึงจะตอบได้ ดังนั้นการเร่งรัดให้ตอบในตอนนี้คงไม่สามารถทำได้ มิเช่นนั้นก็คงเท่ากับเป็นการยกเมฆ

จากนั้น พ.ต.ท.สมชาย ได้สอบถามกองพิสูจน์หลักฐานถึงผู้เสียชีวิต 6 ศพ ที่วัดปทุมวนารามว่ากองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปตรวจสอบหรือไม่ ซึ่ง พ.ต.อ.ธวัชชัย ชี้แจงว่า กรณีเหตุการณ์ที่วัดปทุมวนาราม กองพิสูจน์หลักฐานไม่ได้เข้าไปตรวจสอบตั้งแต่แรก เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ทหารกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ และนึกว่าไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ได้เข้าไปภายหลังทหารเชิญเข้าไปตรวจสอบ

ทั้งนี้ พ.ต.ท.สมชาย ได้ฝากให้ สตช.เข้าไปตรวจสอบและติดตามหาผู้กระทำผิดอีกครั้ง รวมทั้งให้ตรวจสอบหาอาวุธให้แน่ชัด เนื่องจากกรรมาธิการฯ มีข้อสังเกตว่าเป็นอาวุธที่ใช้ในราชการอย่างแน่นอน รวมทั้งเป็นอาวุธที่มีขนาดต่ำกว่า 0.4 เซนติเมตร ที่มีอานุภาพร้ายแรง

 

ข่าวล่าสุด

ประกาศ! ปิดกั้นอ่าวไทย 'สกัดน้ำมัน-ยุทธปัจจัย' เข้ากัมพูชา