วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช จะเป็นมรดกโลก
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ที่เป็นแลนด์มาร์กแห่งพระพุทธศาสนา
โดย...สมาน สุดโต
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ที่เป็นแลนด์มาร์กแห่งพระพุทธศาสนา กำลังจะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เพราะทุกอย่างอยู่ในสภาพดั้งเดิมแต่โบราณและเชื่อมโยงกับโบราณสถานต่างๆ ในประเทศศรีลังกา นับแต่อดีตที่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย ก่อนไปสร้างความอลังการทั้งศิลปะและวัฒนธรรมที่กรุงสุโขทัย
กรมศิลปากรบรรยายลักษณะเด่นของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารหลายประการ รวมทั้งกำหนดพื้นที่ชั้นใน ชั้นนอก กันชน ที่ต้องรื้อถอนหรือปรับปรุงพื้นที่ที่บดบังทัศนียภาพโดยรอบ จากนั้นได้รวบรวมเอกสารทั้งหมดส่งต่อไปยังศูนย์มรดกโลก ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อเดือน ก.พ. 2557 เพื่อให้ทันต่อการพิจารณาเป็นมรดกโลกในปี 2558
ลักษณะเด่นของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เช่น เป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม กล่าวคือพระบรมธาตุเจดีย์ในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (หรือวัดพระบรมธาตุ) เป็นพระมหาธาตุสำคัญ เป็นศูนย์กลางของเมืองนครศรีธรรมราชอันยิ่งใหญ่บนดินแดนเหนือคาบสมุทรภาคใต้ของประเทศไทย
ตามตำนานกล่าวว่า พระเจ้าโคสีหราชเจ้าเมืองทนธบุรีได้ให้พระราชธิดาและพระราชโอรส อัญเชิญพระทันตธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปยังศรีลังกา เพื่อหลบหนีกองทัพที่ยกมาขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เรือที่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุถูกพายุพัดไปยังหาดทรายแก้ว จึงฝังพระทันตธาตุไว้ ณ หาดทรายแห่งนั้น
ต่อมาพระเจ้าศรีธรรมโศกราช ทรงทราบว่าพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ที่เมืองนี้ จึงทรงสร้างพระธาตุเจดีย์ประดิษฐานครอบพระบรมสารีริกธาตุและสถาปนาเป็นเมืองนครศรีธรรมราช ให้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและพุทธศาสนาแห่งอาณาจักรตามพรลิงค์ โดยตั้งอยู่นอกเมืองโบราณนครศรีธรรมราชออกไปทางด้านทิศเหนือ
เมื่อมีการขยายเมืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 ลงมา จึงผนวกพระบรมธาตุไว้ภายในกำแพงเมือง ตามหลักฐานทางโบราณคดีพบว่าถนนด้านหน้าที่ติดกับทางเข้าหลักของวัดพระบรมธาตุ เป็นเส้นทางของผู้คนที่มาสักการะพระบรมธาตุเจดีย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ
สถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดภายในวัดพระบรมธาตุ คือ พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช เป็นพระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมอัฐิธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และนับถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนิกชน สันนิษฐานว่าพระบรมธาตุเจดีย์ครั้งแรกที่สร้างอาจมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบศิลปะศรีวิชัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 1314
พระเจ้าจันทรภาณุเจ้าผู้ปกครองนครศรีธรรมราช ทรงบูรณะพระเจดีย์ในราวพุทธศตวรรษที่ 18 โดยครอบทับด้วยเจดีย์ทรงกลมหรือทรงลังกาล้อมรอบด้วยพระระเบียงหรือระเบียงคตตามแบบประเพณี ส่วนหลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาเคลือบแบบท้องถิ่น
ต่อมาได้รับการทำนุบำรุงรักษาให้มีความสง่างามอย่างต่อเนื่อง และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหารและมีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่
ส่วนวัฒนธรรมประเพณีที่เกี่ยวกับพระบรมธาตุเจดีย์ คือ การบูชาที่เป็นขนบธรรมเนียม ประเพณีและแบบแผนทางวัฒนธรรมจากลังกามาสู่นครศรีธรรมราชหลายประการ เช่น มีประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการบูชาพระบรมธาตุไม่น้อยกว่า 10 ครั้งในแต่ละปี สืบเนื่องติดต่อกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าจันทรภาณุแห่งอาณาจักรตามพรลิงค์ ไปถึงสมัยสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน
กรมศิลปากรบรรยายคุณสมบัติพระบรมธาตุเจดีย์ว่ามีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์การเป็นมรดกโลก เช่น เป็นตัวแทนผลงานที่เป็นเลิศของการสร้างจากอัจฉริยะของมนุษย์ แสดงถึงการออกแบบอาคารและการออกแบบแผนผังของสถาปัตยกรรมทางพุทธศาสนา
ส่วนยอดของพระบรมธาตุประดับด้วยทองคำ อัญมณี ลูกปัดแก้ว และพระพุทธรูปอันวิจิตรงดงาม แสดงถึงการเคารพบูชาพระพุทธเจ้าอย่างสูงสุด
สถูปทรงกลมขนาดใหญ่มีต้นแบบมาจากสถูปในศิลปะลังกาและปลียอดทรงดอกบัวตูมที่ประดับด้วยลูกปัดแก้ว ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะสุโขทัย จึงเป็นการออกแบบสถาปัตยกรรมชิ้นเลิศที่สร้างจากอัจฉริยภาพของศิลปิน
เมื่อพุทธศาสนาลัทธิเถรวาทจากศรีลังกาเข้ามาดินแดนศรีวิชัย ที่นี่คือสถานที่รับและเผยแผ่ไปยังอาณาจักรสุโขทัยและอยุธยา ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือจึงปรากฏเจดีย์ทรงระฆังในอาณาจักรเหล่านี้
ที่สำคัญคือมีความสัมพันธ์โดยตรงหรือเห็นได้ชัดเจนกับเหตุการณ์ หรือประเพณีที่ยังคงอยู่ หรือความคิด หรือความเชื่อ งานศิลปกรรม และวรรณกรรม ที่มีความสำคัญโดดเด่นเป็นสากล คือประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุ มีความสัมพันธ์กับพุทธศาสนิกชนในระดับท้องถิ่นระดับประเทศและระดับโลก ในฐานะสัญลักษณ์แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเป็นพุทธศาสนสถานที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของโลก มีพุทธศาสนิกชนจำนวนมหาศาลเดินทางเข้ามาร่วมพิธีกรรมปีละหลายครั้ง แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาสูงสุดที่มีต่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ที่อยู่เหนือกาลเวลา
ความครบถ้วนสมบูรณ์ :
ในส่วนของตัววัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารและพระบรมธาตุเจดีย์ยังคงรักษาไว้ซึ่งองค์ประกอบและลักษณะดั้งเดิมของรูปแบบทางสถาปัตยกรรม การประดับตบแต่ง แผนผัง วัสดุ และอาคารประกอบโดยรอบ
ส่วนประเพณีในวัดยังคงแบบดั้งเดิม คือ แบ่งพื้นที่ภายในวัดออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ เขตสังฆาวาสอันเป็นเขตที่อยู่อาศัยของพระภิกษุสงฆ์และเขตพุทธาวาสเพื่อใช้สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
นอกจากนี้ วัดพระมหาธาตุฯ ยังคงดำรงความเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังจะเห็นแต่ละปีมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาประกอบศาสนกิจตลอดทั้งปี ซึ่งวัดพระมหาธาตุฯ ยังคงรักษาความคุณค่าความสำคัญและเป็นตัวแทนของคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของการนำเสนอเป็นมรดกโลก
ส่วนความเป็นของแท้และดั้งเดิมยังครองความศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้เคารพนับถืออย่างมาก ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับแหล่งมรดกวัฒนธรรมอื่นที่ใกล้เคียงจะเห็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด นับเนื่องเป็นเครือข่ายเดียวกัน โดยเฉพาะกับโบราณสถานที่มรดกทางวัฒนธรรมในประเทศศรีลังกา เช่น นครศักดิ์สิทธิ์แห่งอนุราธปุระ เมืองโบราณโปโลนนารุวะ นครศักดิ์สิทธิ์แห่งแคนดี และเมืองเก่าสุโขทัยและเมืองที่เกี่ยวเนื่อง
เมืองเก่าสุโขทัยที่เป็นราชธานีแห่งแรกของราชอาณาจักรสยาม เป็นศูนย์กลางทางการเมืองการปกครอง การค้า ศาสนา และวัฒนธรรม มีการติดต่อสัมพันธ์กับเมืองโบราณร่วมสมัยทั้งภายในและภายนอกอาณาจักรสยาม มีเมืองที่เกี่ยวเนื่องที่สำคัญคือ เมืองศรีสัชนาลัยหรือเมืองกำแพงเพชร ส่วนทางภาคใต้มีความสัมพันธ์กับเมืองนครศรีธรรมราชอย่างแน่นแฟ้นและยังเป็นแหล่งกำเนิดอารยธรรมในประเทศไทยที่สืบทอดไปยังสมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์จวบจนปัจจุบัน
การพัฒนาการของอาณาจักรสุโขทัยมีรากฐานที่สำคัญมาจากพระพุทธศาสนาที่ได้รับการเผยแผ่มาจากศรีลังกา ซึ่งส่งผ่านมาจากนครศรีธรรมราชทั้งทางด้านปรัชญา วิทยาการและรูปแบบศิลปกรรมทางพระพุทธศาสนา ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนทางประวัติศาสตร์ในศิลาจารึกหลักที่ 1 (มรดกความทรงจำของโลก) และเจดีย์ทรงกลม หรือเจดีย์ทรงลังกา เป็นสถาปัตยกรรมที่มีต้นแบบมาจากพระบรมธาตุแห่งเมืองนครศรีธรรมราช
(ขอขอบคุณนายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล)


