เทศกาล...วาฬบรูด้า
ช่วงส่องวาฬบรูด้ามาถึงแล้ว เมื่อเข้าเดือน ต.ค. โดยปีนี้ไฮไลต์ของวาฬบรูด้าในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน
ภัทรชัย ปรีชาพานิช
ช่วงส่องวาฬบรูด้ามาถึงแล้ว เมื่อเข้าเดือน ต.ค. โดยปีนี้ไฮไลต์ของวาฬบรูด้าในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน มีลูกวาฬเกิดใหม่ 4-5 ตัว และมีแม่พันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 3 ตัว จากเดิมมี 9 ตัว นั่นหมายความว่าวาฬบรูด้าเป็นสัตว์ประจำถิ่นของอ่าวไทย มีการเกิดลูกเกิดหลานในย่านนี้ รวมมีวาฬบรูด้าแถบอ่าวไทยถึง 50 ตัวแล้ว
เสน่ห์ของการชมวาฬบรูด้าแถบอ่าวไทยตอนบน อยู่ที่วาฬบรูด้าต้องช้อนปากขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อกินอาหาร เช่น ปลากะตัก สุรศักดิ์ ทองสุกดี นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เล่าว่า ภาพที่วาฬบรูด้าอ้าปากเหนือน้ำเพื่อกินอาหาร ซึ่งปลาแถบนี้ส่วนใหญ่เป็นปลาผิวน้ำ และทะเลแถบอ่าวไทยตอนบนลึกแค่ 10 เมตร จึงทำให้วาฬบรูด้าต้องช้อนปากขึ้นเหนือน้ำเพื่อกินอาหาร เมื่อช่างภาพถ่ายภาพวาฬบรูด้า ช้อนปากขึ้นเหนือน้ำและมีฝูงนกตามจิกปลาจากวาฬบรูด้า ซึ่งเกิดขึ้นน้อยแห่งในโลก จึงทำให้คนอยากมาดู
ถ้าเป็นช่วงปกติวาฬบรูด้าก็จะกินอาหารใต้ทะเล ไม่ต้องช้อนปากขึ้นเหนือน้ำ แต่ช่วงเดือน ต.ค. ปลาผิวน้ำจะเข้ามาอยู่อ่าวไทยตอนบนจำนวนมาก วาฬพวกนี้จึงตามอาหารเข้ามา และเมื่อต้องกินอาหาร ซึ่งเป็นปลาผิวน้ำ และทะเลลึกแค่ 10 เมตร จึงต้องช้อนปากขึ้นเหนือน้ำ เป็นภาพที่มีเสน่ห์ ดึงคนมาเฝ้าชมเป็นจำนวนมาก
สำหรับคำแนะนำผู้ต้องการชมวาฬบรูด้า หากจะได้เห็นอย่างจริงจัง ต้องนั่งเรือออกไปจากฝั่งประมาณ 10 กิโลเมตร และใช้เวลาในการลอยเรือชมหลายชั่วโมง ส่วนร้านอาหารริมทะเลที่จัดพาชมปลาโลมาหรือวาฬ ส่วนใหญ่จะพาออกจากทะเลไปแค่ 3-5 กิโลเมตร จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะได้เห็นโลมาและวาฬ
ทั้งนี้ การวัดระยะว่าห่างจากฝั่งถึงระยะ 10 กิโลเมตรหรือยัง มีข้อสังเกตเล็กๆ อาจจะดมกลิ่นเค็มของการทำประมงชายฝั่ง ซึ่งจะกินพื้นที่ห่างฝั่งประมาณ 3 กิโลเมตร เมื่อเรือวิ่งออกไปจนไม่มีกลิ่นเค็ม ก็คูณจากนั้นไปอีก 2 เท่าก็จะเป็นระยะห่างที่ชมวาฬบรูด้า จากนั้นก็แล้วแต่ดวงว่าจะได้เห็นมากน้อยแค่ไหนในจำนวน 50 ตัวที่ว่ายเวียนอยู่ในอ่าวไทย


