นายกฯลั่นอีก12 ปีไทยพ้นกับดักความยากจน
นายกฯแจงแนวทางบริหารต้องปรึกษาคสช. ยกระดับชาติมีรายได้สูงใช้เวลา 12 ปียึดแผนพัฒนาฉบับ11
นายกฯแจงแนวทางบริหารต้องปรึกษาคสช. ยกระดับชาติมีรายได้สูงใช้เวลา 12 ปียึดแผนพัฒนาฉบับ11
เมื่อเวลา 20.25 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ถึงการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่าจากนี้ต้องบริหารประเทศทุก ๆ ด้าน ในบทบาทของรัฐบาลควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนงานเร่งด่วนเฉพาะหน้าที่ต้องการความรวดเร็ว
“คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ต้องมีการหารือในการปฏิบัติตลอดจนวิธีการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดรวมทั้งต้องระมัดระวังการก้าวล่วงกัน แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบและถ่วงดุลกันเพื่อให้เกิดความโปร่งใส สุจริตและยุติธรรม ขอทุกคนอย่าได้กังวลกับตัวบุคคลให้มากนัก” นายกฯ กล่าว
วันนี้เราต้องสร้างระบบทุกระบบให้เข้มแข็ง เพื่อต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบข้าราชการ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันในการพัฒนาปรับปรุงตนเองให้เข้มแข็ง เตรียมการเพื่อรองรับการปฏิรูป ซึ่งเราจะต้องทำให้ฝ่ายการเมืองมีระบบธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศจะได้ร่วมกันนำพาประเทศชาติไปสู่อนาคต อย่างไรก็ตามถือว่าประชาชนเป็นส่วนสำคัญที่สุด ที่จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ ทุกภาคส่วนคงต้องร่วมมือกันทุกรูปแบบ
“จากศักยภาพเราในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยจะต้องใช้เวลาอีกกว่า 12 ปี เพื่อจะก้าวผ่านกับดักประเทศรายได้ปานกลาง เข้าสู่ประเทศรายได้สูง ในขณะที่เพื่อนบ้านบางประเทศจะเข้าสู่ประเทศรายได้สูงด้วยระยะเวลาอีกเพียง 6 ปีเท่านั้น เราคงต้องเร่งรัด “ นายกฯ กล่าว
นอกจากนี้ ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งมีมิติด้านเศรษฐกิจเป็น 1 ใน 3 เสาหลักจะเป็นความท้าทายสำคัญของไทยที่ต้องได้รับการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางประเทศ ซึ่งเป็นทั้งประเทศหุ้นส่วนและคู่แข่งที่สำคัญทางเศรษฐกิจของไทย
สรุปประเด็นปัญหาที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ กับดักประเทศรายได้ปานกลาง โดยไม่สามารถแข่งขันกับประเทศที่มีต้นทุนแรงงานถูก และประเทศที่มีการพัฒนาการทางเทคโนโลยีขั้นสูงได้ ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยทรงตัวท่ามกลางการเปิดเสรีและการแข่งขันทางการค้าและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น
ส่วนที่ มีข้อท้วงติงมากมายจากผู้ที่ห่วงใยในเรื่องนี้ว่า คสช. ไม่ได้นำเรื่องการป้องกันแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นมาอยู่ใน 11 ประเด็นหลักของการปฏิรูป ขอเรียนชี้แจงว่า คสช. ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง และถือเป็นประเด็นที่ต้องมีการปฏิรูปเป็นประเด็นแรก โดยการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก มีความกว้างขวางเกี่ยวข้องกับทุก ๆ เรื่อง หากกำหนดเป็นประเด็นหลักของการปฏิรูปก็จะไม่ครอบคลุมการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่นในทุก ๆ มิติ
"เรามียุทธศาสตร์ประเทศหลายประการด้วยกัน เราเขียนยุทธศาสตร์ไว้แล้ว เราต้องเดินตามนั้นให้ได้ และก็ปรับเปลี่ยนให้เข้าสถานการณ์ของโลกด้วย ของอาเซียนด้วย เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม คณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้น จะต้องเดินการไปตามนี้ ในการบริหารราชการแผ่นดิน และก็ปรับเปลี่ยนไปตามห้วงเวลาที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นต้องประกอบกับแผนงานโครงการ งบประมาณ ในการดำเนินการในทุกมิติ ทุกยุทธศาสตร์ให้ต่อเนื่อง มีการกำหนดแผนระยะสั้น ระยะยาว ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนที่ 11 และแผนต่อ ๆ ไป ให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
*ภาพประชาชนร่วมงานเทกระจาดสะท้อนความยากจน**


