posttoday

หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม ผู้รู้ตนจึงไม่อัศจรรย์ใคร

03 สิงหาคม 2557

ศิษย์ที่มีโอกาสและวาสนาได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ในช่วงสุดท้ายของท่าน

ศิษย์ที่มีโอกาสและวาสนาได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ในช่วงสุดท้ายของท่านที่สำนักสงฆ์บ้านหนองผือนั้น ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นพระสุปฏิปันโนที่มีชื่อเสียง

นามนั้นมีอาทิ หลวงปู่หลุย จันทสาโร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่ศรี มหาวีโร หลวงปู่คำดี ปภาโส พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร พระอาจารย์วัน อุตตโม พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ หลวงปู่อุ่น ชาคโร หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร พระอาจารย์คำพอง ติสโส หลวงตาพวง สุขินทริโย ฯลฯ

มีอยู่รูปหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ หากแต่อยู่อย่างเงียบๆ ทว่าในความเงียบนั้นเต็มไปด้วยความงามแห่งศีลาจารวัตร และความสม่ำเสมอในปฏิปทาแบบพระป่า ท่านคือหลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม แห่งวัดธรรมนิเวศวนารามสำนักสงฆ์โชคไพศาล ต.วานรนิวาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร

หลวงตาแตงอ่อน เกิดเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2464 พื้นเพเป็นคนบ้านม่วงไข่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร บ้านเดียวกับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งเป็นญาติกัน เป็นลูกชายคนเดียวในตระกูล ในวัยเด็กนั้นมีอะไรๆ ผิดกับหมู่พวกวัยเดียวกันอยู่หลายอย่าง เช่น เป็นที่รักของคนทั่วไป ผ่านไปแม้ไม่ใช่ญาติเขาก็เรียกหา ไม่ชอบเล่นกับคนวัยเดียวกัน มีผู้ใหญ่เป็นเพื่อน ไปกับผู้ใหญ่เหมือนได้ไปกับคนที่เสมอกัน

ว่างจากการทำนา ทำสวน ก็ไม่อยู่เฉย ไม่ไปเที่ยวเล่นเหมือนคนอื่น ไม่เลื่อยไม้ก็ทำงานโน่นนี่

หลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม ผู้รู้ตนจึงไม่อัศจรรย์ใคร

 

นอกจากเป็นคนพูดจริง ทำจริงแล้ว ยังไม่ค่อยโกรธใคร เพราะอ่านเจอในหนังสือแล้วเตือนตนสอนตนว่า “ชนะอย่างอื่นมันไม่ชนะ ชนะความตระหนี่ด้วยการให้ ชนะความโกรธของเขา ด้วยความไม่โกรธของเรา ชนะความเท็จ ด้วยความจริง”

เมื่ออายุ 19 ปี ได้ออกปากกับพ่อแม่ว่า อยากบวช พ่อแม่ก็สนับสนุน เพราะไม่เคยลืมคำอธิษฐานในอดีตครั้งหอบลูกอพยพไปตั้งบ้านเรือนแห่งใหม่ แล้วลูกชายเกิดป่วยหนักในระหว่างทาง หาหยูกยารักษาก็ไม่ได้เลย ตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ถ้าลูกหายป่วยโตขึ้นจะให้บวช ปรากฏว่าครั้งนั้นเด็กชายแตงอ่อนหายป่วยดังคำอธิษฐานจริงๆ

หนุ่มแตงอ่อนบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ. 2484 ที่วัดเสบุญเรือง อ.วานรนิวาส ออกพรรษาแล้ว เดือน ธ.ค.ปีนั้นก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุต่อที่วัดเดียวกัน

แม้จะบวชอยู่จนถึง พ.ศ. 2486 ท่านก็ยังว่าตัวเองเป็นพระบวชใหม่ ไม่รู้หลักธรรมมาก การปฏิบัติธรรมก็ยังไม่คล่อง ปีนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังวัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี กราบนมัสการขอเรียนบาลีไวยากรณ์ ศึกษากรรมฐานจากพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) โดยได้ญัตติใหม่สังกัดคณะธรรมยุต เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2486 โดยมี พระธรรมเจดีย์ (จูม) เป็นพระอุปัชาย์ ณ วัดโพธิสมภรณ์ นั่นเอง

หลวงตาแตงอ่อน ได้เข้าถวายตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น เมื่อปี 2491 และอยู่ร่วมกับพระอาจารย์มั่นเป็นเวลา 2 ปี กระทั่งท่านดับขันธ์ แต่ก่อนนั้นท่านได้พบกับพระอาจารย์มั่นแล้วถึง 2 ครั้ง

ครั้งแรกเป็นการพบในนิมิต ก่อนญัตติเป็นธรรมยุต คืนหนึ่งขณะที่พำนักอยู่ที่บ้านม่วงไข่ ฝันไปว่าตนเองนั่งสมาธิอยู่แล้วหลวงปู่มั่นมายืนอยู่ต่อหน้า แล้วท่านก็หันหลังนั่งทับลงมา อารามตกใจเกรงว่าท่านจะนั่งทับเลยเอียงตัวหนี ตกใจตื่นขึ้นมาก็จำ “ติดหูติดตาติดใจ” ว่า โอ้...หลวงปู่มั่นที่ใครต่อใครพูดถึงนักหนาที่แท้หน้าตาเป็นอย่างนี้เอง

กระทั่งพรรษาที่ 2 หลังจากญัตติแล้วไปจำพรรษาอยู่กับพระอาจารย์สีลา อิสสโร วัดป่าอิสระธรรม บ้านวาใหญ่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร จึงได้ไปกราบหลวงปู่มั่นที่บ้านหนองผือ

ท่านเล่าว่า วันที่พบกันนั้นเป็นเย็นย่ำของวันหนึ่งในฤดูหนาว เดินขึ้นภูเขามาถึงวัดป่าหนองผือราว 6 โมงเย็น ไม่มีแสงไฟสักแสง หลวงปู่มั่นนั่งอยู่บนเตียงเมื่อท่านจุดไฟขึ้นท่ามกลางพระภิกษุหลายรูป พระอาจารย์มั่นรูปจริงนั้นเหมือนกับที่เคยเห็นในนิมิตมาก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน

พระอาจารย์มั่น ถามขึ้นว่า มาจากไหน พอกราบเรียนแล้วท่านก็ถามอีกว่า “จะบวชเล่นหรือบวชแท้”

พบกันหนนี้มีโอกาสอยู่ร่วมกับครูอยู่ 6 วัน จากนั้นหลวงตาแตงอ่อนได้นำเด็กที่ตามไปด้วยมาส่งคืนที่บ้านตามคำสั่งพระอาจารย์ แต่แทนที่ส่งเสร็จจะได้กลับไปหนองผือ ท่านกลับวิเวกออกไปทาง จ.กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี ยโสธร นครราชสีมา ยาวไกลมาถึงกรุงเทพฯ แล้วออกไปอยู่กับท่านพ่อลี ธัมมธโร แห่งวัดป่าคลองกุ้ง ศิษย์ผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งของพระอาจารย์มั่นที่ จ.ระยอง และจันทบุรี

ลุจน พ.ศ. 2491 จึงได้ย้อนกลับมาหาพระอาจารย์ใหญ่อีกหน พบกันนี้เป็นการอยู่ร่วมจนหลวงปู่มั่นละขันธ์จากไป

(อ่านต่อฉบับหน้า)

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์