posttoday

อิทธิพลส่วย"มหาชัย"ปล่อยข่าวทำพม่าผวาปิดเมือง

30 กรกฎาคม 2557

คนที่ปล่อยข่าวให้ชาวพม่าปิดร้านก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้มีอิทธิพลเพราะเกรงว่าจะสืบมาถึงตัวที่รีดส่วย

โดย...จริยา บุญมาก

การออกมาตรการเข้มของจังหวัดสมุทรสาครเพื่อควบคุมร้านขายของชำโดยชาวพม่าในชุมชนต่างๆ ที่แรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่ ทำให้เกิดข่าวลือต่างๆ นานา บรรดาร้านค้าชาวพม่าในชุมชนต่างๆ อาทิ ตลาดกุ้ง ชุมชนไทยยูเยี่ยน และตลาดมหาชัยนิเวศน์ ปิดกิจการ ทำให้บรรยากาศในชุมชนเหล่านี้เงียบเหงามากว่า 10 วันแล้ว

สถานการณ์นั้นคล้ายกับช่วงข่าวลือการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว ซึ่งส่งผลให้แรงงานกัมพูชาตื่นตระหนกและเดินทางกลับประเทศนับหมื่นคน เพียงแต่ว่ายังไม่มีแรงงานพม่าเดินทางกลับประเทสแต่อย่างใด

ไพโรจน์ มั่นสิน หัวหน้าผู้ดูแลชุมชนตลาดกุ้ง อาคารเช่าของแรงงานชาวพม่าในตลาดมหาชัย อ.เมืองสมุทรสาครเปิดเผยว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารมาตรวจบ้าง แต่ก็ไม่มีการจับกุมใคร จริงๆ แล้วแรงงานพม่าเหล่านี้ก็ไม่มีสิทธิ์ประกอบอาชีพค้าขาย แต่เหตุผลของคนพม่าที่ขายทั้งก๋วยเตี๋ยว ข้าว ของชำเพราะสื่อสารกันง่าย เมื่อมีข่าวเช่นนี้ ก้ไม่มีรายใดกล้าเปิดร้านขายของ ขายอาหาร แรงงานที่ทำงานกะกลางคืนก็ต้องห่อข้าวไว้กินเอง ส่วนกลางวันอาจไปหาซื้อจากร้านของคนไทยในตลาดอื่นใกล้ๆ ที่ได้

ด้าน สมพงค์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความตื่นกลัวของแรงงานต่อข่าวลือ คล้ายกับกรณีการปราบปรามแรงงานผิดกฎหมาย แรงงานข้ามชาติเมื่อช่วงที่ผ่านมา แต่มีการจับกุมจริงและปรับเป็นเงินหลักพันต่อแรงงานที่ขายสินค้าเท่านั้น สถานการณ์นี้ วิเคราะห์ได้หลายประเด็น เช่น การปราบปรามดูโจ่งแจ้ง และรวบรัดเกินไป อ้างความมั่นคงส่งผลให้ผู้มีอิทธิพลรู้ตัว และพยายามสื่อสารให้แรงงานปิดร้าน ซึ่งตามหลักอาจไม่มีโทษร้ายแรงนักแต่ความกลัวมันฝังรากลึกต่อแรงงานแล้ว ซึ่งการทำแบบนี้แก้ปัญหาถาวรไม่ได้

แม้สถานการณ์แรงงานพม่า จะยังไม่น่าวิตกว่าจะซ้ำรอยกรณีแรงงานกัมพูชา แต่สิ่งที่ต้องคำนึงอย่างมากคือ การประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจอย่างถูกต้อง ไม่ปล่อยให้เกิดข่าวลือซึ่งอาจสร้างความเสียหายตามมา

อิทธิพลส่วย"มหาชัย"ปล่อยข่าวทำพม่าผวาปิดเมือง

อย่างไรก็ตามในอีกด้านหนึ่ง นางแอเมง (นามสมมุติ) แรงงานพม่าจากเมืองมะละแหม่ง วัย 64 ปี ซึ่งเข้ามาปักหลักประกอบอาชีพอยู่ในมหาชัยร่วม 30 ปี กล่าวว่า เพิ่งเปิดร้านขายข้าวผัดเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา หลังอายุมากขึ้นทำงานในโรงงานไม่ได้ และสามีเสียชีวิต การเปิดร้านข้าวผัดเพียงแค่ขออนุญาตเจ้าของอาคารเช่า รายได้ประมาณวันละ 700-800 บาทแต่ดีกว่าการประกอบอาชีพในพม่า ซึ่งการครอบครองที่ทำดินเป็นไปได้ยาก ตั้งใจว่าจะอยู่ประเทศไทยต่อไป แม้ต้องเลิกกิจการแล้วไปรับจ้างร้านคนไทยทำอาหารก็ยอม

ขณะที่นายอาโป (นามสมมติ) เจ้าของร้านโชว์ห่วยในชุมชนไทยยูเนี่ยน บอกเล่าถึงข้อมูลในอีกด้านหนึ่งว่าเบื้องหลังการเปิดร้านของชำคือ การจ่ายเงินให้ เจ้าหน้าที่ ผู้มีอิทธิพล เพื่อนบ้านและผู้รู้เห็น ทั้งเป็นรายเดือนๆ ละ 2,000-2,500 บาทและรายปี

“พอเจ้าหน้าที่ทหารเริ่มประกาศนโยบายด้านความมั่นคง คนที่ปล่อยข่าวให้ชาวพม่าปิดร้านก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้มีอิทธิพลเพราะเกรงว่าจะสืบมาถึงตัวที่รีดส่วย ช่วงที่ทหารเข้ามานั้น ระบุแค่เพียงว่า หากใครจะเปิดร้านต้องขอใบอนุญาต แต่คนคุมส่วยไม่กล้าพอที่จะรับการดำเนินการ”

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันมิให้ข่าวลือบานปลายจนเกิดผลเสียอย่างกรณีแรงงานกัมพูชา สมพงษ์ เสนอว่า แม้การเปิดร้านจะผิดกฎหมาย แต่ก็ใช่ว่าจะมีรายได้มากนัก และไม่เป็นการแย่งงานคนไทย เพราะคนไทยก็มีร้านที่มาขายของให้แรงงานพม่าอยู่แล้ว ทางออกคือ ควรจะมีมาตรการเก็บภาษีรายได้จากร้านค้าที่คนพม่าเปิดเพื่อป้องการเก็บส่วยแบบผิดกฎหมาย แรงงานเองก็มีทางเลือกซื้อสินค้าตามมา

อิทธิพลส่วย"มหาชัย"ปล่อยข่าวทำพม่าผวาปิดเมือง ร้านค้าชาวพม่าภายในชุมชนตลาดกุ้งพากันปิดเงียบ

 

ข่าวล่าสุด

“พลเอกณัฐพล”วาง 5 เงื่อนไขถกGBCกัมพูชา ยันไทยป้องกันตัวเอง