posttoday

"รฟท."องค์กรซ่อนเงื่อน

13 กรกฎาคม 2557

ร.ฟ.ท.เป็นอาณาจักรมืดที่มีการทุจริตในการบำรุงรักษา การจัดซื้อจัดจ้างมากที่สุด แต่มีการปกปิดไว้อย่างยาวนาน

โดย...ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์

แทบไม่น่าเชื่อว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รัฐวิสาหกิจด้านการขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งก่อตั้งมาร่วม 117 ปี จะเป็นองค์กรที่ไร้ประสิทธิภาพมากที่สุด และขาดทุนมากที่สุดในประเทศ

ไม่น่าเชื่อว่าองค์กรที่มีการทำงานครบวงจรผูกขาดการทำงานมากที่สุด มีระบบการเดินรถ เส้นทางการเดินรถ ระบบการขนส่งอาณัติสัญญาณ การสร้างบุคลากรผ่านโรงเรียนการรถไฟฯ ระบบการบำรุงรักษา อำนาจในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์แบบเบ็ดเสร็จ ยันการดูแลความปลอดภัยผ่านตำรวจรถไฟ ฯลฯ จะเป็นองค์กรที่ล้าหลังที่สุด มีขีดความสามารถในการแข่งขันต่ำที่สุด

ทั้งๆ ที่พนักงานที่มีอยู่กว่า 1.1 หมื่นคน ลูกจ้างอีกว่า 4,000 คน พนักงานทุกคนมีรายได้ที่ดี ทั้งบ้านพักสวัสดิการส่วนตัว มีวันหยุด เบี้ยเลี้ยง โบนัส ข้อกำหนดเรื่องชั่วโมงทำงาน ขอบเขตความรับผิดชอบก็จำกัดเพียงแค่ขนส่งคนให้ตรงเวลาที่กำหนด

ขณะที่ผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่ง “ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.” มีเงินเดือนสูงลิ่ว 4.5 แสนบาท รองผู้ว่าการร่วม 2.5-2.8 แสนบาท มีเบี้ยเลี้ยงรับรอง รถประจำตำแหน่ง บำเรอไม่อั้น

แต่กระบวนการทำงานและการให้บริการของ ร.ฟ.ท.กลับไม่ดีเอามากๆ เหมือนกับรายได้...

แทบไม่น่าเชื่อว่า ร.ฟ.ท.ที่มีแผนการลงทุนเฉลี่ยปีละ 1.7-3.7 แสนล้านบาท จะเป็น    รัฐวิสาหกิจที่ขาดการพัฒนามากที่สุด จนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ระบุว่า เป็นองค์กรที่สุ่มเสี่ยงภาวะล้มละลายมากที่สุด ถ้าหากไม่มีรัฐบาลเป็น เจ้าของ

สถิติในการทำงานหลายอย่างบ่งบอกได้ว่า องค์กรนี้ต้องมีการปฏิรูปการทำงานขนานใหญ่

1.ผลขาดทุนสะสมที่มากมายมหาศาล 1.1 แสนล้านบาท

2.สถิติรถไฟตกรางและอุบัติเหตุมีปริมาณเพิ่มขึ้นตามลำดับ ปี 2555 มีรถไฟตกราง 89 ครั้ง ปี 2556 มีรถไฟตกรางที่ถูกบันทึกไว้ 117 ครั้ง

3.การบริการขนส่งไม่ตรงเวลามากที่สุด ค่าเฉลี่ยในความล่าช้าในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาคือ 1-1.30 ชั่วโมง

4.ความสกปรกในขบวนรถมากที่สุดในรถสาธารณะ

5.เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจการตั้งงบซ่อมแซมประจำปีมากที่สุด จนปัจจุบันยังแจ้งเรื่องของบประมาณในการซ่อมบำรุงเส้นทางกว่า 4,050 กิโลเมตร ยาวกว่าการขับรถวิ่งขึ้นเหนือล่องใต้เสียอีก

6.เป็นรัฐวิสาหกิจที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไม่กล้าลงนามรับรองงบดุล งบกำไรขาดทุนมากที่สุด เนื่องจากมีการซุกรายรับ รายจ่าย และมีการลงบัญชีที่พิลึกพิลั่นจนผู้ตรวจสอบบัญชีมิกล้าเอาตำแหน่งหน้าที่ไปการันตี

นี่ไม่นับข้อครหาว่า ร.ฟ.ท.เป็นอาณาจักรมืดที่มีการทุจริตในการบำรุงรักษา การจัดซื้อจัดจ้างมากที่สุด แต่มีการปกปิดไว้อย่างยาวนานจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนรุ่นหนึ่ง

"รฟท."องค์กรซ่อนเงื่อน

เพื่อให้ประชาชนได้เห็นภาพอันแปลกประหลาดพิสดารพันลึก โปรดพิจารณา...

รายงานผลการดำเนินงาน รายได้ ค่าใช้จ่ายในปี 2556 พบว่า การรถไฟฯ มีรายได้ ปีละ 1 หมื่นล้านบาท แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นรายได้จากการให้บริการขนส่งคนและขนส่งสินค้าที่ผูกขาดแค่ปีละ 6,000 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งๆ ที่แต่ละปีมีการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมหาศาลและผูกขาดอยู่รายเดียว

มีรายได้จากการให้เช่าที่ดินที่มีอยู่มากมายจนนับโฉนดไม่หมดแค่ปีละ 2,000 ล้านบาทเท่านั้น มีรายได้อื่นๆ อีกประมาณ 2,000  ล้านบาท

ในขณะที่ด้านรายจ่ายประจำ รวมหมวดเป็นเงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำมัน ค่าเสื่อมราคา เงินบำนาญ ฯลฯ และดอกเบี้ยสะสม รวมทั้งสิ้นปีละเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

ส่งผลให้การรถไฟฯ ขาดทุนเฉลี่ยต่อเนื่องกันมาปีละ 1 หมื่นล้านบาท รวมขาดทุนสะสม 1.1 แสนล้านบาท แยกเป็นขาดทุนสะสมจากการดำเนินงานและหนี้สินของ ร.ฟ.ท.โดยตรง 7.2 หมื่นล้านบาท เกิดจากหนี้สินจากบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์อีกกว่า 3 หมื่นล้านบาทเศษ

และดูเหมือนว่าตัวเลขรายได้และรายจ่ายทางบัญชีของ ร.ฟ.ท.แทบจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะมากนัก เห็นได้จากรายงานตัวเลขงบดุลที่การรถไฟฯ รายงานต่อให้ สคร. พิจารณาจัดสรรงบแต่ละปี เช่น ปี 2554 พบว่า ร.ฟ.ท.มีผลดำเนินงานขาดทุน 11,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน 7,584 ล้านบาท แต่ในงบดุลในแต่ละปี กลับไม่มีการระบุค่าใช้จ่าย|ในส่วนของพนักงาน และค่าบำรุงรักษารถไฟในแต่ละปีเอาไว้ ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เป็นต้นตอหลักของการขาดทุนแม้แต่น้อย

ร.ฟ.ท.มักจะอ้างว่าการขาดทุนเกิดจากการถูกควบคุมราคาค่าโดยสารไว้เท่านั้น

ขณะที่เป็นที่รู้กันว่ารายได้ของพนักงานการรถไฟฯ นั้นค่อนข้างสูงเฉลี่ยคนละ 5-6 หมื่นบาท/เดือน เห็นได้จากโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด พนักงาน ร.ฟ.ท.ไม่กี่ร้อยคน แต่ต้องใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท

หลากปัญหาที่สะสมอยู่ของ ร.ฟ.ท.ทำให้องค์กรนี้ไร้ประสิทธิภาพในการทำงาน ขาดความกระตือรือร้นในการให้บริการสาธารณะ จึงทำให้เกิดความอืดอาดยืดยาดถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง

มิต้องยกเรื่องแผนการลงทุนโครงสร้างระบบรางร่วม 1.2 ล้านล้านบาท แยกเป็นแผนเร่งด่วนในการสร้างรถไฟทางคู่ 1.3 แสนล้านบาท รถไฟความเร็วสูง 4.8 แสนล้านบาท ระบบรถไฟสายใหม่ 1.4 แสนล้านบาท เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งคน ขนส่งสินค้าให้เชื่อมโยงกันทั้งประเทศมาอรรถาธิบายกับคนทั้งประเทศให้ตาลุกวาว กับเม็ดเงินผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง

เพราะประชาชนไม่เชื่อถือในประสิทธิภาพ การทำงาน และกังขากับผลประโยชน์แอบแฝงที่เป็นสนิมเกาะกินรัฐวิสาหกิจแห่งนี้อย่างหนัก

นี่คือโจทย์ใหญ่ที่คณะกรรมการชุดใหม่ ที่มี “ออมสิน ชีวะพฤกษ์” อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ประธานกรรมการ ร.ฟ.ท. ผู้เคยพลิกผันองค์กรที่มีโอกาสขาดทุนมากที่สุดให้เป็นองค์กรที่มีกำไรสุทธิปีละกว่า 1,200 ล้านบาท มีรายได้ปีละกว่า 1.8-1.9 หมื่น ล้านบาท ในปัจจุบันจะต้องเข้าไปจัดการพลิกฟื้นองค์กรซ่อนเงื่อนให้มีประสิทธิภาพในการให้บริการและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขึ้นมา

เพื่อเรียกศรัทธาประชาชนผู้ใช้บริการให้กลับคืนมา ฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสาธารณะที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นมาให้มั่นคงแข็งแกร่งเป็นที่พึ่งของคนในชาติ

"รฟท."องค์กรซ่อนเงื่อน

แก้ให้ถึงรากถึงโคน

สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ระบุว่า การปรับโครงสร้างบอร์ดรถไฟฯรอบนี้เป็นโอกาสดีในการปฏิรูปองค์กรเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของสังคมกลับมา ภารกิจของบอร์ดชุดนี้จะต้องทำงานหนักในหลายด้าน

1. ต้องสร้างให้การรถไฟฯเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ด้านการขนส่งคนและขนส่งสินค้าของประเทศ

2. ต้องเข้ามาช่วยบริหารจัดการเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อสร้างความมั่นใจและล้างภาพการทุจริต ทำให้เกิดความโปร่งใสในการปฏิบัติงานขององค์กรแห่งนี้ด้วย

3. จะต้องเข้าไปดูเรื่องที่ดินและทรัพย์สินของรถไฟฯ เพื่อเอามาใช้ให้เกิดมูลค่าเพิ่มมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยอาจจ้างสถาบันการศึกษาหรือดูผลการศึกษาก่อนหน้าเพื่อให้นำทรัพย์สินมาประเมิน ว่ามีทั้งหมดเท่าไร สามารถนำส่วนใดมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้บ้าง ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยลดการขาดทุนสะสมของรถไฟฯ

4. ต้องสรรหามืออาชีพมาพัฒนาให้การรถไฟมีขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะที่ผ่านมา ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.ส่วนใหญ่จะมีนักการเมืองหรือพรรคการเมืองหนุนหลังแต่รอบนี้ เป็นโอกาสในการคัดสรรมืออาชีพมาทำงานเพื่อแก้ปัญหาการขาดทุนสุทธิปีละ 1 หมื่นล้านบาทให้ลดลง

5.บอร์ด ร.ฟ.ท.และผู้ว่าการ รฟท.จะต้องมีการปฏิรูปองค์กรแบบถึงรากถึงโคน

ขณะที่ สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เสนอให้มีการปฏิรูป ร.ฟ.ท. ให้มีการบริหารจัดการที่ยั่งยืน

1. เปลี่ยนระบบการสรรหากรรมการเพื่อให้ได้คนมีคุณภาพ เพื่อจะได้คนดีมีฝีมือมาร่วมบริหาร

2. ปรับโครงสร้างของ รองผู้ว่าการรถไฟฯจาก 5 คน ให้ลดลงและดูแลรับผิดชอบเป็นภาคๆ เพื่อแข่งขันกันให้บริการ

3. แยกการบริหารกับการบริการขนส่งออกจากกัน

4. ต้องมีการปรับโครงสร้างใหม่ทั้งหมดทั้งคนและระบบราง เร่งอุดรูรั่วด้วยการปรับระเบียบที่เป็นช่องโหว่ที่เอื้อต่อการทุจริต

5. ยกระดับองค์กรให้มีขีดความสามารถ ตอบสนองต่อการเดินทาง รองรับการแข่งขันด้านการขนส่งในอนาคต

"รฟท."องค์กรซ่อนเงื่อน

คดีที่เกิดขึ้นบนรถไฟ ช่วงเดือน ต.ค.2556-มี.ค.2557

ชิงทรัพย์ 3 คดี
ลักทรัพย์ 19 คดี
ทำร้ายร่างกาย 7 คดี
เมาสุรา 3 คดี
อาวุธปืน 4 คดี
ยาเสพติด 32 คดี
คนเข้าเมือง 104 คดี

คดีทางเพศ
ปี 2544 ข่มขืนนศ ป.โท รถไฟสายสุไหงโกลก -กทม โดยพนักงานรถไฟ
ปี 2553 เกิดเหตุลวนลามผู้โดยสาร โดยพนักงานรถไฟ
ปี 2557 ล่าสุดคดีข่มขืนและฆ่าน้องแก้ม ดญ.วัย 13 ปี
สถิติการเกิดเหตุรถไฟตกราง
ปี 2553 พบว่า 102 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 107 ราย เสียชีวิต 10 ราย
ปี 2554 มีเหตุรถไฟตกราง 113 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 54 ราย เสียชีวิต 4 ราย
ปี 2555 มีเหตุรถไฟตกราง 89 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 5 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต
ปี 2556  มีเหตุรถไฟตกราง 117 ครั้งมีผู้บาดเจ็บ 42 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ