เจ้าภาพจงเจริญ! "แซมบ้า" งัดลูกเก๋า เฉือน โคลอมเบีย สุดมันส์ 2-1 ลิ่วตัดเชือก "อินทรีเหล็ก"
"แซมบ้า" บราซิล อาศัยลูกเก๋า และการจบสกอร์ที่เด็ดขาดกว่าเฉือนเอาชนะ โคลอมเบีย ที่เปิดเกมรุกบุกแหลกได้อย่างสนุกสุดมันส์ 2-1 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบตัดเชือกได้สำเร็จ
ฟุตบอลโลก 2014
บราซิล vs โคลัมเบีย
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันที่: 4 ก.ค.57 เวลา: 03.00 น. (เช้าวันเสาร์ที่ 5 ก.ค.57 ตามเวลาประเทศไทย)
สนาม: เอสตาดิโอ คาสเตเลา, ฟอร์ตาเลซ่า
แม้จะมีอาการบาดเจ็บทั้งที่ต้นขา และ หัวเข่า แต่ บราซิล ยังคงมีชื่อของ เนย์มาร์ ลงสนามเป็นตัวจริงเช่นเดียวกับตัวหลักอื่นๆ ที่ต่างตบเท้าพาเหรดลงสนามกันอย่างครบครับทั้ง ฮัลค์, ดาวิด ลุยซ์ และ ติอาโก้ ซิลวา ทางด้าน หลุยส์ กุสตาโว่ กองกลางที่ติดโทษแบนลงเล่นเกมนี้ไม่ได้นั้นโอกาสจะตกเป็นของ เปาลินโญ่ ซานโต๊ส ที่จะเสียบแทน
สำหรับ โฮเซ่ เปร์เกมัน กุนซือโคลัมเบียนั้นไม่มีปัญหาเท่าไหร่ในการจัดทัพเมื่อไม่มีนักเตะรายใดเลยที่มีอาการบาดเจ็บ นำโดยดาวซัลโวอย่าง ฮาเมส โรดริเกซ เกมนี้อดีตกุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่าตัดสินใจว่าจะใช้กองหน้าคนเดียวอย่าง เตโอฟีโล่ กูเตียร์เรซ ในการรับมือ บราซิล
โคลัมเบีย เคยเอาชนะ บราซิล ได้เพียงแค่ 2 หนจากทั้งหมด 25 ครั้งที่เคยเจอกันมาและพวกเขายังไม่เคยบุกเอาชนะในถิ่นของ บราซิล ได้เลยสักครั้ง โดย บราซิล แพ้ไปเพียงหนเดียวใน 25 เกมหลังสุดของตัวเอง
เริ่มเกมมาได้ 5 นาที บราซิล มีลุ้นก่อนจากจังหวะลูกฟรีคิก และเป็น เนย์มาร์ ที่รับหน้าที่ปั่นแต่บอลหลุดกรอบไป
อีกสองนาทีต่อมา แข้ง "เซเลเซา" มาได้ประตูออกนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 7 จากลูกเตะมุม เนย์มาร์ โยนเข้ามาที่เสาสองให้ ติอาโก้ ซิลวา กัปตันทีมตัวเก่งชาร์จจ่อๆ ให้บราซิลออกนำ โคลอมเบีย 1-0
นาทีที่ 10 โคลอมเบีย มีโอกาสลุ้นทำประตูหนแรก จากจังหวะฟรีคิกของ เฟรดี้ กวาริน แต่เจ้าตัวซัดโด่งข้ามคานไปไกลพอสมควร
นาทีต่อมา โคลอมเบีย น่าจะได้ประตูตีเสมอแบบสุดๆ หลัง ฮวน กวาดราโด้ ได้ซัดเน้นๆ บริเวณหน้ากรอบเขตโทษไปแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา เฉี่ยวเสาไปแบบน่าหวาดเสียว
นาทีที่ 19 บราซิล ดันขึ้นมาเป็นแผง และเป็น ฮัลค์ ที่ทำชิ่งกับ เนย์มาร์ ก่อนหลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ แต่ ดาวิด ออสปิน่า ทุบออกมานอกกรอบ เข้าทาง ออสการ์ ลองส่องไกลเข้ามอีกที แต่คราวนี้
ออสปิน่า ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 27 ฮัลค์ พาบอลขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนจะไหลให้ มาร์เซโล่ ลากเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนซัดด้วยขวาข้าวไม่ถนัด บอลพุ่งไปโดน เฟร็ด ออกไป
บราซิล ยังบุกขึ้นมายกชุด และคราวนี้เป็น มาร์เซโล่ ที่ปาดคืนมาให้ ฮัลค์ แตะหนีแนวรับ ดคลอมเบีย ก่อนยิงด้วยซ้ายสุดแรง แต่ ออสปิน่า โชว์เซฟลูกนี้ได้อย่างสุดยอด
นาทีที่ 39 ฮัลค์ เจ้าเก่ายังพลาดโอกาสอย่างต่อเนื่อง หลังรับบอลในกรอบเขตโทษก่อนจะแตะออกซ้ายละซัดทันที แต่บอลนั้นพุ่งหลุดกรอบไปแบบน่าเขกกะโหลก
ในช่วงเวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมต่างเปิดเกมรุกเข้าแลกกันอย่างสนุก แต่ยังไม่สามารถทำประตูกันเพิ่มได้ จบครึ่งแรก บราซิล นำ โคลอมเบีย 1-0
เริ่มครึ่งหลัง เปร์เกมัน ตัดสินใจถอด วิคตอร์ อิบาร์โบ้ ออก ก่อนส่ง อาเดรียน รามอส ลงมาแทน
นาทีที่ 52 แข้งเจ้าภาพเป็นฝ่ายได้ลุ้นก่อน จากจังหวะที่ เนย์มาร์ เปิดไปให้ ดาวิด ลุยซ์ โขก แต่บอลยังไม่ตรงกรอบ
นาทีที่ 66 แฟนๆ โคลอมเบีย เฮเก้อ หลัง มาริโอ เยเปส ได้หวดจากจังหวะชุลมุนบอลพุ่งตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินจากสเปนไม่ให้ประตูเนื่องจากผู้กำกับเส้นยกธงเป็นลูกล้ำหน้าแล้ว
แต่แล้วนาทีต่อมาแฟนๆ บราซิล ได้เฮกันลั่นสนาม หลัง ดาวิด ลุยซ์ แปฟรีคิกระยะอันตรายตรงกลางประตู บอลพุ่งหนีมือ ดาวิด ออสปิน่า เสียบเสาเข้าไปอย่างสุดสวยให้ บราซิล หนีห่าง โคลอมเบีย เป็น 2-0
นาทีที่ 73 เนย์มาร์ ได้ลองปั่นด้วยซ้ายหน้าปากประตู บอลนั้นโค้งเฉียดเสาออกหลังไปแบบน่าหวาดเสียว
อีก 5 นาทีต่อมา บราซิล มาเสียลูกที่จุดโทษ หัลง ชูลิโอ เซซาร์ ไปรวบ การ์ลอส บักก้า ตัวสำรองที่ลงมาไม่นาน ผู้ตัดสินชี้ไปเป็นลูกที่จุดโทษทันที และเป็น ฮาเมส โรดริเกซ รับหน้าที่สังหารลูกจุดโทษไม่พลาด ช่วยให้ โคลอมเบีย ตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-2 ถือเป็นประตูที่ 6 ของเจ้าตัวในทัวร์นาเมนต์นี้
นาทีต่อ โคลอมเบีย ทิ้งโอกาสทอง หลัง การ์ลอส บักก้า ได้โขกเช็ดหน้ากรอบ 6 หลา บอลนั้นผ่านหน้าปากประตูไปอย่างน่าเสียดาย
ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า โคลอมเบีย เดินเกมรุกบุกแหลกเต็มสูบแล้ว อยู่ที่แนวรับ บราซิล ว่าจะสามารถต้านทานได้อยู่รึเปล่าในช่วงสิบนาทีสุดท้าย
ก่อนหมดเวลา 2 นาที แฟนๆ บราซิล ถึงกับกุมขมับ หลัง เนย์มาร์ ไปถูก ซูนญิก้า กระแทกจากข้างหลังจนต้องลงเปลหามออกจากสนาม พร้อมกับต้องเปลี่ยนตัวทันที โดยส่ง เฮ็นริเก้ ลงมาแทน
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โคลอมเบีย พยายามทุกหนทางในการเข้าเจาะแนวรับของ บราซิล ที่ชักจะเป๋ๆ และหวิดจะได้ประตูตีเสมอหลายครั้ง โดยเฉพาะลูกโหม่งของ อาเดรียน รามอส ที่เฉียดเสาออกไปแบบได้ลุ้น ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่าจบเกม "แซมบ้า" บราซิล อาศัยลูกเก๋า และการจบสกอร์ที่เด็ดขาดกว่าเฉือนเอาชนะ โคลอมเบีย ที่เปิดเกมรุกบุกแหลกได้อย่างสนุกสุดมันส์ 2-1 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบตัดเชือกได้สำเร็จ โดยจะเข้าไปพบกับอดีตแชมป์โลก 3 สมัยอย่าง เยอรมัน
บราซิล
ชูลิโอ เซซาร์ - ไมค่อน, ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), ดาวิด ลุยซ์, มาร์เซโล่ วิเอยร่า - แฟร์นันดินโญ่, เปาลินโญ่ - ออสการ์, เนย์มาร์, ฮัลค์ - เฟร็ด
เทรนเนอร์ : เฟลิเป้ สโคลารี่
โคลอมเบีย
ดาวิด ออสปิน่า - ฮวน คามิโล่ ซูนญีก้า, คริสเตียน ซาปาต้า, มาริโอ เยเปส (กัปตันทีม), ปาโบล อาร์เมโร่ - เฟรดี้ กวาริน, คาร์ลอส ซานเชซ, ฮวน กวาดราโด้, ฮาเมส โรดริเกซ, วิคตอร์ อิบาร์โบ้ - เตโอฟีโล่ กูเตียร์เรซ
เทรนเนอร์ : โฮเซ่ เปเกร์มัน
ผู้ตัดสิน: การ์ลอส เบลาสโก้ การ์บาโญ่ (สเปน)


