ร้องส่งไปรษณีย์เขียนกำชับ"อย่าโยน"เจอตอบ"ได้แต่ขว้าง"
ลูกค้าสาวร้องไปรษณีย์ระบุเขียนบนพัสดุ"กรุณาอย่าโยนค่ะ" แต่เจอมือดีเขียนตอบกลับ "รู้แล้ว ... ได้แต่ขว้าง"ด้านชาวเน็ตรุมวิจารณ์เดือด
ลูกค้าสาวร้องไปรษณีย์ระบุเขียนบนพัสดุ"กรุณาอย่าโยนค่ะ" แต่เจอมือดีเขียนตอบกลับ "รู้แล้ว ... ได้แต่ขว้าง"ด้านชาวเน็ตรุมวิจารณ์เดือด
หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานอันบกพร่องและไร้ประสิทธิภาพของบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ส่งผลทำให้พัสดุได้รับความเสียหาย สูญหาย และล่าช้า จนคณะผู้บริหารต้องออกมาแถลงขอโทษ พร้อมให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ก.ค. โลกออนไลน์ได้เผยแพร่เรื่องราวของลูกค้าสาวคนหนึ่งที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า Ae Nipatta ได้โพสต์ภาพกล่องพัสดุที่มีข้อความเขียนว่า "กรุณาอย่าโยนค่ะ" แต่กลับมีข้อความตอบกลับมาว่า"รู้แล้ว ได้แต่ขว้าง !" สร้างความไม่พอใจแก่เธอเป็นอย่างมาก จึงร้องเรียนไปยังแฟนเพจ "บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด" โดยมีระบุว่า
"ร้องเรียนเรื่อง....เจ้าหน้าที่ใช้คำไม่เหมาะสม เขียนต่อท้ายที่กล่องพัสดุ
เรียนท่านผู้เกี่ยวข้อง
จากรูปภาพที่แนบมา ขอร้องเรียนเรื่องการใช้คำที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ เขียนต่อท้ายที่กล่องพัสดุ
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับการให้บริการที่ดีกว่านี้ต่อไปในอนาคต ขอบคุณค่ะ"
ขณะเดียวกัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Prin Thaiseharaj ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองเป็นผู้รับพัสดุดังกล่าว พร้อมได้ชี้แจงถึงกรณีที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้ไปรษณีย์ไทยปรับปรุงแก้ไขการทำงาน ดังนี้
"ผมขออนุญาตชี้แจงในฐานะผู้รับพัสดุปลายทาง เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยและสับสนว่า จขกท. ตั้งกระทู้นี้ถึง บ.ไปรษณีย์ไทย ทำไมครับ ?
๑. เมื่อผมได้รับพัสดุมาจึงได้โทรหา จขกท. รวมถึงถ่ายรูปส่งไปให้ดูว่า "เออนะ....บริษัทมีการเขียนต่อท้ายประโยคมาให้ด้วย ตลกดี" โดยที่ไม่ทราบเจตนาของผู้เขียนต่อท้ายมาว่าต้องการอะไร ? อาจจะเป็นด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม แต่พวกผมคุยกันแล้วมีความเห็นตรงกันว่า "เป็นเหตุไม่สมควร" เพราะพวกผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับพนักงานของ บ.ไปรษณีย์ไทย จะมาเขียนล้อเล่นในกล่องพัสดุของลูกค้านั้น ไม่เหมาะสมครับ สมควรต้องปรับปรุง
๒. พวกผมไม่ได้มีเจตนาที่จะดิสเครดิต หรือ ต้องการทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องดราม่า แต่ จขกท. พบช่องทางในการแจ้งเรื่องร้องเรียน จึงแจ้งผ่านทาง Facebook อีกช่องทางหนึ่ง ซึ่งในตอนแรกได้มีการแจ้งผ่านทาง e-mail ของบริษัทฯไปแล้ว อีกทั้งทาง บ.ไปรษณีย์ไทย เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนนี้ผ่านทาง Facebook จึงได้ทำการขอโทษ และได้ประสานขอข้อมูลเพิ่มเติมจาก จขกท. เพื่อทำการสอบสวนต่อไปแล้ว
๓. พวกผมไม่ได้ติดใจอะไรกับ บ.ไปรษณีย์ไทย แต่เหตุที่ต้องแจ้งเรื่องร้องเรียน เนื่องจากเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งเพื่อให้บริษัทฯ ได้รับทราบข้อมูล ในการนำไปปรับปรุงและแก้ไข รวมถึงพัฒนาการบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
๔. จากทุก ๆ ความคิดเห็นต่าง ๆ ที่ร่วมกันแสดงทัศนะในเรื่องนี้นั้น ซึ่งผมได้อ่านทุกความคิดเห็นที่โพสแล้ว ผมว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล ซึ่งจะมีทั้งในแง่บวก และแง่ลบ ในการให้บริการของ บ.ไปรษณีย์ไทย ที่แต่ละท่านได้ประสบพบเจอมาไม่เหมือนกัน บางท่านดี บางท่านไม่ดี จึงอาจทำให้มีทัศนคติต่อบริษัทฯ แตกต่างกันออกไป ท่านที่จะเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อ ๆ ไปควรใช้วิจารณญาณในการพิจารณาก่อน ในส่วนของท่านอื่น ๆ ที่ตั้งข้อสังเกตุต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องของพัสดุที่ส่งมา รวมถึง การจ่าหน้า, ลายมือ, น้ำหมึก, ขนาดของปากกา ไปจนถึงวิธีการหรือพฤติกรรมของผู้รับนั้น ส่วนนี้ผมถือว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล คงไม่มีใครที่จะเห็นด้วยกับพวกผมในทุก ๆ เรื่อง จึงต้องตั้งข้อสังเกตุเป็นธรรมดา ในส่วนตัวของพวกผม ถือว่าได้แจ้งเรื่องร้องเรียนให้กับบริษัทได้รับทราบข้อมูลแล้ว ถือว่า "จบครับ" ในส่วนของบริษัทจะดำเนินการต่อไปยังไง ถือเป็นการพิจารณาของบริษัทตามแต่เห็นสมควร
สุดท้ายนี้ พวกผมต้องการร้องเรียน เพื่อเป็นการตำหนิ ให้มีการปรับปรุง แก้ไข รวมถึงมีการกำกับดูแล การปฏิบัติ ในการบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไปครับ ส่วนตัวแล้วผมก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้บริการของ บ.ไปรษณีย์ไทย มาเป็นเวลานาน และไม่เคยมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นกับสิ่งของที่ผมส่งกับบริษัทฯเลย ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้น เมื่อพบจึงแจ้งให้บริษัท รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และดำเนินการแก้ไขต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลที่แจ้งไปจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ ในการปรับปรุงการบริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไป และขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้"
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดในโลกสังคมออนไลน์อีกครั้ง
ภาพประกอบจากเฟซบุ๊กคุณ Prin Thaiseharaj


