posttoday

ไม่หวาดไม่ไหวกับไทยมุง

22 พฤษภาคม 2553

ดูง่ายๆ ในคืนที่มีเคอร์ฟิวและมีเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นมากมาย แต่พี่แก (รัฐบาล-คนที่คุมสื่อ) กลับปิดกั้นข่าวสารเอาเสียดื้อๆ จนผู้เขียนอยากเป็น “ไทยมุง” ออกไปดูให้เห็นกับตา

ดูง่ายๆ ในคืนที่มีเคอร์ฟิวและมีเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นมากมาย แต่พี่แก (รัฐบาล-คนที่คุมสื่อ) กลับปิดกั้นข่าวสารเอาเสียดื้อๆ จนผู้เขียนอยากเป็น “ไทยมุง” ออกไปดูให้เห็นกับตา

โดย...ทวี สุรฤทธิกุล

ตําราฝรั่งกล่าวถึงกลุ่มทางสังคมว่ามีบทบาทอยู่สองเรื่องใหญ่ๆ คือ “ให้ความสนใจ” หรือ “รักษาผลประโยชน์” กับ “คอยกดดัน” จึงเรียกกลุ่มเคลื่อนไหวเหล่านี้ว่า Interest Group ที่แปลว่า “กลุ่มสนใจ” หรือ “กลุ่มผลประโยชน์” และ Pressure Group ที่แปลว่า “กลุ่มกดดัน”

แต่ถ้านักวิชาการเหล่านั้นมาดูงานที่ประเทศไทยในช่วงนี้ น่าจะต้องเพิ่มกลุ่มทางสังคมเข้าไปอีกกลุ่มหนึ่ง โดยให้ชื่อว่า Seeing Group หรือ “กลุ่ม(มุง) ดู” ซึ่งความจริงนั้นไม่ใช่ความรู้ใหม่ในบ้านเมืองของเรา เพราะเรารู้จักกับคนกลุ่มนี้มานาน|แล้ว ในชื่อว่า “ไทยมุง”

ปัญหาของบ้านเมืองอื่นอาจจะเกิดจากกลุ่มกดดันที่เรียกว่า “ม็อบ” (มาจากคำฝรั่งว่า Mob ถ้าเป็นคำนามจะแปลว่า ไม้กวาดหรือไม้ถูพื้น แต่ถ้าเป็นคำกริยาจะหมายถึงรวบหรือกวาดเข้ามา การเกิดขึ้นของม็อบก็เป็นไปดังว่า คือรวบรวมหรือกวาดคนจากทั่วทุกสารทิศมารวมกัน) แต่ในบ้านเมืองของเรากลับมีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาเพิ่มปัญหาเข้าไป ซึ่งก็คือ “ไทยมุง” นี่เอง

ไม่หวาดไม่ไหวกับไทยมุง

เช้าวันที่ 20 พ.ค. หลังการประกาศเคอร์ฟิววันแรกที่รัฐบาลฉวยโอกาสไม่ให้มีการออกอากาศในโทรทัศน์และวิทยุที่เคยมีตามปกติ หลายคนคงจะอึดอัดทรมานเหมือนผู้เขียน เพราะตื่นเช้ามาก็ไม่มีหนังสือพิมพ์ส่งมาให้อ่านอีก โชคดีที่มีโทรทัศน์อยู่ 2 ช่อง คือ ช่อง 7 กับช่องทีวีไทย ซึ่งหาญกล้าทำข่าวม็อบมาให้ดูพอแก้ลงแดงไปได้ ที่สุดสังเวชใจก็คือช่องหอยม่วงกับช่องลูกตาถลนที่เป็นของรัฐแท้ๆ (ในฐานะที่เป็นส่วนราชการ คือ ช่อง 11 และในฐานะรัฐวิสาหกิจ คือ ช่อง 9) กลับไม่มีข่าวให้ดู (จนกระทั่งสายๆ จึงค่อยโผล่เสนอข่าวอย่างเหนียมๆ) ยกเว้นช่อง 3 ที่เดี้ยงไปเพราะถูกเผาก่อนตั้งแต่บ่ายวันก่อน จึงพอให้อภัยได้

ช่อง 7 เริ่มรายการตั้งแต่ 6 โมงเช้า นำภาพเหตุการณ์ในกรุงเทพฯ มาให้เห็นว่ามีการเผาสถานที่ต่างๆ ที่ไหนกันบ้าง จากนั้นก็เสนอภาพจากหลายๆ จังหวัด ซึ่งก็มีการเผาสถานที่ราชการและอาคารบ้านเรือนต่างๆ เหมือนๆ กัน ที่น่าชม (คือชมเชยไม่ใช่ดูชม) ก็คือเป็นภาพที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งก็คงจะถ่ายด้วยฝีมือของนักข่าวในภูมิภาคที่นำเสนอได้อย่างกล้าหาญ อย่างการเผายางหน้าบ้านอดีตรัฐมนตรีและ สส.พรรคประชาธิปัตย์ นายสุทัศน์ เงินหมื่น ช่างภาพสามารถ|โคลสไปที่มือของคนร้ายที่จุดไฟแช็กใส่ผ้าแล้วนำไปจุดยางทั้งกองนั้นได้!

ส่วนช่องทีวีไทยก็ใช้ผู้อ่านข่าวผู้หญิงหน้าตาน่ารัก 2 คน ทำให้ข่าวเศร้าๆ ดูผ่อนคลายไปได้บ้าง พร้อมกับรายงานเหตุการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แม้จะไม่มีช่างภาพไปถ่ายภาพมาประกอบ แต่ก็ได้อาศัยนักข่าวใจเด็ดของช่องนี้ที่แอบ (แหกเคอร์ฟิว) ไปหาข่า

รายงานมายังห้องส่งจนได้ ส่วนช่อง 11 กับช่อง 9 ที่มาเสนอข่าวเอาราว 8 หรือ 9 โมงเช้า ก็ใช้การโฟนอินของหน่วยราชการสรุปถึงตัวเลขและความเสียหายต่างๆ ที่ดูเหมือนไปลอกตัวเลขเขามาอีกทีหนึ่ง และเมื่อถึงทีนักข่าวจะให้รายงานข่าวจากพื้นที่ก็แจ้งว่าเข้าไปในพื้นที่ไม่ได้

คนที่ช่องโทรทัศน์เหล่านี้ติดต่อและโฟนอินเข้ามาที่เด่นๆ ของเช้าวันที่ 20 นั้นก็คือนายถนอม อ่อนเกตุพล ตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ที่ยังมีการให้ข่าวตกหล่น เพราะตอนที่ให้ข่าวกับช่อง 7 และทีวีไทย ไม่ได้บอกว่ามีการเผาห้างบิ๊กซี ราชดำริ แต่มาแจ้งกับช่อง 11 และช่อง 9 ตอนสายๆ (อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณถนอมท่านหลับก่อนสองยาม เพราะห้างบิ๊กซีถูกเผาตอนหลังเที่ยงคืน และตื่นเช้ามายังไม่ได้รับรายงาน)

นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกท่านหนึ่งคือ พล.ต.ต.ปิยะ|อุทาโย โฆษกฝ่ายตำรวจ ที่ออกมารายงานว่ามีการเผาอะไร ที่ไหน ในกรุงเทพฯ บ้าง แต่ที่น่าเศร้าใจก็คือไม่ได้บอกว่า ตำรวจกำลังทำอะไร (ต่อเหตุร้ายตรงหน้านั้น) อยู่บ้าง

ย้อนกลับไปที่ภาพจาก จ.อุบลราชธานี หน้าบ้านนายสุทัศน์ เงินหมื่น ที่ตำรวจที่นั่นควบคุมม็อบได้น่ารักมาก เพราะขณะที่ผู้ร้าย 3-4คน กำลังจุดไฟใส่เศษผ้าแล้วเอาไปวาง ก็จะมีตำรวจที่ “กล้าหาญกว่าเพื่อน” อยู่คนหนึ่งที่เที่ยวเดินไปหยิบเศษผ้าออกมาอยู่หลายรอบ แล้วทำท่าว่าจะตีมือคนร้ายที่อยู่ข้างๆ ในขณะที่กองเชียร์ของคนร้าย (ซึ่งก็น่าจะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดในการก่อการร้ายนี้ด้วย) หลายสิบคนยืนอยู่ใกล้ๆ พร้อมด้วยตำรวจในจำนวนพอๆ กันที่ยืนดูอย่างเนือยๆ (ใกล้ๆ กันนั่นแหละ) เหมือน “ทำอะไรไม่ถูก”

อย่างไรก็ตาม ในการให้สัมภาษณ์ทั้งจากนายถนอม อ่อนเกตุพล และ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย ก็ออกเนื้อออกตัวในทำนองว่า เหตุร้ายที่เกิดขึ้นทั่วประเทศนี้ยากแก่การควบคุม “เพราะเจ้าหน้าที่เข้าไม่ถึง มีกลุ่มคนออกมาขัดขวาง เกรงว่าจะเกิดอันตราย ไม่อยากให้เกิดการปะทะ เดี๋ยวเหตุจะ|ลุกลามบานปลาย ฯลฯ” ล้วนแต่เป็นคาถาที่พูดไปได้เรื่อยๆ (เพื่อขอความเห็นใจที่แก้ไขอะไรไม่ได้) แต่ความจริงที่เห็นจากข่าวนั้น หลายที่ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือเทศกิจ และดับเพลิง ไปแสดงตัวว่ามีตัวตนอยู่เลย

นอกจากนี้ นายถนอม อ่อนเกตุพล ยังวิงวอนให้ชุมชนและคณะกรรมการชุมชนได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและช่วยบอกแก่ผู้คนในชุมชนต่างๆ ช่วยกันป้องกันและปราบปรามเหตุร้าย นี่ยิ่งแสดงว่ากลไกของรัฐกำลังแย่เอามากๆ จนต้องหันมาพึ่งประชาชนที่แต่ก่อนนั้นไม่เคยเหลียวแล ทั้งนี้ไม่ต้องไปพูดถึงในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่มวลชนถูกแยกแยะกันเป็นกลุ่มๆ ไปแล้ว

ที่เห็นบทบาทโดดเด่นมากก็คือ “ไทยมุง” ที่ไม่รู้ไปกินดีหมีมาจากไหน จึงได้ใจกล้าหน้าทน (เสี่ยงภัยแต่ตื่นเต้น) ไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์ตามสถานที่ต่างๆ อย่างคับคั่ง และน่าจะมีจำนวนมากกว่าม็อบ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เล่น “เอาล่อเอาเถิด” อยู่ตามสถานที่ “ล่อแหลม” ต่างๆ

มีสำนวนไทยที่น่าสนใจและสามารถอธิบายปรากฏการณ์ไทยมุงในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี คือคำว่า “ไม่หวาดไม่ไหว” เช่น “ยุงชุมเสียจนสู้ไม่หวาดไม่ไหว” ขอให้สังเกตคำว่า “ไม่หวาด” และ “ไม่ไหว” ว่าทำไมจึงมาอยู่ร่วมกันในสำนวนนี้ได้ ซึ่งถ้าจะให้เดาน่าจะมาจากปรากฏการณ์ไทยมุงนี่เอง เพราะคนเหล่านี้ “ไม่หวาด” คือไม่หวาดหวั่นและไม่หวาดกลัว ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครเอาอยู่ หรือ “ไม่ไหว” อย่างเช่นที่คุณถนอม และ พล.ต.ต.ปิยะ ท่านโอดครวญมานั้น

จากที่ผู้เขียนสังเกตการณ์เมืองไทยมากว่า 30 ปี ถือว่างานมวลชนนี่แหละเป็นงานที่ “หิน” ที่สุด ในขณะเดียวกันรัฐหรือผู้มีอำนาจก็ให้ความสนใจ หรือมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้น้อยที่สุด หรือถ้าจะมีก็ดีแต่ “จัดตั้ง” แต่ไม่อาจจะใช้ประโยชน์ได้อย่างปรารถนา หรือจัดตั้งได้ก็ไม่ยั่งยืน

ดูง่ายๆ ในคืนที่มีเคอร์ฟิวและมีเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นมากมาย แต่พี่แก (รัฐบาล-คนที่คุมสื่อ) กลับปิดกั้นข่าวสารเอาเสียดื้อๆ จนผู้เขียนอยากเป็น “ไทยมุง” ออกไปดูให้เห็นกับตา

ไม่รู้ว่า “ไทยมุง” กับ “รัฐบาล” นี้ใครจะโง่กว่ากัน?

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68