ฝนดาวตกกลุ่มใหม่
ตลอดช่วง 23 สัปดาห์ นับจากนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณผู้อ่านจะได้รับทราบข่าวเกี่ยวกับฝนดาวตก
ตลอดช่วง 23 สัปดาห์ นับจากนี้มีความเป็นไปได้ที่คุณผู้อ่านจะได้รับทราบข่าวเกี่ยวกับฝนดาวตกกลุ่มหนึ่งที่คาดว่าจะมีดาวตกเกิดขึ้นมากที่สุดในวันเสาร์ที่ 24 พ.ค. 2557 และอาจมีอัตราสูงหลายร้อยดวงต่อชั่วโมง แต่นักดาราศาสตร์คาดว่าบริเวณที่เห็นฝนดาวตกกลุ่มนี้ได้ดีที่สุดน่าจะอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ส่วนประเทศไทยอาจเห็นในจำนวนน้อย
ดาวตกที่เราเห็นบนท้องฟ้าเกิดจากสะเก็ดดาวซึ่งเคลื่อนที่จากอวกาศเข้าสู่บรรยากาศโลก สะเก็ดดาวส่วนหนึ่งเคลื่อนที่เป็นสายในอวกาศ เรียกว่า ธารสะเก็ดดาว ประกอบด้วยชิ้นส่วนจำนวนมากที่ดาวหางทิ้งไว้ตามทางโคจร
เมื่อโลกเคลื่อนผ่านธารสะเก็ดดาว สะเก็ดดาวเหล่านี้จะเข้าสู่บรรยากาศโลกในทิศทางขนานกัน ก่อให้เกิดดาวตกหลายดวง ซึ่งดูเหมือนมีจุดกำเนิดร่วมกันที่จุดหนึ่งบนท้องฟ้า อันเป็นผลจากมุมมองในเชิงทัศนมิติ เรียกจุดดังกล่าวว่า จุดกระจาย และเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ฝนดาวตก
แต่ละปีมีฝนดาวตกเกิดขึ้นหลายกลุ่ม อัตราตกของแต่ละกลุ่มก็ต่างกัน อาจต่ำมากในระดับน้อยกว่า 5 ดวงต่อชั่วโมง หรือสูงเป็นร้อยดวงต่อชั่วโมง ฝนดาวตกที่คนทั่วไปรู้จัก คือ ฝนดาวตกที่มีอัตราสูง เช่น ฝนดาวตกวันแม่ในเดือน ส.ค. ฝนดาวตกคนคู่ในเดือน ธ.ค. รวมถึงฝนดาวตกสิงโตในเดือน พ.ย. ซึ่งมีอัตราตกสูงเป็นพิเศษในช่วงปี พ.ศ. 25412545
ฝนดาวตกส่วนใหญ่เกิดจากดาวหาง ฝนดาวตกที่นักดาราศาสตร์คาดว่าอาจเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ค. 2557 ตามเวลาประเทศไทย หรือในคืนวันที่ 23 ถึงเช้ามืดวันที่ 24 พ.ค. ตามเวลาในทวีปอเมริกาเหนือ เกิดจากดาวหางที่มีชื่อว่า 209 พี/ลีเนียร์ (209P/LINEAR)
ดาวหาง 209 พี/ลีเนียร์ ถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2547 ตัวเลข 209 และตัวอักษร P แสดงว่าเป็นดาวหางรายคาบลำดับที่ 209 ดาวหางรายคาบคือดาวหางที่มีคาบการโคจรน้อยกว่า 200 ปี ดาวหางดวงนี้มีคาบการโคจรเพียง 5 ปี และไม่ใช่ดาวหางที่สว่างนัก
ดาวหาง 209 พี/ลีเนียร์ มีวงโคจรผ่านใกล้วงโคจรของโลก ปีนี้ดาวหางผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดไปแล้วเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2557 และจะผ่านใกล้โลกในวันที่ 29 พ.ค. 2557 ด้วยระยะห่างเพียง 8 ล้านกิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ดาวหางดวงนี้ไม่สว่างพอจะเห็นได้ด้วยตาเปล่า จำเป็นต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ และแผนที่ดาวที่แสดงตำแหน่งดาวหางเทียบกับดาวฤกษ์
นักดาราศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญการพยากรณ์ฝนดาวตก ซึ่งเคยมีผลงานการพยากรณ์ฝนดาวตกสิงโตและฝนดาวตกอื่นๆ ได้ศึกษาวงโคจรของดาวหางดวงนี้ และจำลองการเคลื่อนที่ของสะเก็ดดาวที่หลุดออกมาจากดาวหางในอดีต พวกเขาพบว่าปีนี้โลกจะผ่านธารสะเก็ดดาวของดาวหาง 209 พี/ลีเนียร์ ซึ่งเป็นสะเก็ดดาวที่หลุดออกมาจากดาวหางในช่วง 200 ปี นับตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 และอาจก่อให้เกิดฝนดาวตกที่มีอัตราสูงนับร้อยดวงต่อชั่วโมง
การคำนวณพบว่าจุดกระจายของฝนดาวตกนี้อยู่ในพื้นที่ของกลุ่มดาวยีราฟ ซึ่งเป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าเหนือ ห่างดาวเหนือเพียง 11 องศา ที่ผ่านมาการตั้งชื่อฝนดาวตกจะตั้งชื่อตามดาวหรือกลุ่มดาวที่จุดกระจายปรากฏอยู่ ฝนดาวตกที่คาดว่าอาจเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ค. จึงมีชื่อเรียกที่ตั้งไว้ล่วงหน้าว่า ฝนดาวตกยีราฟ
เวลาที่นักดาราศาสตร์คาดว่าอาจเกิดฝนดาวตกยีราฟในอัตราสูงสุดตรงกับเวลาประมาณ 13.0015.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งเป็นเวลากลางวันในประเทศไทย เราจึงไม่อยู่ในพื้นที่ที่เห็นปรากฏการณ์นี้ บริเวณที่คาดว่าจะมีโอกาสเห็นฝนดาวตกยีราฟได้ดีที่สุดอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแคนาดาและตอนเหนือของสหรัฐ
การพยากรณ์ฝนดาวตกครั้งนี้เป็นผลจากคำนวณเชิงตัวเลขตามทฤษฎี ไม่มีปรากฏการณ์ในอดีตที่สามารถนำมาเทียบเคียงได้อย่างฝนดาวตกสิงโต นักดาราศาสตร์จึงไม่อาจทราบได้ว่าฝนดาวตกยีราฟจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ สว่างแค่ไหน และในอัตราเท่าใด อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ผลการคำนวณตรงกันว่า จะเกิดฝนดาวตกยีราฟในวันที่ 24 พ.ค. แต่อัตราตกยังแตกต่างกัน
นักดาราศาสตร์คำนวณอัตราตกของฝนดาวตก โดยสมมติให้ผู้สังเกตอยู่ในสถานที่ที่ท้องฟ้ามืดสนิท สามารถมองเห็นดาวได้เต็มท้องฟ้า และจุดกระจายอยู่เหนือศีรษะ ภายใต้สภาวะดังกล่าว บางคนคาดว่าอัตราตกของฝนดาวตกยีราฟอาจอยู่ในระดับ 100 ดวงต่อชั่วโมง บางคนพบว่ามีโอกาสที่จะสูงหลายร้อยดวงจนอาจถึงระดับพายุ ซึ่งหมายถึงฝนดาวตกที่มีอัตราตกสูงตั้งแต่ 1,000 ดวงต่อชั่วโมงขึ้นไป การพยากรณ์ฝนดาวตกครั้งนี้จึงมีความไม่แน่นอนสูง
สิ่งที่นักดาราศาสตร์ย้ำนักย้ำหนา คือ อย่าตั้งความหวังกับปรากฏการณ์นี้ไว้สูง เพราะเป็นการพยากรณ์จากแบบจำลอง ซึ่งมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ ส่วนจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ อย่างไร วิธีเดียวที่จะรู้ได้ก็คือการพิสูจน์
หากการพยากรณ์คลาดเคลื่อนหลายชั่วโมง ประเทศไทยก็มีโอกาสเห็นดาวตกจากฝนดาวตกยีราฟได้บ้าง (ในกรณีที่เกิดขึ้นจริง) โดยเฉพาะในช่วงเช้ามืดและหัวค่ำของวันเดียวกัน แต่การที่จุดกระจายอยู่ต่ำใกล้ขอบฟ้าทิศเหนือ ทำให้มีโอกาสเห็นดาวตกในจำนวนที่น้อย และดาวตกจากฝนดาวตกยีราฟก็จะมีทิศทางการเคลื่อนที่พุ่งขึ้นจากขอบฟ้าทิศเหนือ
หากท้องฟ้าเปิด ไม่มีเมฆฝนบดบัง การสังเกตฝนดาวตกยีราฟควรทำใน 2 ช่วง คือ ช่วงเช้ามืดและหัวค่ำของวันเสาร์ที่ 24 พ.ค. 2557 ช่วงเช้ามืดจะมีแสงจันทร์รบกวน แต่หากดาวตกสว่างมากก็มีโอกาสเห็นได้ จากนั้นเราสามารถติดตามข่าวการสังเกตฝนดาวตกยีราฟจากสหรัฐได้ตลอดวัน หากมีรายงานว่าเกิดดาวตกจำนวนมากและต่อเนื่องยาวนาน เราก็มีโอกาสสังเกตได้อีกครั้งในช่วงหัวค่ำของวันเดียวกัน
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (1118 พ.ค.)
ดาวพุธ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ อยู่บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ ดาวพฤหัสบดีอยู่ในกลุ่มดาวคนคู่ ช่วงแรกอยู่สูงทางทิศตะวันตก จากนั้นจะเคลื่อนต่ำลงจนตกลับขอบฟ้าราว 22.30 น.
ดาวพุธอยู่ในทิศทางเดียวกับดาวพฤหัสบดี แต่อยู่ต่ำใกล้ขอบฟ้า สัปดาห์นี้ดาวพุธทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์มากกว่าสัปดาห์ที่แล้ว หากท้องฟ้าเปิดก็น่าจะสังเกตเห็นได้ไม่ยากเกินไปนัก ดาวอังคารอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว เริ่มเห็นขณะอยู่สูงทางทิศตะวันออก ดาวอังคารผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าทิศใต้ในเวลา 21.30 น. และตกลับขอบฟ้าในเวลา 03.00 น.
ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคันชั่ง ต้นสัปดาห์ยังเป็นช่วงที่ดาวเสาร์อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์และใกล้โลกที่สุดในรอบปี จึงสังเกตได้ตลอดทั้งคืน ดาวศุกร์ขึ้นเหนือขอบฟ้าราว 03.00 น. เริ่มเห็นได้หลังจากนั้นไม่นาน เช้ามืดวันที่ 16 พ.ค. ดาวศุกร์ผ่านใกล้ดาวยูเรนัสที่ระยะ 1.2 องศา สังเกตได้ด้วยกล้องโทรทรรศน์
ต้นสัปดาห์เป็นปลายข้างขึ้น ดวงจันทร์ผ่านใกล้ดาวอังคารในคืนวันที่ 11 พ.ค. ที่ระยะ 3 องศา ผ่านใกล้ดาวรวงข้าวในคืนวันถัดไปที่ระยะ 2 องศา คืนวันที่ 14 พ.ค. เมื่อดวงจันทร์ขึ้นในเวลาหัวค่ำ จะเห็นดาวเสาร์อยู่ใกล้ดวงจันทร์ ห่างเพียง 1 องศา ตาเปล่าอาจสังเกตได้ไม่ชัด เนื่องจากแสงจันทร์สว่างมาก บางส่วนของโลกมีโอกาสเห็นดวงจันทร์บังดาวเสาร์ เช่น พื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลีย (ยกเว้นด้านตะวันออกเฉียงเหนือ) นิวซีแลนด์ และตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก


