posttoday

"ภาษาวัยรุ่น"ไม่ใช้ก็จะตายไปเอง

28 เมษายน 2557

ในอนาคตก็จะมีคำเหล่านี้เกิดอีกมากมาย และที่สุดแล้วหากไม่ได้รับการยอมรับก็จะตายไป

โดย...ทีมข่าวในประเทศ

ว่ากันว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนวิวัฒน์ ธรรมชาติของภาษาจึงไม่มีข้อยกเว้น

บอกตามตรงตอนนี้มึนตึ้บ เข้าเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก คุยแชท อ่านไลน์ เริ่มไม่เข้าใจภาษาแปลกๆ

คัดลอกคำศัพท์วางลงในช่องค้นหาของโปรแกรมพจนานุกรม ...ไม่พบความหมายใดๆ

ที่พอจะช่วยสืบเสาะถอดความได้ คงมีแต่คำอธิบายจากกลุ่มวัยรุ่นหรือผู้ที่ใช้คำศัพท์เหล่านั้น

ใช่ว่าคำแปลกๆ จะไม่มีที่มา หากแต่เกิดขึ้นจากการย่นย่อ แผงเสียง ลดรูปจากศัพท์ต่างประเทศ หรือผันมาจากการพิมพ์ผิดอย่างชินชา

“ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” สุปัญญา ชมจินดา โฆษกราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า หากมองในมุมของนักภาษาแล้วปรากฏการณ์ทางภาษาที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ

“เมื่อวิวัฒนาการพัฒนาขึ้น เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามา ก็จะมีคำใหม่ๆ เกิดขึ้น ซึ่งในอนาคตก็จะมีคำเหล่านี้เกิดอีกมากมาย และที่สุดแล้วหากไม่ได้รับการยอมรับก็จะตายไป ถ้าลองย้อนอดีตไปสัก 100 ปีที่ผ่านมา ภาษาที่ใช้ก็ไม่ได้เหมือนในปัจจุบันนี้” อาจารย์สุปัญญา ให้ภาพ

นักวิชาการรายนี้ อธิบายอีกว่า ทุกวันนี้ต้องมาดูว่าภาษาที่ใช้กันอยู่นั้นใช้ในสถานการณ์ใด 1.การพูดคุยกันเองกับเพื่อนสนิท ใช้ภาษาปาก ภาษาเฉพาะกลุ่ม 2.ภาษาที่ใช้อย่างเป็นทางการ ในที่สาธารณะ ในราชการ ในโรงเรียน ในสังคม ซึ่งหากทั้ง 2 ส่วนนี้ ไม่มาปะปนกันก็ไม่มีปัญหาอะไร

“ภาษาพูดหรือภาษาที่ไม่เป็นทางการใช้สื่อสารเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน เช่น ภาษาแพทย์ ภาษาวัยรุ่น ภาษาสก๊อย ภาษาเพศที่สาม หรือศัพท์แสลง ต่างๆ เด็กก็คิดขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อไม่ใช้ก็ล้าสมัยไปเอง ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา จำเป็นต้องให้ความรู้แก่เด็กเหล่านั้นเพื่อให้เข้าใจว่า ไม่ควรให้ภาษาเหล่านี้เข้ามาปะปนกับภาษาเขียนที่เป็นทางการ” สุปัญญา ระบุ

อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ที่ภาษาวัยรุ่นจะกลายมาเป็นภาษาที่ใช้อย่างเป็นทางการ แต่นั่นหมายความว่าต้องเป็นภาษาที่ใช้มากันอย่างยาวนาน 5-10 ปี สื่อความหมายได้ตรงกัน และเป็นที่ยอมรับของสังคม ตัวอย่างเช่นคำว่า “เชย” ในอดีตเป็นเพียงคำแสลง แต่ก็ผ่านกาลเวลามาจนกลายเป็นภาษาปกติในปัจจุบันได้

สำหรับตัวอย่างภาษาวัยรุ่นในปัจจุบัน อาทิ อุต๊ะ = อุ๊ยตาย, บ่องตง = บอกตรงๆ, ถ่ามตง = ถามตรงๆ, เตง = ตัวเอง, ไรแว๊ = อะไรวะ, น่ามคาน = น่ารำคาญ, อัลไล = อะไร, น่าร็อคอ่ะ = น่ารักอ่ะ, ไรหรา = อะไรเหรอ, ช่ะ = ใช่ป่ะ, จุงเบย = จังเลย, ฝุดๆ = สุดๆ, ชิมิ = ใช่มั้ย, มะรุ = ไม่รู้, มะเปง = ไม่เป็น, เมพขิงๆ = เทพจริงๆ, ขออำไพ = ขออภัย, สะเบย = สบาย, กงกง = ตรงตรง

“ฟิน” มาจากคำว่า ฟินาเล่ มักจะใช้ในเวลาที่รู้สึกว่าสุดยอด “อิน” มาจากคำว่า อินเนอร์ มักใช้เวลามีความรู้สึกร่วมไปด้วย

“จิ้น” มาจากคำว่า อิมเมจิ้น มักใช้เวลาจินตนาการหรือคิดไปเอง “เกรียน” การแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นประโยชน์ โดยเปรียบเทียบมาจากทรงผมของเด็กผู้ชาย ระดับมัธยมต้น

“ปลวก” เป็นคำด่าแนวประชด เปรียบเทียบคนหน้าตาไม่ดีว่าเหมือนปลวก หรืออาจเปรียบเทียบคนที่ชอบมีนิสัยจิกกัดไปทั่ว

“วันนาบี” มาจากคำว่า "wanna be" ที่แปลว่า อยากเป็น ซึ่งเป็นคำเหน็บแหนมสำหรับคนที่อยากเป็นนู่น เป็นนี่ หรือใช้ด่าคนที่ชอบเลียนแบบ

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา