อาชีพแปลกแต่สร้างรายได้งามหน้าแล้ง
หลากหลายอาชีพสร้างรายได้อย่างงดงามให้กับชาวบ้านแถบชนบทที่มนุษย์เงินเดือนต้องอิจฉา
หลากหลายอาชีพสร้างรายได้อย่างงดงามให้กับชาวบ้านแถบชนบทที่มนุษย์เงินเดือนต้องอิจฉา
หลากหลายอาชีพสามารถพลิกวิกฤตหน้าแล้งสร้างรายได้อย่างงดงามให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในแถบชนบทของไทยชนิดที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆท่านต้องอิจฉาตาร้อนไปตามๆกันไม่ต้องลงทุนแต่เน้นลงแรงเป็นหลัก
อาชีพจับแมลงตามทุ่งนาขาย สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านโคกเพชร-หนองโฮง หมู่ 10 ต.หนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้นำภูมิปัญญาดั้งเดิมมาปรับใช้เพื่อพลิกวิกฤตภัยแล้งเป็นโอกาส โดยการใช้หลอดไฟดักจับแมลงตามทุ่งนาในช่วงกลางคืน ทั้งแมงกระชอน จิ้งหรีด และตับเต่า นำไปประกอบอาหารรับประทานในครัวเรือน และส่งขายตามตลาด บางรายมีพ่อค้ามารับซื้อถึงหมู่บ้านในราคากิโลกรัมละ 150 บาท
ทั้งนี้ในช่วงนี้แต่ละครัวเรือนสามารถดักจับแมลงได้ 3 - 4 กิโลกรัมต่อวันหากนำไปขายก็มีรายได้เฉลี่ยวันละ 400 - 500 บาทซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับชาวบ้านหลังฤดูทำนาได้เป็นอย่างดี บางวันยอดสั่งซื้อจนไม่พอขาย ซึ่งในปี 2554ที่ผ่านมาชาวบ้านสามารถดักจับแมลงได้ถึงคืนเดียวถึง 40 กิโลกรัมละทำให้มีรายได้หลายพันบาท
สยาม พันธุมาศ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านโคกเพชร-หนองโฮง บอกว่า สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ดักจับแมลงก็จะมีหลอกไฟส่องสว่าง ถุงพลาสติกและกะละมังใส่น้ำเท่านั้น ส่วนวิธีการดักแมลงก็จะเปิดไฟล่อแมลงในเวลากลางคืนตั้งแต่ช่วง 1 ทุ่ม เพื่อให้แมลงบินออกมาชนพลาสติกที่ขึงไว้ จากนั้นก็จะตกลงไปในกะละมังที่เติมน้ำไว้ หากวันไหนมีแมลงเยอะชาวบ้านก็จะออกมาเก็บช่วงเที่ยงคืนและเก็บตอนเช้ามืดอีกรอบ ก่อนจะนำไปขายทั้งแบบสด และประกอบอาหารสำเร็จ โดยการขั้ว ทอดวางขายตามตลาด ซึ่งจะสามารถดักจับได้ในช่วงเดือน ม.ค. -พ.ค.เท่านั้น
ณรงค์ ประพิณ นายกเทศมนตรีตำบลหนองตาด บอกว่า อาชีพดักจับแมลงถือเป็นภูมิปัญญาและสามารถสร้างรายได้เสริมในช่วงหน้าแล้งให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างดีซึ่งทางเทศบาลก็พร้อมจะส่งเสริมโดยมีโครงการจะจัดเทศกาลกินแมลงหรืออาจจะส่งเสริมให้มีการเพาะพันธุ์แมลงขายในอนาคตด้วยส่วนปัจจัยที่ทำให้ในพื้นที่หมู่บ้านดังกล่าวยังมีแมลงธรรมชาติอยู่
เนื่องจากได้มีการรณรงค์ส่งเสริมให้ชาวบ้านไถกลบตอซังข้าวแทนการเผาจึงทำให้ระบบนิเวศน์ยังสมบูรณ์อยู่ทั้งยังรณรงค์ไม่ให้ใช้สารเคมีในการทำการเกษตรอีกด้วย
ส่วนชาวบ้านบ้านดู่ ต.บ้านจาน อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ในแต่ละวันจะพากันขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างพร้อมอุปกรณ์ไม้ไผ่ยาว สวิง และถังใส่น้ำออกตระเวนไปตามถนนที่มีป่าต้นไม้ข้างทาง และที่สวนป่าดงเค็ง ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ที่จะมีมดแดงชอบทำรังตามต้นกระถินณรงค์, ยูคาลิปตัส และต้นหว้า จากนั้นใช้ไม้ไผ่ที่ปลายไม้ใช้สวิงเป็นถุงรองรับ เมื่อแหย่รังมดแดงจนรังแตกไข่มดแดงตกในภาชนะรองรับจากนั้นก็นำมาเทใส่ถังที่มีน้ำ ก่อนจะแยกเอาแต่ไข่มดแดง
ในแต่ละวันจะสามารถหาแหย่ไข่มดแดงได้ วันละ 4-5 กิโลกรัม ก่อนจะนำไปขายในตลาดสดอำเภอพุทไธสง โดยตวงใส่ถ้วยขายในราคา 3 ถ้วย 50 บาท หากขายเป็นกิโลกรัมๆ ละ 400 บาท สร้างรายได้ให้กับครอบครัวตกวันละกว่า 500-700 บาทขึ้นไป แต่ไข่มดแดงก็เริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนไปมดแดงออกไข่น้อยลง
ที่ลำแม่น้ำโขง บ้านโนนสว่าง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย ได้มีชาวบ้านโนนสว่างจำนวนหนึ่ง ได้พากันออกร่อนทองตามแอ่งน้ำขนาดเล็กในแม่น้ำโขงหลังจากการลดลงของแม่น้ำโขงในช่วงฤดูแล้ง โดยนำอุปกรณ์ ประกอบด้วย บ้าง ตะแกรง ถังน้ำ แวก กะละมังขนาดเล็ก ลงไปร่อนทองตามแอ่งน้ำในแม่น้ำโขงสร้างรายได้วันและ 700-800 บาท
แกม บานอ่อน อยู่บ้านเลขที่ 24 ม.6 บ้านโนนสว่าง ต.บ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย บอกว่า พวกเขาได้รับการถ่ายทอดอาชีพร่อนทองมาจากพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายาย ที่สอนให้พวกตนได้ร่อนทอง หรือเล่นทอง ในแม่น้ำโขงช่วงน้ำโขงลด โดยเฉพาะในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. ของทุกปี
สุชัย ตั้งชูพงศ์น ายอำเภอสังคม กล่าวว่า การร่อนทองมรดกทางสังคม ที่สามารถสร้างรายได้ให้ชาวบ้านอย่างน้อยวันละ 300 บาท ซึ่งเป็นอาชีพที่สุจริต และเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่หาดูได้ยาก แม้ทุกวันนี้จะมีร่อนทองที่น้อยลงแต่ทางอำเภอและ อปท.ในพื้นที่จะให้สนับสนุน และส่งเสริม เพื่อเป็นการอนุรักษ์วิถีชีวิตของชาวบ้านนี้ไว้ให้เป็นส่วนหนึ่งของการแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของอำเภอสังคมต่อไป
พื้นที่บ้านจักรทิพย์สามัคคี อ.เมืองกาฬ จ.บึงกาฬ ฤดูแล้งปีนี้ทำให้หนองน้ำหลายแห่งในจังหวัดบึงกาฬแห้งสนิทเหลือเพียงพื้นดินเหนี่ยวชาวบ้านพลิกวิกฤติเป็นโอกาสออกขุดรากบัว(หัวบัว)มากินเป็นอาหารและยังนำออกขายในราคากิโลกรัมละ50บาท วันหนึ่งๆขุดได้10-20กิโลกรัม สร้างรายได้วันละ500-1,000บาท
ที่บ้านเกษตรพัฒนา กม.6 หมู่ 12 ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก ที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้งที่หนักและรุนแรงมาก สระน้ำและอ่างน้ำในหมู๋บ้านหลายแห่ง เริ่มแห้งขอด ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน ได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ในช่วงที่แห้งแล้งสระน้ำแห้ง นำอุปกรณ์การดักจับปลาและสัตว์น้ำต่างๆ ไปทำการจับปลาและสัตว์น้ำในสระ เพื่อนำมาเป็นอาหาร ซึ่งชาวบ้านสามารถจับปลาและสัตว์น้ำชนิดต่างๆ ได้จำนวนมาก ทั้งหอย-ปูนา-ปลาไหล ฯลฯ มาเป็นอาหาร และส่วนที่เหลือก็นำไปขายสร้างรายได้ในช่วงประสบปัญหาและวิกฤตภัยแล้งที่รุนแรงในหมู่บ้าน
ยังมีอีกหลากหลายอาชีพหน้าแล้งที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในชนบท หากขยันไม่มีวันจน หรืออดตาย


