บิลลี่"หาย"ลึกลับภาพคุกคามสิทธิขั้นร้ายแรง
โดย...ทีมข่าวภูมิภาค
โดย...ทีมข่าวภูมิภาค
หลายวันแล้วที่ พอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำ กะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หายไปโดยไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีประการใด
บิลลี่ อาจไม่ใช่คนมีฐานะทางสังคม ไม่ใช่ดาราดัง แต่มีคุณูปการต่อผืนป่าที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ด้วยสำนึกของนักอนุรักษ์ป่าที่เกิดจากสายเลือด ทำให้เขากลายมาเป็นนักต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ไม่แปลกที่เราจะรู้จักบิลลี่...ก็ในวันที่เขาหายไปแล้ว...
“รัฐต้องทบทวนนโยบายบริหารจัดการพื้นที่ป่าในเขตอนุรักษ์ อุทยานแห่งชาติ ป่าสงวนฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยคำนึงถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรมชุมชนกับป่าที่มีมาแต่ดั้งเดิมโดยไม่ละเมิดสิทธิหรือทำลายวิถีของชาติพันธุ์ที่ดำรงสัมพันธ์กับป่า” นี่คือข้อเสนอแนะของ สมเกียรติ เขื่อนเชียงสา ผู้ประสานงานเครือข่ายลุ่มน้ำภาคเหนือ ที่สะท้อนหลังการหายตัวไปของบิลลี่
สมเกียรติ กล่าวว่า หากคนที่มีน้ำผึ้งป่า 6 ขวด ที่เป็นผลผลิตจากการอนุรักษ์ป่าถูกมองว่ามีความผิดในการทำลายป่า แล้วคนที่ตัดไม้ทำลายป่า ปลูกบ้าน รีสอร์ทอย่างหรูหรากลางป่าใหญ่ ใครผิดมหันต์กว่ากัน แต่คนที่มีน้ำผึ้งป่า 6 ขวด กลับถูกนำตัวไปกักขัง นี่คือการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างไม่น่าให้อภัย
“คนทั้งคน และเป็นคนสำคัญต่อการเรียกร้องสิทธิ เป็นตัวแทนชุมชนที่ต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเสมอมา ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ปล่อยให้หายไปกับสายลมในภาวะที่ไทยเป็นประชาธิปไตย มีการเรียกร้องสิทธิกันอย่างเปิดกว้าง เรื่องของบิลลี่ก็ต้องได้รับความเป็นธรรมด้วย” สมเกียรติ ย้ำ
สมเกียรติ ทิ้งท้ายว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีนักอนุรักษ์และนักสิทธิมนุษยชนหายตัวไป บิลลี่เป็นคนที่น่าจะมากกว่าอันดับที่ 20 แล้ว แต่ไม่เคยมีรายใดที่ได้รับการตรวจสอบถึงการหายตัวไปอย่างจริงจัง ครั้งนี้เขาจะต้องมีการตรวจสอบโดยด่วน และมั่นใจว่าจะมีนักสู้อย่างบิลลี่เกิดขึ้นอีกหลายคนนับจากนี้
อัครา พรหมเผ่า รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา และประธานกลุ่มฮักบ้านเกิดพะเยา กล่าวว่า การหายไปของบิลลี่ทำให้เป็นห่วงกลุ่มนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทุกด้าน เพราะการอนุรักษ์บางครั้งอาจจะทำให้เกิดการขัดแย้งผลประโยชน์ของกลุ่มทุน ดังนั้นต้องระมัดระวังตัวเองมากขึ้น
“ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์กับคนทำงานด้านอนุรักษ์ เพราะเมื่อเทียบคนทำงานกับทรัพยากรธรรมชาติที่ต้องอนุรักษ์ร่วมกันแล้ว ยังห่างไกลกันมาก ลำพังภาครัฐหรือท้องถิ่นก็ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง แต่หากเกิดนักอนุรักษ์ที่มีจิตสำนึกและวิญญาณของคนที่รักและหวงแหนแผ่นดินเกิดมากเท่าใด ย่อมเป็นผลดีมากเท่านั้น” อัครา กล่าว
ขณะที่ สหัทยา วิเศษ นักวิชาการและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมท้องถิ่น จ.พะเยา กล่าวว่า การหายไปของบิลลี่เป็นการคุกคามสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง การย้ายคนออกจากป่าเป็นการละเมิดสิทธิชุมชน ซึ่งอุทยานแห่งชาติฯ ได้ขยายพื้นที่มาภายหลังและย้ายผู้คนลงมาอยู่ในพื้นที่ที่บริบทไม่เหมาะสมในการดำรงชีพและยัง ทับซ้อนสิทธิกับคนในพื้นที่เดิม จะเห็นได้ถึงการใช้อำนาจรัฐเพื่อขยายพื้นที่ป่าอนุรักษ์โดยไม่คำนึงถึงสิทธิชุมชน เป็นการทำลายวิถีของกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความสัมพันธ์กับป่า ท้ายสุดขอเรียกร้องให้ ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงข้อมูลการหายไปของบิลลี่โดยเร็วที่สุด
ณ เวลานี้ ชุมชนพี่น้องปกากะเญอบางกลอย กำลังรอการกลับมาของเขาอยู่ทุกลมหายใจ


