posttoday

พระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมหลวงสรเสรฐสุดา

30 มีนาคม 2557

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสรฐสุดา ทรงเป็นพระราชธิดาลำดับสุดท้าย

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสรฐสุดา ทรงเป็นพระราชธิดาลำดับสุดท้ายในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาอึ่ง กัลยาณมิตร ประสูติเมื่อวันอังคาร ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 บูรพาษาฒ ปีชวด ตรงกับวันที่ 17 มิ.ย. 2371 ณ พระบรมมหาราชวัง มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าบุตรี

เนื่องจากเจ้าจอมมารดาซึ่งเป็นบุตรีของเจ้าพระยานิกรบดินทร์มหินทรมหากัลยาณมิตร หรือที่รู้จักกันดีในนามเจ้าสัวโต พ่อค้าสำเภาที่ได้ถวายตัวเข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ในการค้าสำเภาหลวง ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ จนกิจการค้าเจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่น ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยดุจพระสหายสนิท จึงได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ขุนนางให้มีความหมายผูกพันใกล้ชิดในท้ายราชทินนามว่า “มหากัลยาณมิตร” เจ้าจอมมารดาอึ่งจึงเป็นพระสนมเอกที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดปรานและเป็นผู้ที่มีอำนาจอิทธิพลในราชสำนักผู้หนึ่ง นอกจากนี้เจ้าจอมมารดาอึ่งยังเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในทางอักษรศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณีในพระราชสำนักอย่างหาตัวจับได้ยาก ได้เป็นผู้ฝึกสอนขนบธรรมเนียมประเพณี กิริยามารยาท ตลอดจนวิชาการด้านต่างๆ ให้กับลูกท่านหลานเธอและเจ้านายที่ประทับเจริญพระชนมายุในพระราชสำนักตลอดมา

จากการมีอำนาจอิทธิพลและมีฐานะร่ำรวยเป็นพื้นฐาน อีกทั้งมีความเอาใจใส่ในการศึกษาเรียนรู้วิชาการแขนงต่างๆ ในราชสำนักจนแตกฉาน เจ้าจอมมารดาอึ่งซึ่งได้รับความไว้วางใจให้ฝึกสอนวิชาการต่างๆ ในราชสำนัก จึงทำให้พระองค์เจ้าหญิงบุตรี พระธิดาของเจ้าจอมมารดาอึ่ง เป็นผู้สนใจใฝ่รู้ในด้านการเล่าเรียน เขียนอ่าน ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีในพระราชสำนักตามอย่างเจ้าจอมมารดา ทรงสนพระทัยในวิทยาการสมัยใหม่ทุกสาขา ทรงเชี่ยวชาญทั้งอักขระไทย วิชาเลขอย่างไทย วิชาดาราศาสตร์ วรรณคดี ตำนาน ศิลปวิทยาต่างๆ ซึ่งสามารถนำมาสอนให้ผู้อื่นมีความรู้เป็นวิชาพื้นฐานได้ เพื่อนำไปสู่การศึกษาขั้นสูงต่อไปในทุกๆ ด้าน

พระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมหลวงสรเสรฐสุดา

 

ความเชี่ยวชาญรอบรู้ในวิชาการต่างๆ ของพระองค์เจ้าหญิงบุตรี ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาจากเจ้าจอมมารดาอึ่ง ทำให้พระองค์เจ้าหญิงบุตรีได้รับการยกย่องให้เป็นพระอาจารย์ที่ผู้คนในพระราชสำนักให้การเคารพนับถือ เป็นที่สนิทเสน่หาและไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชชนก เป็นอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จาก เมื่อครั้งที่กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ พระบิดาของหม่อมเจ้าหญิงรำเพยสิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระโอรสธิดาของกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ซึ่งล้วนแล้วแต่ยังทรงพระเยาว์ ให้เข้าไปทรงทำนุบำรุงไว้ในพระบรมมหาราชวัง โดยระยะแรกให้อยู่ในพระอภิบาลของสมเด็จพระบรมอัยยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร (พระองค์เจ้าหญิงละม่อม) ณ ตำหนักตึก ซึ่งเป็นตำหนักเดิมของสมเด็จพระศรีสุลาไลย พระราชมารดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นหม่อมเจ้าหญิงรำเพยได้ทรงย้ายไปประทับกับพระองค์เจ้าหญิงบุตรีเพื่อทรงศึกษาอักขรวิธีและพระราชพิธี ณ ตำหนักต้นจำปี จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จกลับไปประทับ ณ พระตำหนักตึกตามเดิม

ครั้นถึงปี 2435 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าหญิงรำเพยดำรงพระอิสริยยศเป็นพระราชเทวี พระนามว่า พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาด้วยกัน 4 พระองค์ คือ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ พระชนมายุ 9 พรรษา สมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี พระราชธิดาพระองค์เดียว พระชนมายุ 7 พรรษา สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี พระชนมายุ 6 พรรษา สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระชนมายุ 2 พรรษา พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิมรมย์ พระราชมารดา ก็สิ้นพระชนม์ด้วยเหตุที่ทรงมีพระพลานามัยไม่ค่อยจะแข็งแรง ตั้งแต่ก่อนจะมีพระประสูติกาล สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์แล้ว

การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชเทวี ในขณะที่บรรดาพระราชโอรสธิดายังทรงพระเยาว์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชโอรสธิดาทั้ง 4 พระองค์ ซึ่งประสูติแต่พระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ให้ไปอยู่ภายใต้การอภิบาลของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร พระองค์เจ้าหญิงละม่อม โดยมีพระองค์เจ้าหญิงบุตรีทรงเป็นพระอาจารย์ถวายพระอักษร และวิชาการด้านต่างๆ ให้แก่พระราชโอรสธิดาทั้ง 4 พระองค์

ต่อมาเมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเสวยราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงระลึกว่าพระองค์เจ้าหญิงบุตรีนอกจากจะทรงเป็นพระอาจารย์ถวายพระอักษรแล้ว ยังดำรงพระยศเป็นพระเจ้าอัยยิกาเธอที่ทรงมีพระเมตตาต่อสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระราชมารดาของพระองค์เป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะถวายพระอักษรและอบรมบ่มเพาะพระราชมารดาของพระองค์มาแต่ยังทรงพระเยาว์แล้ว เมื่อครั้งที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร พระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่อันที่เคารพรักยิ่ง ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ทรงพระประชวรกระเสาะกระแสะ พระพลานามัยไม่สู้จะสมบูรณ์แข็งแรงมาเป็นเวลานานสิบกว่าปี พระองค์เจ้าหญิงบุตรีก็ได้ให้ความเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิดจนสิ้นพระชนม์ นอกจากนี้ยังได้เป็นพระอาจารย์ถวายพระอักษรแด่พระองค์และพระอนุชามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ด้วย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็นพระเจ้าอัยยิกาเธอ กรมหลวงวรเสรฐสุดา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ทรงกำกับดูด้านพิธีกรรมต่างๆ และโบราณราชประเพณีในราชสำนัก ทรงยกย่องให้ดำรงฐานะเป็นพระบรมราชวงศ์ผู้ใหญ่ตลอดพระชนม์ชีพ ความสามารถในด้านอักษรศาสตร์ของพระองค์เจ้าหญิงบุตรี ทรงเป็นที่ประจักษ์ชัดมาตลอดพระชนม์ชีพ แม้แต่ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ “ลิลิตนิทราชาคริต” ยังทรงโปรดบรรดาจินตกวีที่พระองค์ทรงยกย่องนับถือให้ช่วยกันตรวจแก้ในหน้าแท่นพระราชนิพนธ์นั้น นอกจากกรมพระสมมตอมรพันธ์ กรมหลวงพิชิตปรีชากร และพระยาศรีสุนทรโวหารแล้ว พระองค์เจ้าหญิงบุตรีก็ทรงเป็นจินตกวีที่พระองค์ทรงเลือกให้ช่วยตรวจแก้ด้วย

ความเคารพยกย่องสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสรฐสุดา ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เห็นได้ชัดอีกวาระหนึ่ง เมื่อคราวที่พระองค์ทรงประกอบพิธีเฉลิมพระที่นั่งอัมพรสถานในปี 2449 ขณะที่พระอัยยิกาทรงมีพระชนมายุได้ 79 พรรษา และทรงดำเนินไม่ค่อยจะไหว แต่ก็ทรงโปรดเกล้าฯ ยกย่องพระเกียรติให้ทรงรับหน้าที่ลาดพระยี่ภู่พระแท่นบรรทมและถวายหินบดในพระราชพิธีด้วย

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสรฐสุดา ประทับอยู่ที่พระตำหนักในพระราชวังดุสิต ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สร้างพระราชทานอยู่ระหว่างตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรไทยเทพกัญญา และตำหนักสวนฝรั่งกังไส อันเป็นตำหนักที่ประทับของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสรฐสุดา สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2450 ขณะมีพระชนมายุ 80 พรรษา ทรงเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีพระชนมายุยืนยาวที่สุด ปัจจุบันตำหนักที่ประทับของพระองค์ในพระราชวังดุสิต ถูกจัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง แหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญของไทย ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลก จากคณะกรรมการว่าด้วยการคุ้มครองทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก จากองค์การยูเนสโก

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68