วสันตวิษุวัต
ประมาณวันที่ 2021 มี.ค.ของทุกปี เป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรง
ประมาณวันที่ 2021 มี.ค.ของทุกปี เป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออกและตกตรงทิศตะวันตกจริง ใกล้เคียงกับช่วงที่ระยะเวลากลางวันกับกลางคืนยาวนานเท่ากัน
แต่ละปีเราจะพบปรากฏการณ์ดังกล่าวได้สองครั้ง ครั้งแรก เกิดขึ้นประมาณวันที่ 21 มี.ค. ซีกโลกเหนือเรียกว่า วสันตวิษุวัต (Vernal Equinox) ครั้งที่สอง เกิดขึ้นประมาณวันที่ 23 ก.ย. เรียกว่าศารทวิษุวัต (Aautumnal Equinox) เมื่อถึงวสันตวิษุวัต ทางดาราศาสตร์ถือว่าซีกโลกเหนือเป็นวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ก่อนจะเข้าสู่ฤดูร้อน ส่วนซีกโลกใต้เป็นวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาว
ท้องฟ้าเปรียบเหมือนทรงกลม เส้นศูนย์สูตรฟ้าซึ่งเป็นเส้นสมมติที่อยู่แนวเดียวกับเส้นศูนย์สูตรโลก ถูกฉายขึ้นไปบนท้องฟ้า แบ่งทรงกลมฟ้าออกเป็น 2 ซีก เมื่อถึงวสันตวิษุวัต ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนตัดเส้นศูนย์สูตรฟ้า จากซีกฟ้าใต้ไปสู่ซีกฟ้าเหนือ ปีนี้ตรงกับวันที่ 20 มี.ค. 2557 เวลา 23.57 น. ตามเวลาประเทศไทย
วสันตวิษุวัตไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียวกันตามปฏิทินของทุกปี มีการขยับเร็วขึ้นหรือช้าลงจากวันเฉลี่ยได้เล็กน้อย เนื่องจากการเคลื่อนที่ของโลกรอบดวงอาทิตย์มีคาบเป็นจำนวนวันที่ไม่ลงตัว หนึ่งปีฤดูกาลยาวนานประมาณ 365.2422 วัน แต่ปฏิทินกำหนดให้ปีปกติสุรทินมี 365 วัน ส่วนปีอธิกสุรทินมี 366 วัน
แกนโลกเอียงทำมุมประมาณ 23.5 องศา กับแนวตั้งฉากกับระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ความเอียงของแกนโลกทำให้เกิดฤดูกาล โดยฤดูกาลในซีกโลกเหนือกับซีกโลกใต้จะสลับกัน ฤดูหนาวในซีกโลกเหนือเกิดขึ้นเมื่อขั้วโลกเหนือหันออกจากดวงอาทิตย์ ส่วนฤดูร้อนเกิดขึ้นเมื่อขั้วโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์
หลังจากช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุดในฤดูหนาวที่ผ่านมา ขณะนี้เราจะสังเกตได้ชัดเจนขึ้นทุกวันว่าท้องฟ้ากำลังสว่างเร็วขึ้นในตอนเช้าและมืดช้าลงในตอนค่ำ ขณะนี้เวลากลางวันจึงยาวนานขึ้นเมื่อเทียบกับฤดูหนาว พร้อมกับสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นเนื่องจากแสงอาทิตย์ส่องลงมาด้วยระยะเวลาที่นานกว่า และตอนเที่ยงก็อยู่ในแนวเกือบตั้งฉากกับพื้นโลก
เมื่อสังเกตตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์ขึ้นเทียบกับฤดูหนาว จะพบว่าจุดที่ดวงอาทิตย์ขึ้นได้ขยับมาทางซ้ายมือมากขึ้น และจุดที่ดวงอาทิตย์ตกก็ขยับมาทางขวามือมากขึ้น ดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกตรงทิศตะวันออกและตะวันตกพอดีในวันวิษุวัต หากยืนอยู่ที่เส้นศูนย์สูตรโลก ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนในแนวตั้งฉากกับขอบฟ้า ผ่านเหนือศีรษะพอดีในเวลาเที่ยง
สำหรับในประเทศไทยซึ่งอยู่สูงขึ้นมาในซีกโลกเหนือ ดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกตรงทิศเช่นเดียวกัน แต่การเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ในรอบวันจะเบนไปจากแนวดิ่งเป็นมุมใกล้เคียงละติจูดของผู้สังเกต และไม่ผ่านเหนือศีรษะในเวลาเที่ยง แต่เบนจากจุดเหนือศีรษะไปทางทิศใต้เป็นมุมเท่ากับละติจูดของผู้สังเกต
เทศกาลสงกรานต์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับวสันตวิษุวัต ปฏิทินจุลศักราชเมื่อเริ่มต้นศักราชได้กำหนดให้วันมหาสงกรานต์ใกล้เคียงกับวสันตวิษุวัต แต่เนื่องจากวันสงกรานต์ถูกกำหนดด้วยตำแหน่งดวงอาทิตย์เทียบกับดาวฤกษ์โดยไม่ขึ้นกับฤดูกาล ประกอบกับวันดังกล่าวคลาดเคลื่อนไปจากตัวเลขจริงทางดาราศาสตร์ ทำให้วันสงกรานต์เลื่อนช้าลงเรื่อยๆ ปัจจุบันเลื่อนไปอยู่ในกลางเดือน เม.ย.
โบราณสถานหลายแห่งในโลกมีการก่อสร้างให้วางตัวอยู่ในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก หรือกำหนดให้แสงอาทิตย์ส่องมายังตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเมื่อถึงวิษุวัต ปราสาทหินพนมรุ้งใน จ.บุรีรัมย์ ก็มีการก่อสร้างให้ประตู 15 บาน วางเรียงกันในแนวทิศตะวันออกตะวันตก แต่ไม่อยู่ในแนวทิศจริง ผลการวัดเมื่อปี พ.ศ. 2537 โดย คุณลอย ชุนพงษ์ทอง ร่วมกับสมาคมดาราศาสตร์ไทย พบว่าแนวของประตูเบี่ยงเบนไปจากแนวทิศตะวันออกจริงไปทางซ้ายมือเป็นมุมประมาณ 5.5 องศา ทำให้วันที่ดวงอาทิตย์ขึ้นหรือตกตามแนวช่องประตูไม่ตรงกับวสันตวิษุวัต
ปัจจุบันดวงอาทิตย์ขึ้นตรงแนวช่องประตูของปราสาทพนมรุ้งในช่วงวันที่ 35 เม.ย. และวันที่ 8-10 ก.ย. (อาจคลาดเคลื่อนได้ 1 วัน) เมื่อไปยืนที่ประตูด้านทิศตะวันตก หากสภาพอากาศอำนวยจะเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นตรงแนวช่องประตู สาเหตุที่ดวงอาทิตย์ขึ้นในช่วงฤดูร้อนไม่ตรงกับวสันตวิษุวัตยังไม่ทราบแน่ชัด ผู้วางผังปราสาทอาจไม่ได้วัดให้ตรงกับทิศจริงมาตั้งแต่แรก หรือกำหนดด้วยวิธีอื่นโดยไม่ได้ตรวจสอบให้ตรงกับทิศตะวันออกจริง
ช่วงใกล้วันวิษุวัตมีปรากฏการณ์ทางดารา ศาสตร์อีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำ ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์สำหรับโลกยุคใหม่ เรียกว่าสัญญาณขาดหายเหตุดวงอาทิตย์ (Sun Outage) จานดาวเทียมรับสัญญาณจากดาวเทียมค้างฟ้าที่มีคาบการโคจรรอบโลกเท่ากับคาบการหมุนของโลก ดาวเทียมจึงอยู่นิ่งบนท้องฟ้าเมื่อเทียบกับผู้สังเกต ดาวเทียมชนิดนี้มีระนาบวงโคจรอยู่ในแนวศูนย์สูตร ช่วงใกล้วิษุวัตจึงมีโอกาสที่ดาวเทียมจะมีตำแหน่งอยู่ในแนวเดียวกับดวงอาทิตย์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์สามารถกลบสัญญาณของดาวเทียม ทำให้สถานีภาคพื้นดินรับสัญญาณจากดาวเทียมไม่ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
หลังจากวสันตวิษุวัตผ่านไป ซีกโลกเหนือจะมีเวลากลางวันยาวนานกว่าเวลากลางคืนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเดือน มิ.ย. ขั้วโลกเหนือจึงหันเข้าหาดวงอาทิตย์มากที่สุด ตรงกับฤดูร้อนในละติจูดสูงของซีกโลกเหนือ ส่วนประเทศไทยอาจไม่ร้อนมากเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว จากนั้นดวงอาทิตย์จะย้อนกลับมาขึ้นทางทิศตะวันออกจริงอีกครั้งในปลายเดือน ก.ย. ซึ่งตรงกับศารทวิษุวัต
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (16–23 มี.ค.)
ท้องฟ้าเวลาหัวค่ำมีดาวพฤหัสบดีเป็นดาวสว่างเด่นอยู่เหนือศีรษะบริเวณกลุ่มดาวคนคู่ ดาวพฤหัสบดีค่อยๆ เคลื่อนต่ำลงไปทางทิศตะวันตก แล้วตกลับขอบฟ้าราวตี 1 ครึ่ง ดาวอังคารอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว เริ่มเห็นได้เมื่อขึ้นมาอยู่เหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง
ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคันชั่ง ขึ้นในเวลาประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง จากนั้นราวตี 4 เริ่มเห็นดาวศุกร์ขึ้นมาเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออก ขณะนี้ดาวศุกร์อยู่ในกลุ่มดาวแพะทะเล ดาวศุกร์ทำมุมห่างดวงอาทิตย์มากที่สุดในวันที่ 23 มี.ค. จึงเป็นช่วงที่สามารถเห็นดาวศุกร์เป็นดาวสว่างอยู่สูงบนท้องฟ้าทิศตะวันออกเมื่อใกล้รุ่ง
สัปดาห์นี้ดาวพุธขึ้นมาเหนือขอบฟ้าราวตี 5 เศษ แต่บริเวณใกล้ขอบฟ้าต้องเปิดโล่งจึงมีโอกาสเห็นได้ เมื่อฟ้าสางจึงมีดาวเคราะห์สว่าง 4 ดวง อยู่บนฟ้า ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และดาวเสาร์ หากลากเส้นเชื่อมกันจะเป็นแนวคร่าวๆ ของสุริยวิถี อันเป็นเส้นทางเดินของดวงอาทิตย์ท่ามกลางกลุ่มดาวจักรราศี
ดวงจันทร์สว่างเต็มดวงในคืนวันที่ 16 เข้าสู่วันที่ 17 มี.ค. จากนั้นเข้าสู่ข้างแรม ดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดของทุกวัน วันที่ 19 มี.ค. ดวงจันทร์ผ่านใกล้ดาวอังคารและดาวรวงข้าวในกลุ่มดาวหญิงสาว ห่างดาวอังคาร 4 องศา ห่างดาวรวงข้าว 1 องศา จากนั้นเช้ามืดวันที่ 21 มี.ค. ดวงจันทร์อยู่ใกล้ดาวเสาร์ที่ระยะห่าง 3 องศา สัปดาห์นี้ดวงจันทร์มีส่วนสว่างลดลงทุกวันจนเหลือครึ่งดวงในต้นสัปดาห์ถัดไป


