ปริศนาเอ็มเอช370
คำถามที่ต้องหาคำตอบ คือ ทำไมไม่มีการแจ้งสัญญาณล่วงหน้าก่อนการสูญหาย เพราะหากมีข้อขัดข้องทางเทคนิค นักบินก็ควรมีเวลาเพียงพอที่จะส่งสัญญาณ
โดย...ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
หลังจากเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ของสายการบินมาเลเซียที่บินออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์มุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่ง และสูญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. 2557 วันนี้เป็นวันที่ 5 แล้วที่ยังไม่พบร่องรอยชิ้นส่วนของเครื่องบินที่คาดว่าอาจตก|ในทะเลจีนใต้ จนมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนี้
ที่ทุกคนสงสัย คือ อะไรทำให้เครื่องบินขาดการติดต่อไปเลยทันที มันน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนนักบินและพนักงานวิทยุทำอะไรไม่ทัน หรือเจ้าหน้าที่มาเลเซียปกปิดความจริงบางอย่างเอาไว้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศมากยิ่งขึ้น ถ้าเครื่องบินโดยสารของมาเลเซียลำนี้บินอยู่เหนือ “สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า” แล้วหายไป เราก็อาจคิดว่ามีสิ่งลึกลับเกิดขึ้นกับเครื่องบินลำนี้เหมือนกับเครื่องบินหลายสิบลำในอดีตที่สูญหายไปโดยไร้ร่องรอย วิทยุสื่อสารเสียหายติดต่อไม่ได้ แต่นี่ทะเลจีนใต้ซึ่งไม่เคยมีเรื่องราวเช่นสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ามาก่อน จึงตัดเรื่องนี้ไปได้
คำถามที่ต้องหาคำตอบ คือ ทำไมไม่มีการแจ้งสัญญาณล่วงหน้าก่อนการสูญหาย เพราะหากมีข้อขัดข้องทางเทคนิค นักบินก็ควรมีเวลาเพียงพอที่จะส่งสัญญาณแจ้งหอบังคับการบินใกล้เคียงให้รับทราบ หรือเป็นเพราะเครื่องมือสื่อสารเกิดเสียหายทันทีจนติดต่อกับหอบังคับการบินไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกับกะทันหันจนนักบินไม่มีโอกาสติดต่อทางวิทยุ เป็นไปได้หรือไม่ที่เกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคจนทำให้เครื่องบินระเบิดกะทันหันที่นักบินก็ไม่มีเวลาที่จะติดต่อใคร เหมือนกับ “เลาด้าแอร์” ที่ระเบิดเหนือสุพรรณบุรีเมื่อหลายปีก่อน เพราะอยู่ๆ เครื่องยนต์สองเครื่องหมุนกลับกันกะทันหันและเครื่องระเบิดกลางอากาศทันที แบบนี้นักบินก็ไม่มีเวลาส่งวิทยุถึงใครแน่นอน
เจ้าหน้าที่ไม่ได้มองข้ามเรื่อง “ก่อการร้าย” เช่น (1) ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินไปลงประเทศอื่น ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะนักบินคงแอบส่งสัญญาณเตือนภัยได้ อีกทั้งนักบินต้องติดต่อกับหอบังคับการบินของสนามบินที่จะลง ผู้ก่อการร้ายต้องมีการต่อรองเพื่อตอบสนองความต้องการของตน และถ้าลงที่สนามบินใดในโลก ป่านนี้คงมีข่าวออกมาบ้างแล้ว อีกทั้งสมัยนี้ผู้ก่อการร้ายไม่นิยมจี้เครื่องบินเพื่อต่อรองแล้ว (2) เครื่องบินถูกระเบิดโดยผู้ก่อการร้ายไม่ได้ขึ้นไปด้วย หรือผู้ก่อการร้ายซึ่งเป็นมือระเบิดพลีชีพซุกซ่อนระเบิดขึ้นไปโดยผ่านด่านตรวจไปได้ และจุดระเบิดทำให้เครื่องบินระเบิดทันที
ที่การก่อการร้ายถูกนำมาเกี่ยวข้อง เพราะ (1) มีการพบผู้โดยสารที่ใช้หนังสือเดินทางปลอม ที่หายไปในเมืองไทยเมื่อปีก่อน นี่เป็นวิธีการหนึ่งที่ผู้ก่อการร้ายนิยมใช้เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงที่อาจอยู่ในบัญชีดำ จึงต้องใช้หนังสือเดินทางของคนอื่นแทน (2) คนที่ใช้เป็นชาวอิหร่าน ซึ่งอิหร่านเคยมีประวัติเรื่องการก่อการร้ายมาก่อน (3) การที่เครื่องบินระเบิดเหนือมหาสมุทรตามที่คาด เป็นวิธีหนึ่งของผู้ก่อการร้ายสากล ที่มักวางแผนให้เครื่องบินระเบิดเหนือมหาสมุทร เพราะการรวบรวมหลักฐานยากกว่าระเบิดบนพื้นดิน ดังเช่นกรณีเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ถูกผู้ก่อการร้ายลิเบียวางระเบิดให้ตกเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก แต่เกิดข้อผิดพลาด เพราะเครื่องบินออกช้ากว่ากำหนด ทำให้เครื่องระเบิดเหนือเมืองล็อกเคอร์บี้ในสกอตแลนด์ ด้วยเหตุผลข้างต้น จึงเข้าเงื่อนไขการก่อการร้ายพอดี ซึ่งอาจเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้
หน่วยงานความมั่นคงของจีนรีบออกข่าวผสมไปเลยว่า อาจเป็นฝีมือของ “กลุ่มแบ่งแยกดินแดนซินเจียงของชนกลุ่มน้อยอุยกูร์” ซึ่งก่อนหน้านี้เพียง 1-2 สัปดาห์ สมาชิกกลุ่มหลายคนใช้มีดดาบฟันแทงชาวจีนที่สถานีรถไฟคุนหมิงจนตายและบาดเจ็บไปหลายสิบคน จีนให้เหตุผลสนับสนุนข้อกล่าวหาของตนว่า เพราะมาเลเซียเป็นฐานใหญ่ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอุยกูร์ ดังนั้น จีนจึงคิดว่าอาจเป็นฝีมือของขบวนการแบ่งแยกดินแดนอุยกูร์ก็ได้เพราะเครื่องบินมุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง ส่วนจะเป็นการก่อการร้ายโดยพวกอุยกูร์หรือไม่นั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป
ที่แน่ๆ คือ มี “อาชญากรรมข้ามชาติ” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นั่นคือ “ขบวนการจัดทำหนังสือเดินทางและวีซ่าปลอม” ไทยถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะหนังสือเดินทางของชาวต่างชาติหายไประหว่างที่เขามาเที่ยวหรือทำธุระในเมืองไทย ไทยเคยถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งทำหนังสือเดินทางและวีซ่าปลอมใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ผู้ก่อการร้ายอาจมาใช้บริการของกลุ่มอาชญากรข้ามชาติในไทย จึงทำให้ไทยเสียชื่อไปด้วย
หลายปีมาแล้ว กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติเกี่ยวกับการทำหนังสือเดินทางและวีซ่าปลอมซึ่งเป็นแก๊งแขกขาว เช่น ปากีสถาน มาใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการ พวกนี้มีฝีมือในการทำหนังสือเดินทางและวีซ่าปลอมชนิดที่หาตัวจับได้ยาก นักท่องเที่ยวต่างประเทศสัญชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อยถูกขโมยหนังสือเดินทางในไทยโดยแก๊งชาวไทยและเอาไปขายให้แก๊งแขกขาวนี้ หรือบางทีแก๊งต่างชาติก็เป็นคนขโมยเสียเอง บางครั้งใช้วิธีให้คนไทยไปขอหนังสือเดินทางจากกระทรวงการต่างประเทศแล้วแจ้งหาย แต่ความจริงคือเอาไปขายให้แก๊งดังกล่าว แก๊งแขกขาวใช้วิธีเปลี่ยนหมายเลขใหม่บนหนังสือเดินทางของจริง แต่ทำวีซ่าปลอม เรียกว่าจะเอาวีซ่าประเทศไหนพวกนี้ทำให้ได้หมด และทำเหมือนด้วย จนสถานทูตประเทศเจ้าของหนังสือเดินทางหรือวีซ่ายอมรับว่าแทบแยกไม่ออกว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม
ฝีมือของแก๊งทำหนังสือเดินทางและวีซ่าปลอมในไทยมีชื่อเสียงมาก จนเป็นศูนย์กลางที่แก๊งทำหนังสือเดินทางและวีซ่าปลอมทั่วโลกมาใช้บริการ แก๊งต่างชาติจากทั่วโลก บางทีไกลถึงละตินอเมริกา ส่งหนังสือเดินทางมาให้แก้ไขและทำวีซ่าปลอมเดือนละหลายสิบเล่ม บางเดือนนับร้อยเล่ม เมื่อทำเสร็จก็ส่งกลับไป เงินหมุนเวียนในธุรกิจอาชญากรรมข้ามชาติประเภทนี้ในไทยเดือนละหลายล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดี มีข่าวดีล่าสุดบอกว่า ขณะนี้มาเลเซียได้แย่งตำแหน่งแชมป์อาชญากรรมข้ามชาติด้านปลอมแปลงเอกสารไปจากไทยเรียบร้อยแล้ว
ที่เขียนมาข้างบนเป็นการเดาทั้งนั้น โดยสร้าง “ภาพจำลอง” หลายภาพ การหายไปของเครื่องบิน เอ็มเอช 370 ไม่มีใครยืนยันได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด จนกว่าจะพบซากเครื่องบิน และช่างเทคนิคของบริษัทโบอิ้งกู้ซากทุกชิ้นเอามาต่อกันเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเครื่องระเบิดที่ตรงไหน เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ ถ้าสามารถหา “กล่องดำ” ได้ ปริศนาต่างๆ ก็จะมีคำตอบชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนนาทีวิกฤต แต่ที่แน่ๆ คือ กว่าสายการบินมาเลเซียจะดึงความมั่นใจของลูกค้ากลับคืนมาคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง


