posttoday

คัชชา...ไขปริศนากองกำลังไม่ทราบฝ่าย

21 กุมภาพันธ์ 2557

"ผมรู้ว่าเป็นใคร แค่ไม่ใส่เครื่องแบบ"

โดย...ทีมข่าวการเมือง

ผู้คุมกำลังตำรวจ 14 กองร้อย เข้าคืนพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ตกเป็นจำเลยว่า เหตุใดจะต้องนำกำลังพลไปเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่า

พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี (ผบก.ภ.จว.ชลบุรี) ในฐานะผู้คุมกำลังในวันนั้นสวนกลับว่า ตำรวจเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว

คัชชา เปิดฉากเล่าว่า เช้ามืดวันที่ 18 ก.พ. มีการระดมแถวตามคำสั่งของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เพื่อเจรจาขอพื้นที่ถนนราชดำเนินจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เพื่อเปิดเส้นทางสัญจร การพูดคุยครั้งแรกกับผู้ชุมนุมที่ยึดสะพานผ่านฟ้าฯ ไม่เป็นผล จึงมีการพูดคุยรอบสอง พร้อมกับขยับเข้าใกล้ผู้ชุมนุม

“เพียงแค่ไม่ถึง 5 นาที ระเบิดเอ็ม 79 ก็ตกมาฝั่งตำรวจ 3 ลูก ผมอยู่กับลูกน้องตลอด เห็นเอ็ม 79 ลงมาก็สั่งถอยทันที แต่ก็ให้ตั้งแนวอยู่หลังโล่กันกระสุนไว้ก่อน พอตั้งแนวได้ ลูกเกลี้ยงเอ็ม 67 ก็ถูกขว้างมาใส่และก็ระเบิดขึ้นดังภาพที่เห็นกัน

“เท่านั้นตำรวจก็แตกทันทีถอยไม่เป็นขบวน ผมก็สั่งให้ประกาศไปทางฝั่งผู้ชุมนุมว่าตำรวจพอแล้วตำรวจถอยแล้ว อย่ายิง อย่าทำอะไร เพราะเราไม่มีอาวุธ แต่เขาก็ไม่หยุด กระสุนปืนมาจากฝั่งสะพานผ่านฟ้าฯ ตลอด ตอนนั้นผมเห็นท่าไม่ดีแล้ว หนักแน่นอน”

ถัดมาไม่นานนัก ส.ต.ต.ศราวุธ ชัยปัญหา ผบ.หมู่ป.สภ.บางละมุง ลูกน้องก็โดนกระสุนเจาะเข้าหัว ยิงมาจากที่สูงร่วงลงต่อหน้าระยะไม่เกิน 10 เมตร

“ผมจะเข้าไปเอาตัวก็ไม่ได้ เพราะถูกระดมยิงมาตลอด มันช้ำใจนะมาเห็นอย่างนี้ ลูกน้องผมมาตายต่อหน้า” พล.ต.ต.คัชชา เล่าน้ำตาคลอเบ้า

จากนั้นคัชชาสั่งให้ตำรวจถอยมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และคิดว่าน่าจะพ้นวิถีกระสุนแล้ว แต่แล้วลูกน้องอีกคนก็มาถูกยิงต่อหน้าอีก จึงสั่งถอยไปถึงบริเวณโรงแรม รอยัล รัตนโกสินทร์ แต่ก็ถูกกองกำลังติดอาวุธบุกเข้าโจมตีกระหน่ำอีก

“ก่อนจะช่วยกันอย่างทุลักทุเลหนีตายไปที่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าถึงได้รอดออกมา กระสุนจากจุดสูงข่มถือเป็นสาเหตุที่สร้างความเสียหายให้กับตำรวจมากที่สุด” พล.ต.ต.คัชชา ยืนยัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนปฏิบัติการได้ประสานไปยังอาคารต่างๆ รอบพื้นที่ขอขึ้นไปตรวจและป้องกันเหตุ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ในที่สุดจุดสูงข่มจึงกลายเป็นทำเลสำหรับฝ่ายติดอาวุธใช้ล่าหัวตำรวจ

“ขณะเกิดเหตุปะทะตำรวจเสียกระบวนอย่างหนัก กองกำลังของอีกฝ่ายเขาถูกฝึกมาอย่างดี เรียกว่าดีมากดีกว่า ตำรวจไม่ได้เปรียบและเขาเหนือกว่าเราทุกด้าน อีกทั้งตำรวจไม่มีอาวุธ มีแค่โล่และกระบองยางเท่านั้น

“พอเรียกหน่วยอรินทราช 26 ของนครบาลเข้ามาช่วย เขาก็แจ้งกลับมาว่าเข้าไม่ได้ ถึงมาก็มีแค่ไม่กี่นายก็ช่วยอะไรไม่ได้อีก ตำรวจถึงเจ็บถึงตายกัน เพราะแผนเราผิดหมด และคาดไม่ถึงว่าเขาจะมีอาวุธหนักขนาดนี้ ที่สำคัญยังชำนาญการใช้อาวุธและรู้หลักโจมตีอีกด้วย”

ถามผู้การฯ ตรงๆ ว่ารู้ขนาดนี้บอกได้ไหมว่ากองกำลังที่ว่าเป็นใคร พล.ต.ต.คัชชา นิ่งไปอึดใจก่อนจะบอกว่า “รู้ดีว่าเป็นกลุ่มไหนที่เข้ามาทำ แต่ขอไม่บอก เพียงแต่ว่ายุทธวิธีของเขาชัดเจน มีการเสริมกำลังรบ วางแผนดักเส้นทางของตำรวจว่าจะหนีไปทางไหนได้ก็ไปดักยิงอีก ที่สำคัญวิทยุเราถูกดักฟังจากฝ่ายตรงข้าม ตรงนี้ทำให้เสียเปรียบ

“ฝั่งตำรวจก็มีหนอนบ่อนไส้ แต่ผมบอกไม่ได้ว่ากองกำลังไม่ทราบฝ่ายเป็นใคร แต่เอาเป็นว่าวันนั้นพวกเขา (กองกำลังไม่ทราบฝ่าย) ไม่ได้ใส่เครื่องแบบ คลุมโม่งปิดหน้าตา แล้วเข้ามาไล่ฆ่าตำรวจ

“เราสู้ไม่ได้ เพราะผู้บังคับบัญชาสั่งไม่ให้สู้ ห้ามเด็ดขาด ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่สั่งแล้วก็ต้องปฏิบัติตาม แก๊สน้ำตาก็ไม่มีให้ ผมทราบมาว่าแก๊สน้ำตาของตำรวจหมดหรือเหลืออยู่ก็ไม่ถึงพันลูก”

“อาวุธปืนเราพกไม่ได้อยู่แล้ว ตรงนี้เข้าใจดี แต่ภาพที่เห็นว่าตำรวจมีปืนนั้น แค่ยิงขึ้นฟ้าเพื่อขู่ไปยังผู้ชุมนุมเพื่อให้อีกฝั่งหยุดยิง หยุดโจมตีเท่านั้น ถ้าตำรวจยิงจริงๆ คงตายกันไปมากโขแน่”

“ผมไม่ได้พาลูกน้องไปตาย แต่เราสู้เขาไม่ได้ และเมื่อมีคำสั่งว่าห้ามสู้ ห้ามตอบโต้ พวกผมก็ตำรวจอาชีพ คำสั่งก็ต้องเป็นคำสั่ง หากชอบด้วยกฎหมายตำรวจก็ต้องทำหมด แต่สุดท้ายลูกน้องผมก็ตาย”

“แล้วยังไงต่อตำรวจยังต้องตายอีกเท่าไหร่เรื่องถึงจะจบ มันไม่สมควรต้องมาสูญเสียไม่ว่าจะเป็นผู้ชุมนุมหรือตำรวจก็ตาม ตรงนี้ต้องฝากไปถึงผู้บังคับบัญชาด้วย ต้องชัดเจน” พล.ต.ต.คัชชา ย้ำหนักแน่น

พล.ต.ต.คัชชา สะท้อนความน้อยเนื้อต่ำใจต่อสถานการณ์นี้ด้วยว่า กระบวนการยุติธรรมไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับตำรวจ ล่าสุดศาลสั่งไม่ให้เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่มีคำสั่งอีก 12 ข้อ ห้ามเข้าสลายการชุมนุม เพราะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ คำสั่งออกมาอย่างนี้จะมีตำรวจไว้ทำไม หรือมี พ.ร.ก.ฉบับนี้ทำไม

“เมื่อตำรวจบังคับใช้กฎหมายไม่ได้บ้านเมืองก็ไม่มีขื่อแป อยากให้ศาลเมตตาบ้าง เพราะตำรวจเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำจากเหตุที่สะพานผ่านฟ้าฯ สังคมก็เช่นกันให้ความเป็นธรรมกับตำรวจด้วย เพราะตำรวจทำก็เพื่อประชาชน ไม่ได้เข้าข้างไหน แต่เมื่อปะทะก็ต้องมาตาย อย่างนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง”

ผู้การฯ คัชชา ย้ำว่า เข้าใจการชุมนุมว่าเป็นสิทธิตามประชาธิปไตย แต่การปิดถนนตามใจย่อมไม่ใช่ประชาธิปไตย ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ ศาลสั่งห้ามแตะต้อง ม็อบก็กลายเป็นพระเจ้าทันที แต่ตำรวจที่ปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมายถูกตีถูกรุมถูกฟันถูกแทง

“ผมก็ไม่เข้าใจว่าศาลเห็นในจุดนี้หรือไม่ แม้แต่ขอหมายจับผู้ที่มารื้อป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาลก็ไม่ให้ ทั้งๆ ที่ผิดอย่างชัดเจน ตำรวจไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย”

“ผมขอถามกลับไปว่าถ้าญาติพี่น้องของผู้พิพากษา หรือของศาลถูกกระทำบ้างจะรู้สึกอย่างไร จะรู้สึกเหมือนที่ตำรวจกำลังรู้สึกอยู่หรือเปล่า อย่าลืมว่าตำรวจเป็นคน แม้จะต้องมีความอดทนสูงกว่าคนปกติ แต่มันก็มีขีดจำกัด

“หากไปเล่นนอกเกมเอง มันไม่มีกฎหมายแล้วจะวุ่นทันที ตอนนี้เราพยายามรักษากฎกติกาของสังคม แต่หากมันเดือดขึ้นมา เพราะถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว แปลงกายเป็นโจรขึ้นมาเอง อะไรจะเกิดขึ้น”

พล.ต.ต.คัชชา บอกว่า ขณะนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาน้อยใจ ขวัญและกำลังใจกำลังย่ำแย่ “อย่าลืมว่า ‘ขวัญ’ ถือเป็นอำนาจการรบที่ไม่มีตัวตน แต่ทรงอานุภาพที่สุด ตอนนี้ขวัญของตำรวจกำลังแย่ แต่เรื่องการทำร้ายประชาชนไม่มีแน่นอน”

“แต่ผู้บังคับบัญชาก็ต้องชัดเจน ต้องพูดคุยในระดับสูง เพื่อให้ปัญหายุติ หากยืดเยื้อมาเจอกัน ไม่ประชาชนก็ตำรวจต้องมาเจ็บมาตายอีก ผู้บังคับบัญชาก็ต้องคิดแล้วว่าต้องทำอย่างไร หากจะให้ลูกน้องผมไปล่อเป้าอีก อย่างนี้ผมก็ไม่เอา”

“เพราะลูกน้องผมก็มีชีวิต มีจิตใจ เอาไปตายเพื่ออะไร ผมก็พร้อมจะงัดเพื่อปกป้องลูกน้องของผมเช่นกัน เพราะชีวิตข้าราชการผมมาถึงขนาดนี้ก็เป็นบุญแล้ว ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ผมสนแค่ชีวิตของลูกน้องผม เขามีลูกมีเมีย มีพ่อแม่ต้องดูแล หากให้ไปตายกับเรื่องนี้ ผมไม่ยอม” พล.ต.ต.คัชชา ย้ำ

ข่าวล่าสุด

บอร์ดเคาะแล้ว “ทรงพล” MD ออมสินคนใหม่ รอชัดอำนาจรักษาการเซ็นได้หรือไม่