เจ้าจอมมารดาเที่ยง ในรัชกาลที่ 4 (จบ)
พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเที่ยง มีอยู่ 2 พระองค์ที่ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาอิสริยยศให้เป็นเจ้าต่างกรมคือ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ได้รับสถาปนาเป็น กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร และพระองค์เจ้าไชยานุชิต ได้รับสถาปนาเป็น กรมหมื่นพงศาดิศรมหิป
พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเที่ยง มีอยู่ 2 พระองค์ที่ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) จนได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ สถาปนาอิสริยยศให้เป็นเจ้าต่างกรมคือ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ได้รับสถาปนาเป็น กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร และพระองค์เจ้าไชยานุชิต ได้รับสถาปนาเป็น กรมหมื่นพงศาดิศรมหิป
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ประสูติเมื่อวันจันทร์ เดือน 12 ขึ้น 6 ค่ำ ปีมะโรง รัฐศก จ.ศ. 1218 ตรงกับปี 2399 ณ พระบรมมหาราชวัง ได้รับการศึกษาชั้นต้นตามแบบอย่างของพระเจ้าลูกยาเธอในรัชกาลที่ 4 เมื่อทรงเจริญพระชันษาทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านการช่าง ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในงานทางการช่างหลากหลายสาขา ในปี 2425 อันเป็นโอกาสเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ก็ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำหน้าที่ดูแลการซ่อมแซม ปรับปรุง เครื่องประดับประดา เครื่องศิลากระถางต้นไม้ ตลอดจนการประดับตกแต่งวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณในงานช่างต่างๆ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและจงรักภักดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ เป็นกรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร โปรดเกล้าฯ ให้รับราชการกำกับดูแลกรมช่างหล่อ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร ทรงรับราชการในงานช่างมาโดยตลอด พระองค์ทรงประทับอยู่ ณ วังบริเวณสี่กั๊กพระยาศรีใกล้กับโรงพักสำราญราษฎร์ พร้อมด้วยหม่อมและพระโอรสธิดา ทรงมีพระชนม์ยืนยาวมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสิ้นพระชนม์เมื่อวันศุกร์ เดือน 12 ขึ้น 4 ค่ำ ปีมะแม ตรีศก จ.ศ. 1293 ตรงกับปี 2474 พระชนมายุ 75 พรรษา ทรงเป็นต้นราชสกุล กมลาสน์ (กมลาศน์)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร ทรงมีพระธิดาองค์หนึ่งซึ่งประสูติแต่หม่อมวาศน์ พระนามว่า หม่อมเจ้าหญิงมัณฑรรพ กมลาศน์ ทรงเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนประจำสำหรับสตรี ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเคยศึกษาอยู่เป็นระยะเวลาสั้นๆ หลังจากได้ถวายตัวเป็นข้าหลวงในสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เมื่อประมาณปี 2451
ในส่วนของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต กรมหมื่นพงศาดิศรมหิป พระอนุชาในกรมหมื่นราชศักดิ์สโมสรนั้น ประสูติเมื่อวันอังคาร เดือน 9 แรม 6 ค่ำ ปีระกา ตรีศก จ.ศ. 1223 ตรงกับวันที่ 27 ต.ค. ปี 2404 ณ พระบรมมหาราชวัง ทรงได้รับการศึกษาชั้นต้นเฉกเช่นพระเชษฐา ได้เข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในงานพิพิธภัณฑ์ ทรงดำรงตำแหน่งเจ้ากรมพิพิธภัณฑ์พระองค์แรก หลังจากที่ยกฐานะเป็นกรมหมื่นในกระทรวงธรรมการ เมื่อปี 2430 จากนั้นก็ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปรับราชการที่กรมชลประทาน ทรงเป็นผู้อำนวยการขุดคลอง ตั้งแต่คลอง 14 จนกระทั่งถึงคลอง 21 ใน จ.ฉะเชิงเทรา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศเป็น พระองค์เจ้าไชยานุชิต กรมหมื่นพงศาดิศรมหิป เมื่อปี 2441
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต กรมหมื่นพงศาดิศรมหิป สิ้นพระชนม์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 เมื่อวันอังคาร ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 3 ปีกุน สัปตศก จ.ศ. 1297 ตรงกับวันที่ 28 ม.ค. ปี 2478 พระชันษา 74 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงพระศพ ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ปี 2479 ทรงเป็นต้นราชสกุล “ชยางกูร”
สำหรับพระราชธิดาอีก 2 พระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาเที่ยง ที่ได้รับราชการเป็นข้ายืนราชสำนักฝ่ายในและมีพระชนม์มาจนถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแขไขดวง และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแขไขดวง ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ 11 ม.ค. ปี 2406 ณ พระบรมมหาราชวัง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชชนก เสด็จสวรรคตนั้น พระองค์เจ้าแขไขดวงทรงมีพระชันษาเพียง 5 ปี พระองค์ทรงจำได้แต่เพียงว่า พระบรมราชชนกรับสั่งเรียกพระองค์ว่า “ลูกแขจ๋า” แต่พระองค์ทรงจำพระพักตร์ของสมเด็จพระราชบิดาของพระองค์ไม่ได้เลย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแขไขดวง ทรงประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมพระขนิษฐาและเจ้าจอมมารดา ทรงดำรงพระองค์อยู่อย่างขัตติยราชนารี บำเพ็ญพระองค์เยี่ยงพระเจ้าลูกเธอในราชสำนักอย่างงดงามมิมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแขไขดวง สิ้นพระชนม์เมื่อวันจันทร์ที่ 19 ส.ค. ปี 2472 พระชันษาได้ 66 ปี
พระราชธิดาผู้เป็นน้องนุชสุดท้องในเจ้าจอมมารดาเที่ยง ซึ่งประสูติมาได้ยังไม่ครบหนึ่งปี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชบิดาก็เสด็จสวรรคต คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ ซึ่งเป็นที่เล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อวันที่พระองค์ประสูตินั้น ได้มีเจ้าเมืองประเทศราชสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็นเมืองเชียงใหม่ ได้นำสร้อยพระศอมาทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่ทรงมีพระราชธิดาประสูติใหม่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานนามแก่พระธิดานั้นว่า “พวงสร้อยสอางค์”
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 10 แรม 6 ค่ำ ปีขาล ตรงกับวันที่ 30 ก.ย. ปี 2409 ณ พระบรมมหาราชวัง ทรงได้รับการอบรมบ่มเพาะตามแบบอย่างราชประเพณีของขัตติยนารีในราชสำนักอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ทรงมีฝีพระหัตถ์ในด้านศิลปหัตถกรรมอันหลากหลาย โดยเฉพาะฝีพระหัตถ์ในการปรุงพระสุคนธ์ (น้ำอบ) จึงทรงมีหน้าที่ปรุงพระสุคนธ์ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอรุ่นเล็กในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤตการณ์และความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองมาหลายแผ่นดิน ทรงยึดมั่นในหลักธรรมแห่งพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง เช่นเดียวกันกับเจ้าจอมมารดาเที่ยง ผู้ซึ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้เป็นผู้สร้างวัดมัชฌันติการามขึ้นที่ ต.บางซื่อ ในปี 2417 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามวัดนี้ว่า วัดมัชฌันติการาม อันมาจากคำว่า มัชฌันติก และอารามมีความหมายว่า “วัดของเจ้าจอมมารดาเที่ยง” เจ้าจอมมารดาเที่ยงถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ปี 2456 มีอายุได้ 82 ปี
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2493 มีพระชันษาได้ 84 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัจจุบันทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงพระศพ ณ ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2493 โดยใช้พระเมรุองค์เดียวกันกับพระเมรุมาศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล


