posttoday

มาตรฐานระดับใหม่ในรางวัล‘สุพรรณหงส์’

16 มกราคม 2557

นับแต่ปี 2008 เป็นต้นมา รายได้จากการจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์โตขึ้นโดยตลอด แม้ว่าจะมีความวุ่นวายทางการเมืองไม่หยุดหย่อน

นับแต่ปี 2008 เป็นต้นมา รายได้จากการจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์โตขึ้นโดยตลอด แม้ว่าจะมีความวุ่นวายทางการเมืองไม่หยุดหย่อน

ปี 2008 ที่มีการบุกยึดทำเนียบฯ ไปทำนา ปิดสนามบินนานาชาติ คนกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเชียงใหม่ จ่ายค่าตั๋วเข้าชมภาพยนตร์กัน 3,100 ล้านบาท จ่ายเพื่อชมหนังนำเข้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังฝรั่ง 1,978 ล้านบาท จ่ายเข้าชมหนังไทย 1,170 ล้านบาท (ที่ไม่แสดงตัวเลขคนทั้งประเทศเพราะเฉพาะ กทม.+ปริมณฑล+เชียงใหม่ เท่านั้นที่มีระบบต้องออนไลน์จากระบบจำหน่ายตั๋วหนังในเวลานี้)

ปี 2009 มีการบุกถล่มเวทีประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา กับไล่ล่าทุบรถนายกรัฐมนตรีในกระทรวงมหาดไทย มีการระบาดของไข้หวัด 2009 ปีนั้นคนตีตั๋วดูหนังเพิ่มจากปี 2008 เป็น 3,583 ล้านบาท จ่ายเพื่อดูหนังไทยเพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท เป็น 1,180 ล้านบาท จ่ายเงินดูหนังฝรั่ง 2,403 ล้านบาท เป็นปีที่นับว่าหนังนอกเข้ามาทำเงินได้ก้าวกระโดด เพราะก่อนนี้จะป้วนเปี้ยนอยู่แค่ 1,900 ล้านบาทต่อปี

ปี 2010 มีการชุมนุมปิดสี่แยกราชประสงค์ ต่อมามีการสลายการชุมนุม มีความสูญเสียมากมาย ปลายปีมีน้ำท่วมระดับมหาอุทกภัยใหญ่... ปีนั้นคนเข้าโรงหนังน้อยลงเล็กน้อย ใช้เงินซื้อตั๋วไป 3,137 ล้านบาท หนังไทยมียอดรายได้ลดลงเหลือ 448 ล้านบาท หนังฝรั่งทำรายได้ 2,189 ล้านบาท

ปี 2011 น้ำยังท่วมข้ามปี พอเข้าช่วงสงกรานต์ก็มีการปะทะกันด้วยอาวุธรุนแรงที่ชายแดนไทยกัมพูชา ปีนั้นคนซื้อตั๋วหนังไป 3,975 ล้านบาท ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างน่าตื่นเต้น และจ่ายเงินดูหนังฝรั่งสูงมากถึง 2,742 ล้านบาท ควักเงินดูหนังไทยที่ 1,232 ล้านบาท นับว่าดีกว่าทุกปี แต่ก็เป็นปีที่หนังฝรั่งทิ้งตัวออกห่างเกินเท่าตัวไปไกลโข

ปี 2012 มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรายวันเป็น 300 บาท มีเรื่องวุ่นวายในสภายื้อยุดฉุดกระชากเก้าอี้ประธานสภา ปาแฟ้ม ผลักอกกันของผู้ทรงเกียรติในห้องประชุม และมีปรากฏการณ์ “เสธ.อ้าย” จะแช่แข็งประเทศแต่จุดไม่สำเร็จ ปีนั้นคนไทยควักเงินซื้อตั๋วดูหนังกัน 4,162 ล้านบาท จ่ายเพื่อดูหนังไทย 1,165 ล้านบาท แต่ดูหนังนอก 2,996 ล้านบาท ห่างระยะกันออกไปเป็นเกือบ 3 เท่าตัว

ในช่วงปี 20082012 คือ 5 ปีที่ผ่านไปนั้น เรามีหนังไทยเข้าฉายเฉลี่ยปีละ 45 เรื่อง มีปี 2012 มากสุด 52 เรื่อง และน้อยสุดคือปี 2011 มี 39 เรื่อง ในขณะที่หนังนอกนำเข้ามาจะอยู่ตั้งแต่ 150 เรื่อง ถึง 170 เรื่องต่อปี

ปี 2013 นี้ เรามีหนังที่เข้าโรงฉายขายตั๋วและยืนโรงได้ครบ 7 วัน อยู่ 41 เรื่อง นับว่าไม่มาก คนไทยควักเงินดูหนังไทยในปีที่ผ่านมา 1,106 ล้านบาท และเลือกจ่ายเพื่อดูหนังนอก 3,173 ล้านบาท ทั้งๆ ที่มีมาฉายเพียง 81 เรื่อง

โรงฉายหนังในเมืองไทยซึ่งกำลังขยายไปตามต่างจังหวัดที่มีแรงซื้อสูงขึ้นกำลังมีการขยายตัวที่น่าตื่นเต้นกว่า คือจาก 629 โรงฉายในปี 2006 บัดนี้เรามีโรงฉายอยู่ 836 โรง และมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก โดยเครือใหม่ๆ อีกนับร้อยโรงในปีหน้า

การแข่งขันทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณจะเข้มข้นขึ้นอีกอนาคตหนังไทยจึงต้องอาศัยการสนับสนุนอย่างถูกทิศถูกพลัง ทั้งจากรัฐและคนดูและที่แน่นอน คนทำหนังไทยก็ต้องอดทนและพัฒนาตนเองไม่หยุดเช่นกัน

รวมทั้งระบบเก็บข้อมูลด้วย เพราะถ้าจะเก็บข้อมูลทั้งประเทศ ระบบตั๋วทุกโรงหนังออนไลน์ ไม่งั้นก็จะได้แต่ตัวเลขกรุงเทพฯ ปริมณฑลกับเชียงใหม่ อยู่อย่างนี้ ที่เหลือต้องใช้โทรถาม หรือประมาณการเอาเอง

การจัดประกวดภาพยนตร์รางวัลสุพรรณหงส์แห่งชาติ ครั้งที่ 23 นี้ จะมีขึ้นในเดือน ก.พ. 2557 ที่เมืองพัทยา แบ่งเป็น 16 สาขารางวัล เหมือนปีก่อนๆ แต่ที่พัฒนาแตกต่างไป คือวิธีให้คะแนนที่เริ่มผสมผสานคะแนนครึ่งหนึ่งจากโต๊ะของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิกับอีกครึ่งหนึ่งจากประชาคม

ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ตั้งแต่ผู้กำกับ นักแสดง ไปยันเด็กในกองถ่าย ช่างเมกอัพ ใครที่เคยมีชื่อปรากฏในเครดิตท้ายหนัง ถือว่ามีสิทธิโหวตทางตรงผ่านระบบออนไลน์ได้ โดยรับรหัสส่วนตัวจากสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ เรียกระบบนี้ว่า อาร์พลัสโอ (R+O) = Referee+Open Vote เพื่อทำให้ทุกสาขารางวัลนั้นได้ชื่อหนัง 5 เรื่องสุดท้ายเข้าชิงที่มาจากฐานที่กว้างขึ้น ใกล้เคียงกับมาตรฐานรางวัลหนังระดับสากล ตอนท้ายสุดจะเปิดให้แฟนหนังร่วมเข้าโหวตสุดยอดภาพยนตร์ยอดเยี่ยมทางตรงในรอบสุดท้าย รู้ผลกันผ่านการถ่ายทอดสดทางเวทีประกาศผลที่พัทยา เมืองเจ้าภาพปีนี้

ช่วยกันให้กำลังใจพัฒนาการอีกก้าวของอุตสาหกรรมบันเทิงไทย อีกหนึ่งสาขาธุรกิจที่กำลังเป็นที่สนใจของสากลได้ผ่าน www.mpc.or.th ซึ่งบัดนี้ปรับเปลี่ยนทั้งโครงสร้างองค์กร โลโก้ และกิจกรรมที่ได้นำพาหนังไทยไปสู่นานาประเทศ

ข่าวล่าสุด

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และเวสเทิร์นดิจิตอลยินดีผู้สำเร็จหลักสูตรเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อผลิตอัจฉริยะร่วมกับบีโอไอ