"แคมปิ้งป่าคอนกรีต"ต่างที่มาแต่เป้าหมายเดียว
เต็นท์หลากสีถูกติดตั้งเป็นที่พักชั่วคราวในแทบทุกจุดที่มีการชุมนุมชัตดาวน์กทม.ของกลุ่มกปปส.แปลงสภาพเมืองกรุงกลายเป็นวนอุทยานแห่งชาติชั่วพริบตา
โดย...ทีมข่าวการเมือง
เต็นท์หลากสีถูกติดตั้งเป็นที่พักชั่วคราวในแทบทุกจุดที่มีการชุมนุมชัตดาวน์กทม.ของกลุ่มกปปส.แปลงสภาพเมืองกรุงกลายเป็นวนอุทยานแห่งชาติชั่วพริบตา
ไม่บ่อยนัก แคมปิ้งกลางป่าคอนกรีตพรึ่บพรั่บทั่วถนนเมืองกรุง บรรดานักเดินตามหาประชาธิปไตยหาใช่มาจากต่างจังหวัดเท่านั้นแต่ยังมีหลายชนชั้นปรารถนาขอพักแรมริมถนนด้วยเป้าหมายเดียวกันเดินหน้าปฏิรูปประเทศขจัดระบอบทักษิณ
สาวใหญ่ศิษย์เก่าคณะบัญชี จุฬารุ่น 30 เธอมาพร้อมกับครอบครัวในวันชัตดาวน์เลือกจับจองสมรภูมิย่านปทุมวันปักสมอกลางเต็นท์ก่อนออกไปทำหน้าที่จัดหาเสบียงกรังทำอาหารส่งข้าวส่งน้ำให้ผู้ชุมนุม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของนักธุรกิจศิษย์เก่าจุฬาฯ เพราะก่อนหน้านี้ กลุ่มของเธอไปกางเต็นท์พื้นที่การชุมนุมคปท.
เธอยอมรับตรงไปตรงมาว่า คปท.น่าสงสารกว่าเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจึงเลือกที่จะไปที่นั่นช่วยส่งเสบียงบริจาคเงินให้ผู้ชุมนุม แต่เมื่อรู้ว่าสุเทพ เทือกสุบรรณจะใช้พื้นที่แยกปทุมวันเป็นเวทีหลักโดยมีศิษย์เก่าจุฬาเป็นเจ้าภาพก็เลยรีบมาปักหลักพื้นที่แห่งนี้
“พี่ไม่ได้สู้เพื่อสุเทพหรือพรรคประชาธิปัตย์แต่เห็น ด้วยกับการล้มระบอบทักษิณเป็นอันตรายต่อชาติจึงต้องออกมาสนับสนุนปักหลักพักค้างแรมอยู่อย่างนี้ติดต่อหาอาหารมาเลี้ยงผู้ชุมนุมเพราะเราคือส่วนหนึ่งของมวลมหาประชาชน”เธอ กล่าวอย่างอารมณ์ดี
อดีตพลทหารนายหนึ่งเป็นอีกรายที่ยอมทิ้งบ้านพักอันสุขสบายในเมื่องกรุง มาปักหลักกางเต็นท์ ร่วมกรำศึกที่แยกปทุมวัน
เขาบอกว่า ส่วนตัวชื่นชอบธรรมชาติ ดังนั้น จึงชอบเดินป่ากางเต็นท์นอน และอดีตสมัยเป็นทหารก็ได้ประจำการอยู่ในป่า ทำให้รู้สึกผูกพันกับการนอนเต็นท์อย่างมาก
อดีตพลทหาร เล่าว่า มากางเต๊นท์นอนทุกครั้งที่มีการชุมนุม ตั้งแต่สมัยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันคือสมัยยังไม่มีแฟนจนมีแฟน อีกทั้ง การกางเต็นท์นอนยังทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ต้องไปเช่าโรงแรม และยังเป็นส่วนตัว ถือว่าไม่ได้ลำบากอะไร เพราะส่วนตัวก็มาทำหน้าที่เป็นการ์ดอาสาด้วย ทำให้สะดวกต่อการเดินทางไม่ต้องคอยไปกลับบ้าน และหากเกิดเหตุอะไร ก็สามารถทันท่วงทีในการช่วยเหลือมวลมหาประชาชน ที่เข้าร่วมต่อสู้ในครั้งนี้
ตระเวนไปสวนลุมพินี ร่มเย็นด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ เป็นอีกแห่งที่เต็มไปด้วยมวลมหาเต็นท์
ขวัญยืน เมนประสาท วัย 48 ปี ชาวนครศรีธรรมราช ปักหลักชุมนุมอยู่กับเต็นท์มาแล้ว 2 วัน 2 คืน ยอมรับว่าอยู่ในเต็นท์อาจไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ที่บ้าน แต่ถือว่ายังดีที่ตัดสินใจเลือกสวนลุมพินี เพราะเป็นพื้นที่กว้างโล่งส่วนเรื่องการกินการอยู่ รวมทั้งห้องน้ำห้องท่าก็ไม่เป็นปัญหาใหญ่สามารถปรับตัวกับสถานการณ์ได้
"เตรียมผ้าถุงมาจากบ้านแล้ว อาบน้ำก็อาบในโรงพยาบาลจุฬาฯ ส่วนเข้าห้องน้ำก็พึ่งรถสุขากทม.ห้างใกล้ๆ เวทีก็แวะไปใช้บริการ แต่โรงแรมไม่กล้าเข้าไปกลัวเขาไม่ให้เข้า"
ส่วนอาหาร เธอบอกรับแจกจากครัวเป็นหลัก เเต่ถ้าวันไหนไม่ทัน ของหมดก็ซื้อกินเอง
"เต็นท์ที่นอนอยู่ก็เตรียมมาจากบ้าน บางคนก็ซื้อใหม่ที่นี่เต็นท์หลังหนึ่งก็จะนอนกัน 3 คน อึดอัดแต่ก็พออยู่ได้ ช่วงนี้อากาศกทม.กำลังดี ไม่ร้อน ก็นอนกันได้ ถ้าร้อนกว่านี้ก็คงไม่ไหว ลูกๆ ที่บ้านก็โทรคุยกันทุกวัน เขาก็เตือนให้ระวังตัวเอง ตรงไหนเสี่ยงที่จะมีการปะทะก็ให้เลี่ยง"ขวัญยืนบอกเล่า
อีกกลุ่มยกทั้งเครือญาติ 15 ชีวิตมาจากนครศรีธรรมราช ในครอบครัวนี้มีม็อบรุ่นยายถึง 3 คนรวมอายุ 200 กว่าปี ทรงศิลป์ ไชยศรีอนันต์ วัย 84 ปี ละเอียด ปานแก้ว วัย 81 ปี ทรงใจ ลีละวัฒนพันธุ์ วัย 85 ปี ซึ่งตัดสินใจออกจากบ้านมาชุมนุมหลังทนอยู่ที่บ้านไม่ไหว ทรงใจ บอกว่า เหมารถตู้มากับญาติพี่น้อง คืนแรกที่มาต้องปูแผ่นป้ายนอนกลางพื้นปูน ยุงกัดทั้งคืน เพราะผู้ชุมนุมมีจำนวนมาก เต้นท์ไม่เพียงพอ จึงได้ขอทางการ์ดผู้ชุมนุมไปว่าต้องการเต็นท์เพิ่ม
ทรงศิลป์ เล่าว่า ดูทีวีดาวเทียมช่องบลูสกายที่บ้านทุกวัน ตั้งแต่การต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เเต่มีแต่ลูกหลานเท่านั้นที่มาร่วมชุมนุม ก็ถือว่ามาเซอร์เวย์พื้นที่ก่อน แต่ในที่สุดทนไม่ไหว ไม่อยากยกแผ่นดินให้คนอื่น จึงตัดสินใจออกมาด้วยตัวเอง โดยตอนแรกคิดว่าจะมาวันที่ 13 ม.ค.วันเดียว เพราะได้ยินแกนนำบอกว่าวันเดียวจบ ให้รัฐบาลลาออก แต่ที่สุดไม่เสร็จสักที รัฐบาลไม่ลาออก จึงตัดสินใจอยู่ไล่รัฐบาลต่อ กลับเมื่อไรยังไม่กำหนด
รุจิรา ไชยศรีอนันต์ ลูกสาว ทรงศิลป์ วัย 54 ปี บอกว่า ก่อนจะพาญาติ ๆ มาร่วมประท้วง ได้ไปร่วมชุมนุมตั้งแต่การชุมนุมที่สามเสน ก่อนจะย้ายมาราชดำเนิน ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จวบกระทั่งนัดชุมนุม 7 จุด จึงเลือกมาชุมนุมที่สวนลุมพินี โดยระหว่างนี้ได้เดินทางไปดูเวทีอื่นละแวกนี้ทั้งปทุมวัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และราชประสงค์ ซึ่งมีห้องน้ำที่สะดวกกว่าสวนลุมพินี แต่บรรยากาศสู้สวนลุมพินีไม่ได้ เพราะเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตอนกลางวันสามารถนั่งปูเสื่อ จับกลุ่มคุยกัน เหมือนนั่งปิกนิกในสวน เหมือนมาพักในอุทยาน
ณรงค์ รสกำจร หนุ่มเลือดสะตอวัย 45 ปี เล่าว่า เพิ่งย้ายมาจากแยกปทุมวันมาเป็นสมาชิกใหม่ของหมู่บ้านเต็นท์สวนลุมเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ต้องนอนกลางถนน เพิ่งย้ายมานอนในเต็นท์เมื่อคืนก่อน เขาย้ำว่า "...อยู่ในนี้สบายกว่าเยอะ"
ชีวิตใต้หลังคาเต็นท์ไม่ใช่ครั้งแรกของณรงค์ เพราะปี 2553เขาเคยใช้ชีวิตในเต็นท์ระหว่างการชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัดเพื่อประท้วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมาแล้ว
"ตอนนั้นลำบากครับ และอยู่นานหลายวัน เป็นครั้งแรก อะไรๆ ก็ติดขัดไปหมด แต่ตอนนี้สบายครับ เต็นท์ก็เตรียมจากบ้านมา เสื้อผ้าก็เอามาเท่าที่จำเป็น นอกจากนั้นก็มาปรับตัวกันในพื้นที่ และคงจะอยู่ไปเรื่อยๆ เพราะที่สวนลุมเหมาะสำหรับตั้งเต็นท์กว่าที่อื่นและจะอยู่จนกว่าจะชนะครับ ถึงจะกลับบ้าน"
แคมปิ้ง 5 แยกลาดพร้าว เป็นอีกจุดที่ม็อบแบ็คแพคหาทำเลเหมาะแถวสวนจตุจักรเพราะสภาพอากาศยามค่ำคืนเย็นสบายจากต้นไม้ใหญ่โอบล้อม
ขจรศักดิ์ อำนาจวงษ์ วัย42 ปี สะท้อนอีกหนึ่งความคิดหลังอาศัยที่นอนในสวนจตุจักร เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเข้ากรุงเทพฯมาหางานทำ ตั้งแต่วันที่29 ธค.ที่ผ่านมา โดยยึดสถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นแหล่งพักชั่วคราว ประจวบเหมาะมีการชุมนุมเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และเห็นว่าแต่ละจุดการชุมนุมมีที่พักและอาหารให้รับประทานฟรี ก็เลยสมัครใจมาใช้สถานที่รวมชุมนุมเพื่ออยู่อาศัย จนกว่าจะหางานทำในกรุงเทพฯได้ และเลือกบริเวณ5 แยกลาดพร้าว เป็นจุดแรก
ท่ามกลางสถานการณ์ชุมนุมยืดเยื้อ ทุกคนจึงต้องปรับสภาพกินอยู่หลับนอน อยู่กับมันให้ได้จนกว่าชัยชนะมาถึง


