posttoday

สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (จบ)

01 ธันวาคม 2556

ภายหลังเมื่อท้าวทองพยศ (นาค) ถึงแก่อนิจกรรม นอกจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ภายหลังเมื่อท้าวทองพยศ (นาค) ถึงแก่อนิจกรรม นอกจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีศพอย่างสมเกียรติแล้ว ในเวลาต่อมาก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งท้าวทองพยศเป็นท้าวสุจริตธำรง ดังความตอนหนึ่งของหมายแต่งตั้งท้าวสุจริตธำรงว่า “...บัดนี้ทรงพระราชดำริว่า ท้าวทองพยศนั้นก็ฟังว่าเป็นพระประยูรญาติผู้ใหญ่ ในสมเด็จพระนางเจ้าบรมราชเทวี และพระนางเจ้าพระวรราชเทวี และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ได้รับพระราชทานเกียรติยศอย่างเจ้าขรัวยายในพระเจ้าลูกเธอสารบัญนั้นหาสมควรไม่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนตำแหน่งท้าวทองพยศขึ้นเป็นท้าวสุจริตธำรง มีบรรดาศักดิ์เสมอด้วยท้าวสนองพระโอษฐ์ในตำแหน่งถือศักดินา 1000...”

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงท้าวสุจริตธำรง ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส พระราชทานโกศ 8 เหลี่ยมประกอบนอกเป็นเกียรติยศ งานพระราชทานเพลิงนี้จัดเป็นงานใหญ่หลายวัน และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่เมรุพระราชทานเพลิง

ในเวลาต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงถือเอาท้าวสุจริตธำรง เป็นต้นตระกูล สุจริตกุล สกุลสุจริตกุล จึงเป็นราชนิกุลเพียงสกุลเดียวที่ถือเอาสตรีเป็นบรรพบุรุษ

ส่วนสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา หรือเจ้าจอมมารดาเปี่ยมในขณะนั้น ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สถาปนาให้เป็นเจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม ในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 20 ก.ย. ปี 2428 เนื่องจากเจ้าจอมมารดาเปี่ยมนั้นเป็นพระชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีที่ประสูติพระราชโอรสอันเจริญพระชนมายุ เตรียมพร้อมที่จะได้รับการสถาปนาให้ดำรงอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อสืบสันตติวงศ์ในอนาคตด้วย

สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ดำรงฐานะในที่เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมมีชีวิตอยู่อย่างสงบร่มเย็น ณ วังสะพานถ่าน กับพระโอรส มีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีของพระธิดา 2 พระองค์ และพระนัดดา ซึ่งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์แรก (สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ) อย่างมีความสุขตลอดมา จนถึงปี 2447 ก็ถึงแก่พิราลัยด้วยวัยเพียง 65 ปี

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานศพเป็นพิธีใหญ่สมเกียรติยศ ในฐานะที่เป็นพระชนนีของพระอัครมเหสีทั้งสามพระองค์ และเป็นพระอัยยิกาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กับสมเด็จเจ้าฟ้าอีกหลายพระองค์ ทั้งได้เคยมีอุปการคุณในส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ และพระประยูรญาติเป็นอันมาก การพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมศพเจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม จึงได้จัดให้มีพิธีกงเต็กอย่างเจ้านายชั้นสูง

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระราชหัตถเลขาพระราชทานพรน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการพระโอรสดังนี้

สวนดุสิต

วันที่ ๑๓ เมษายน ร.ศ.๑๒๓

ถึง กรมหลวงเทวะวงศ์

ด้วยฉันมีความเศร้าโศกมากในส่วนตัวเองแลมีความสงสารเธอแลน้องๆ เป็นอันมากที่ได้รับความพลัดพรากในครั้งนี้ ซึ่งเปนสิ่งที่จะหาแทนไม่ได้

แต่มีเหตุที่จะเปนเครื่องที่จะบันเทาลงได้บ้าง เมื่อนึกว่าเราได้ทำเตมน่าที่ของลูกที่มีความกตัญญูทุกอย่างแล้ว แต่ไม่สามารถที่จะห้ามธรรมดาทางดำเนินของโลกได้ แต่นี้ไปมีทางอย่างเดียวที่จะอุปการะแต่ท่านผู้ล่วงลับไปแล้วได้ ก็แต่เพิ่มทักษิณาทานอุทิศให้ แลตั้งตนไว้ให้เปนการชอบ ซึ่งมารดามีความปรารถนาที่จะให้เราประพฤติเช่นนั้น ขอให้เธอตักเตือนแม่กลาง แลแม่เล็ก ให้รงับใจรักษาตัวอย่าให้เจ็บไข้ลงได้ เมื่อเปนการเช่นนี้แล้วยังมีน่าที่ซึ่งจะต้องรักษาตัวสำหรับผู้อยู่เปนสำคัญกว่าผู้ที่ล่วงลับไป

(พระปรมาภิไธย) จุฬาลงกรณ์ ป.ร.

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชโกษกุคั่นน้อย และเครื่องประกอบเกียรติยศแด่ศพเจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม และเสด็จฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลตั้งแต่วันแรกที่ตั้งศพ ณ วังสะพานถ่าน แล้วพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพิธีสวดอภิธรรมมีกำหนด 100 วัน จนกระทั่งถึงเดือน เม.ย. ปี 2453 ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิง ณ เมรุสวนมิสกวัน เป็นงานใหญ่

ต่อมาในปี 2466 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอัฐิให้เป็นเจ้านายในพระราชวงศ์จักรี ถวายพระปรมาภิไธยว่า สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา เนื่องด้วยในรัชกาลนั้นมีพระฐานะเป็นสมเด็จพระอัยยิกาเจ้า (ยาย) ส่วนพระนามาภิไธยนั้นมีความหมายว่า เป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ปี 2466

จะเห็นได้ว่า เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมหรือสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตานั้น ทรงเป็นสตรีที่มีบุญญาธิการมาก ไม่อาจหาผู้ใดมาเทียบเคียงได้ด้วยทรงเป็นพระราชชนนีของสมเด็จพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึง 3 พระองค์ ทั้งยังเป็นพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกทั้งยังเป็นพระปัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบันด้วย

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68