ชีวมวลยุคที่ 2-3
สัปดาห์ก่อนได้กล่าวถึงที่มาของพลังงานทดแทนประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass)
สัปดาห์ก่อนได้กล่าวถึงที่มาของพลังงานทดแทนประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass) หรือเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) โดยลำดับที่มาที่ไป สรุปเบื้องต้น ชีวมวลยุคที่ 1 เป็นพลังงานทดแทนที่ประเทศไทยนำมาใช้มากที่สุด เนื่องจากเป็นการใช้พืชผลทางการเกษตรและวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่มีอยู่เป็นวัตถุดิบ
สำหรับเชื้อเพลิงชีวมวลยุคที่ 2 (2nd Generation Biofuel) นั้น เน้นการนำวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่มีส่วนประกอบของเซลลูโลสและลิกนิน อาทิ ไม้เนื้ออ่อน เศษไม้ ไม้โตเร็ว ชานอ้อย ซังข้าวโพด เป็นต้น มาเป็นวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิง เนื่องจากไม่กระทบต่อวงจรอาหารของมนุษย์และสัตว์
โดยกรรมวิธีการผลิตเชื้อเพลิงของชีวมวลยุคที่ 2 นี้ ทำได้ด้วยการสลายเซลลูโลสให้เป็นก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และไฮโดรเจน แล้วผ่านกรรมวิธีเร่งปฏิกิริยาให้เป็นเชื้อเพลิงที่ต้องการ หรือการเปลี่ยนของแข็งให้เป็นของเหลวหรือก๊าซด้วยการเผาที่อุณหภูมิสูงหรือกระบวนการความร้อนทางเคมีนั่นเอง
ทั้งนี้ เชื้อเพลิงของชีวมวลยุคที่ 2 จะเน้นนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ ทั้งรูปแบบที่นำไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์หรือดัดแปลงเล็กน้อย ได้แก่ 1.เอทานอลจากเซลลูโลส เป็นเอทานอลที่ผลิตจากวัตถุดิบประเภท ฟางข้าว ชานอ้อย ซังข้าวโพด และเปลือกไม้ ซึ่งมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับ เอทานอลที่ได้จากน้ำตาลและแป้ง
2.เชื้อเพลิงชีวภาพสังเคราะห์ เป็นการนำเชื้อเพลิงชีวมวลที่เป็นของแข็งผ่านกระบวนการแปลงรูปให้เป็นของเหลวและก๊าซใช้ทดแทนเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ได้เลย มีหลากหลายประเภท อาทิ Biomasstoliquids (BTL) ใช้ทดแทนน้ำมันเบนซิน FisherTropsch (FT) Diesel ใช้ทดแทนน้ำมันดีเซล Dimethyl ether (DME) ใช้ทดแทนก๊าซ LPG เป็นต้น 3.ก๊าซธรรมชาติสังเคราะห์ (BioSNG) เปลี่ยนของแข็งให้เป็นก๊าซมีเทนที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติ ใช้ทดแทน CNG
แม้ว่าหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยจะเริ่มมีการนำเชื้อเพลิงชีวมวลยุคที่ 2 มาใช้งานบ้างแล้ว แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนาเชื้อเพลิงชีวมวลยุคที่ 2 ให้สามารถเป็นพลังงานทดแทนเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคตอันใกล้ โดยเชื้อเพลิงชีวมวลยุคที่ 2 นี้ จัดเป็นพลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล และดีกว่าเชื้อเพลิงชีวมวลจากยุคที่ 1 ที่ลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้ 20-30%
ส่วนเชื้อเพลิงชีวมวลยุคที่ 3 (3rd Generation Biofuel) จะแตกต่างจากเชื้อเพลิงชีวมวล 2 ข้างต้น เพราะนำสาหร่ายทะเลหรือสาหร่ายน้ำจืดมาเป็นเชื้อเพลิง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการคัดเลือกสาหร่ายสายพันธุ์ดีที่เหมาะกับการนำมาผลิตเชื้อเพลิงและมีต้นทุนที่เหมาะสมในการนำมาผลิตในเชิงพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยก็เริ่มมีการวิจัยนำสาหร่ายมาเป็นเชื้อเพลิงแล้ว และคาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้าจะได้เห็นการผลิตสาหร่ายทดแทนน้ำมันใช้ในเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยได้แน่นอน
การค้นคว้า วิจัย พัฒนา และจัดหาเชื้อเพลิงใหม่ๆ เพื่อนำมาผลิตเป็นพลังงานนับวันจะมีความจำเป็นเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีพลังงานที่เพียงพอต่อความต้องการใช้ของประชากรบนโลกที่เพิ่มขึ้น และเพื่อใช้ทดแทนพลังงานฟอสซิลที่มีจำกัดและกำลังจะหมดไป แต่อย่างไรก็ตาม การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้เกิดความสมดุลในการใช้พลังงานของโลกอนาคตได้


