posttoday

ตำนานมหานคร

09 พฤศจิกายน 2556

ธนาคารมหานครเป็นหนึ่งในหลายๆ ธนาคาร และสถาบันทางการเงินที่เกิดปัญหาสภาพคล่อง

ธนาคารมหานครเป็นหนึ่งในหลายๆ ธนาคาร และสถาบันทางการเงินที่เกิดปัญหาสภาพคล่อง เพราะวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2540 สถานภาพของธนาคารมหานครเลวร้ายกว่าธนาคารอื่นๆ เพราะมีความผิดพลาดของการบริหารจัดการและการทุจริตของผู้บริหารในยุคนั้นอีกด้วย ผมได้รับการร้องขอจากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในขณะนั้นคือ คุณชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ให้ไปเป็นประธานกรรมการบริหาร เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาพร้อมกับคุณสิริวุฒิ เสียมภักดี ซึ่งได้รับเชิญมาจากธนาคาร กสิกรไทยให้ทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการธนาคาร

เราเข้ารับหน้าที่เมื่อเดือน ก.พ. 2541

ธนาคารมหานครเดิมชื่อ ธนาคารตันเปงชุน ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2477 เป็นธนาคารเก่าแก่แห่งที่สามที่ก่อตั้งโดยชาวจีนโพ้นทะเลยุคแรกๆ ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร์ กลุ่มผู้ก่อตั้งประกอบด้วย ตันฮองงี้ ตันเกงตัน ตันลินเจียง ตันเต็กหมง ตันยูเรา ฉิวหลักสือ และโกยโต๊ะเม้ง

เมื่อปี พ.ศ. 2503 เปลี่ยนชื่อธนาคารเป็นธนาคารไทยพัฒนา โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่คนใหม่คือ คุณ คุนผลิน

ปี พ.ศ. 2514 ธนาคารแห่งนี้มีปัญหาหนี้เสียครั้งใหญ่ถึง 400 ล้านบาท ธนาคารจึงไปไม่รอด

กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคาร โดยการนำของคุณอุเทน เตชะไพบูลย์ ร่วมมือกันลงขันเพื่อกอบกู้สถานการณ์ คุณคำรณ เตชะไพบูลย์ น้องชายคุณอุเทน ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บริหาร มีผู้บริหารมืออาชีพมาช่วยงานหลายคน เช่น คุณสนอง ตู้จินดา คุณอภิวัฒน์ นันทาภิวัฒน์ และคุณดุษฎี สวัสดิชูโต ผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น

ต่อมาคุณคำรณ ซื้อหุ้นใหญ่ของธนาคารไปและเปลี่ยนชื่อธนาคารเป็นธนาคารมหานคร ธนาคารนี้มีความใกล้ชิดกับธนาคารศรีนคร ที่ตระกูลเตชะไพบูลย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และทำงานร่วมกันมาตลอด

8 ปีหลังจากนั้น ธนาคารมหานครประสบปัญหาร้ายแรงอีกครั้ง จากการมีหนี้เสียอันเนื่องมาจากการปล่อยกู้ให้พวกพ้อง แล้วยังมีปัญหาขาดทุนจากการค้าเงินตราจำนวนมาก

ในระยะแรกคุณคำรณเชิญคุณปกรณ์ มาลากุล จากธนาคารชาติเข้ามาบริหาร แต่ในที่สุดธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเข้าควบคุมกิจการ สั่งลดทุนและให้เพิ่มทุนใหม่ให้พอเพียง ในที่สุดกลุ่มพันธมิตรของคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนและเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในปี พ.ศ. 2530

10 ปีต่อมา ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง เมื่อทางการเข้าควบคุมกิจการดังที่ได้กล่าวไว้แล้วเบื้องต้น ผู้บริหารขณะนั้นประกอบด้วย ประธานกรรมการ กรรมการผู้จัดการ และรองกรรมการผู้จัดการที่เป็นผู้หญิง สองคนแรกเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้รับเชิญมาบริหารธนาคารนี้ ส่วนรองกรรมการผู้จัดการเป็นลูกหม้อของธนาคาร

ผู้บริหารต่างมีพวกพ้องและผู้ใกล้ชิดของตนเอง ขณะที่ไม่มีการทำงานหรือตรวจสอบสินเชื่อที่ธนาคารอนุมัติร่วมกันอย่างจริงจัง ประเภทของฉันเธออย่ายุ่ง ของเธอฉันก็จะไม่ทัก การปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างหละหลวม หลักประกันไม่น่าเชื่อถือหรือไม่พอเพียง หนี้เสียจึงพอกพูน จนในที่สุดธนาคารก็มาถึงจุดจบ

ต่อมาผู้บริหารทั้งสามคนถูกกล่าวหาและฟ้องร้องในความผิดหลายกระทง คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด ถึงแม้เวลาจะผ่านมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว

คนรุ่นเก่าๆ อาจจำข่าวดังสมัยนั้นได้ว่า ตำรวจเข้าค้นบ้านของนายธนาคารคนหนึ่งและพบเงินสดที่ซ่อนไว้กับผนังกั้นห้องในบ้านเป็นจำนวนมากมาย สิ่งนี้พิสูจน์แสดงให้เห็นว่า วิธีการซุกซ่อนเงินสดไว้ในบ้านหรือซุกไว้ในตุ่มนั้นมิใช่ลิขสิทธิ์ของนักการเมืองเลวๆ เท่านั้น แต่ได้แพร่หลายไปถึงผู้บริหารหรือแม้กระทั่งข้าราชการที่มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวงด้วย

ขณะที่คุณสิริวุฒิและผมเข้าไปบริหารธนาคารนั้น คุณเจริญเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นลูกค้าใหญ่ของธนาคารด้วย

จากการตรวจสอบบัญชีปรากฏว่าสินเชื่อที่ธนาคารอนุมัติให้คุณเจริญไปนั้นมีทรัพย์สินที่นำมาจำนองค้ำประกันไม่พอเพียงกัน เพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงของคุณเจริญและเพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามหลักสากล คุณสิริวุฒิและผมได้เข้าพบกับคุณเจริญที่บ้านท่านที่ถนนสุรวงศ์ และขอให้ท่านได้นำทรัพย์สินมาจดจำนองให้พอเพียง ปรากฏว่าคุณเจริญได้จัดทำให้เรียบร้อยโดยไม่เกี่ยงงอน

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จักกับคุณเจริญและคุณหญิงวรรณา

หลังจากหมดวาระหน้าที่ที่ธนาคารแล้ว ผมได้พบกับคุณเจริญและคุณหญิงหลายครั้ง และได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองท่านเป็นอย่างดี ในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ตัวอย่างเช่น ในปี พ.ศ. 2549 เมื่อครั้งผมดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าไทยและจะสร้างอาคารใหม่ให้กับหอการค้า โดยการขอบริจาคจากบริษัทสมาชิกทั่วๆ ไป คุณเจริญและคุณหญิงยินดีมอบเงินสนับสนุนให้สิบล้านบาท

คุณสิริวุฒิต้องทำงานหนักที่จะสะสางปัญหาและหาทางออกให้ธนาคารสามารถดำเนินการต่อไปได้ เพื่อที่พนักงานจะได้ไม่ตกงาน ท้ายที่สุดสรุปว่า การควบรวมกิจการเข้ากับธนาคารกรุงไทยน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย เพราะลูกค้าธนาคารก็ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือน พนักงานก็มีงานทำต่อ ประชาชนผู้ฝากเงินกับธนาคารไม่เสียหายเพราะรัฐบาลค้ำประกันเงินฝากอยู่แล้ว แต่ผู้ที่เจ็บปวดที่สุดคือผู้ถือหุ้น เพราะมูลค่าของหุ้นของธนาคารมหานครมีค่าเป็นศูนย์ไป

นั่นเป็นการปิดฉากตำนานของธนาคารหลายชื่อ ซึ่งทำให้คุณเจริญและคณะในฐานะผู้ถือหุ้นหมดไปกับธนาคารนี้หลายพันล้านบาท นับว่าเป็นบทเรียนที่มีราคาแพงโข

อ่านต่อฉบับหน้า

ข่าวล่าสุด

ในหลวง-ราชินี เสด็จฯ เปิดซีเกมส์ 2025 การันตีสุดยิ่งใหญ่