posttoday

บทบาทใน 3 ธนาคาร

02 พฤศจิกายน 2556

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระหว่างปี พ.ศ. 2538-2539 ทำให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระหว่างปี พ.ศ. 2538-2539 ทำให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่

ผลการเลือกตั้งไม่ก่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง ขณะที่สภาพเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะขาดความสมดุล ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดหลายปี อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้ลงทุนไม่มีความมั่นใจและทยอยขายหุ้นออกอย่างต่อเนื่อง

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระหว่างปี พ.ศ. 2538-2539 ทำให้มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ แต่ผลการเลือกตั้งไม่ก่อให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจไทยขาดความสมดุล มีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดหลายปี อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้ลงทุนไม่มีความมั่นใจและทยอยขายหุ้นออกอย่างต่อเนื่อง

ในปี พ.ศ. 2540 ในขณะที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรง สาเหตุหลักมาจากการลงทุนเกินตัวของภาคเอกชน โดยการกู้หนี้มาจากต่างประเทศ ภาวะเงินตึงตัว สถาบันการเงินมีปัญหา ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในสถาบันการเงิน และมีการเก็งกำไรในค่าเงินบาท จนในที่สุดธนาคารแห่งประเทศไทยไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ต้องปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราลอยตัว เป็นเหตุให้สถาบันการเงินและบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งมีปัญหาสภาพคล่อง จนในที่สุดต้องหยุดกิจการรวม 56 บริษัท

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ที่กระจายไปทั่วทวีปเอเชีย ตลาดหุ้นของไทยถูกผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจนี้อย่างแรง มีผลให้ดรรชนีราคาหุ้นตกไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดที่ 500 จุด ทำให้ความมั่งคั่งในระบบสูญหายไปเป็นมูลค่าแสนล้านบาท มีนักลงทุนหุ้นที่หมดเนื้อหมดตัวจำนวนมาก

หนึ่งในจำนวนนั้นก่อเหตุสยองขวัญเกิดขึ้น ด้วยการเอาปืนมาขู่ผู้บริหารตลาดที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ในที่สุดสามารถเจรจาให้เข้าใจกันได้ โดยไม่สูญเสียเลือดเนื้อ

ช่วง 4 ปีที่ผมคลุกคลีอยู่ในตลาดทุนมีวิกฤตตลาดหุ้นเกิดขึ้นหลายครั้ง ทั้งต่างประเทศและในประเทศเกิดจากความผิดพลาดของผู้บริหารตลาดก็มี จากการฉ้อโกงก็มี จากการใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตจนทำให้เกิดความเสียหายก็มี หรือเกิดจากการปั่นป่วนทางการเมืองและเศรษฐกิจก็มี เป็นสิ่งที่เตือนสติว่า ตลาดทุนหรือตลาดหุ้นนั้นให้ทั้งคุณและโทษ ถ้าเรามีความรู้เท่าเทียมติดตามใกล้ชิดพร้อมใช้ดุลพินิจและวิจารณญาณอย่างตื่นตัว ก็จะได้ประโยชน์จากการลงทุน แต่ถ้าไม่รู้จริง ลงทุนหรือเล่นหุ้นตามกระแส หรือเก็งกำไรก็มีโอกาสเจ็บตัวได้เมื่อเกิดความผันผวนขึ้น

อดีตเป็นอย่างไร ปัจจุบันยังเป็นอย่างนั้น และอนาคตคงไม่แตกต่างไป ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมเสมอ ตราบใดที่มนุษย์ยังมีความโลภ หลง และกิเลสอยู่

ช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจนประเทศไทยเกือบล่มสลาย เป็นจังหวะที่ผมกำลังออกมาจากตลาดทุนพอดี แต่ก็ไม่พ้นวงการการเงิน เพราะถูกดึงให้ไปช่วยงานธนาคารดังที่จะกล่าวต่อไป

ระหว่างปี 2538-2547 ผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับธนาคารสามแห่งคือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐบาล ธนาคารมหานคร และธนาคารไทยธนาคาร (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นธนาคารซีไอเอ็มบี ไทยCIMB) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ เป็นประสบการณ์ที่สร้างความหลากหลายของความคิดและได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเงินการทองอย่างรวดเร็วและลึกซึ้ง

บทบาทของสามธนาคารนี้มีทั้งความแตกต่างและความเหมือนบางประการ

ที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (ธสน.) คณะกรรมการชุดแรกๆ เป็นชุดบุกเบิกช่วยก่อตั้งธนาคารและสร้างบุคลากรพร้อมระบบการบริหารจัดการที่ทำให้เกิดการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน

ที่ธนาคารมหานคร คณะกรรมการมีหน้าที่เก็บปัดกวาดและจัดการกับทรัพย์สินที่มีปัญหาก่อนที่จะปิดธนาคาร หรือควบรวมเข้าไปกับธนาคารอื่น

ส่วนที่ธนาคารไทยธนาคารนั้น ภารกิจเป็นการสร้างบ้านใหม่ให้กับธนาคารสหธนาคารและกลุ่มบริษัทเงินทุนหลายแห่งที่มีปัญหาจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2540 และถูกนำมารวมตัวกันโดยผ่านการสนับสนุนของกองทุนฟื้นฟูของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อแปรสภาพเป็นธนาคารใหม่

ผมใช้เวลากับธนาคารสุดท้ายนี้มากที่สุดเกือบ 5 ปีก่อนที่จะเปลี่ยนโอนส่งต่อให้คณะกรรมการชุดใหม่ที่มีคุณทวี บุตรสุนทร เป็นประธานคณะกรรมการ

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (ธสน.) ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2536 เพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยผู้ประกอบการส่งออกของประเทศให้แข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ ธสน.ทำธุรกิจทุกประเภทเช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์เพียงแค่รับเงินฝากไม่ได้ แหล่งเงินที่นำมาสนับสนุนธุรกิจส่งออก จึงมาจากเงินทุนและเงินกู้ยืมจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ

ภารกิจหลักของ ธสน. คือ การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ส่งออก ซึ่งประกอบด้วย สินเชื่อหมุนเวียนทั้งก่อนและหลังการส่งออก สินเชื่อเพื่อเตรียมการส่งออก สินเชื่อเพื่อการส่งออก และสินเชื่อผู้ผลิตเพื่อการส่งออก การรับซื้อและยืนยันเอกสารการชำระการเงิน โดยแอลซี (L/C) การให้บริการประกันการส่งออกโดยเฉพาะประเทศหรือตลาดที่มีความเสี่ยงสูง เรื่องการชำระเงินตามข้อตกลงและที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่างานอื่นคือ การสนับสนุนโครงการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทคนไทย

ในระยะที่ผมเป็นกรรมการ นอกเหนือจากงานประจำที่ให้การสนับสนุนผู้ส่งออกแล้ว มีการอนุมัติสินเชื่อเพื่อโครงการก่อสร้างในต่างประเทศสองโครงการที่ควรกล่าวถึง คือโครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติมัณฑะเลย์ ประเทศสหภาพพม่าและโครงการก่อสร้างและติดตั้งสายส่งไฟฟ้าของเขื่อนพลังน้ำเทินหินบูน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ทั้งสองโครงการเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยประเทศไทยได้ประโยชน์จากงานก่อสร้าง ความเสี่ยงของการได้รับชำระเงินคืนต่ำ เพราะพม่าและลาวใช้รายได้จากการขายแก๊สให้กับ ปตท.และไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นหลักประกันในการชำระเงิน

กรรมการผู้จัดการธนาคารคนแรก คือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้เกิดพระราชบัญญัติก่อตั้งธนาคารนี้ขึ้น ประธานคณะกรรมการ คือ ศ.ดร.โกวิทย์ โปษยานนท์ ผมเข้าไปเป็นกรรมการของธนาคารในฐานะผู้แทนองค์กรภาคเอกชน (หอการค้าไทย)

ความสำคัญที่สุดของการบริหารจัดการของ ธสน. ในระยะเริ่มต้นหรือระยะบุกเบิก คือ การสร้างองค์กร สร้างบุคลากร และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธนาคารในต่างประเทศ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ผู้ที่มีความชำนาญในวงการธนาคารมานาน ได้ใช้ประโยชน์ของเครือข่ายธนาคารในการจัดหาคนที่มีความสามารถมาร่วมงาน และนำระบบการบริหารควบคุมที่ดีมาใช้

จำได้ว่าระยะเริ่มต้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร หรือหม่อมอุ๋ย ตั้งเงินเดือนสำหรับกรรมการผู้จัดการไว้ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับรายได้ของคนในวงการธนาคารพาณิชย์ ทำให้การชักชวนมืออาชีพจากวงการธนาคารมาร่วมงานด้วยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องใช้ความท้าทายของการสร้างองค์กรใหม่ และโอกาสในการเติบโตในองค์กรที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งดึงดูดใจ

ปัจจุบัน ธสน.เป็นองค์กรทางการเงินที่มีความสำคัญองค์กรหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะในด้านการสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศไปแล้ว

(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)

ข่าวล่าสุด

บอร์ดเคาะแล้ว “ทรงพล” MD ออมสินคนใหม่ รอชัดอำนาจรักษาการเซ็นได้หรือไม่