posttoday

มิตรภาพไทย-จีน

25 ตุลาคม 2556

คำพูดโดยไม่ระมัดระวังเช่นนี้จะทำลาย “มิตรภาพไทย-จีน” ที่คนทั้งสองชาติได้พยายามสร้างกันมาเป็นเวลานานให้หมดไปทันที

โดย...วีรวิทย์ คงศักดิ์ วุฒิสมาชิกสรรหา

เมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี หลี่เค่อเฉียง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และในวันแรกได้เดินทางไปแสดงปาฐกถาที่รัฐสภา

การที่ผู้บริหารระดับสูงของมิตรประเทศมากล่าวปาฐกถาในที่ประชุมรัฐสภาครั้งนี้อาจเป็นเรื่องใหม่ของรัฐสภาไทย แต่สำหรับจีนน่าจะเป็นยุทธศาสตร์หลักในการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศในอาเซียน เพราะท่านนายกฯ จีนได้แวะที่เวียดนามและบรูไนด้วย

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ได้เยือนและแสดงปาฐกถาที่อินโดนีเซียและมาเลเซีย ในช่วงที่มีการประชุมสุดยอด APEC และ ASEAN ที่บาหลีและบรูไนตามลำดับ

สิ่งนี้น่าจะวิเคราะห์ได้ว่า จีนพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศในกลุ่มอาเซียน ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อสร้างความมั่นคงในด้านการค้าและลงทุนกับกลุ่มอาเซียน อันเป็นการถ่วงดุลทางยุทธศาสตร์กับสหรัฐอเมริกาที่กำลังประสบกับปัญหา “การหยุดกิจการชั่วคราวของรัฐบาลกลาง” (Government Shutdown)

สำหรับหลี่เค่อเฉียง วัย 58 ปีนี้ เป็นแกนหลักสำคัญของ “ผู้นำจีนรุ่นที่ 5” ที่จีน “สร้าง” ให้มาบริหารประเทศในด้านเศรษฐศาสตร์ การเมือง และความมั่นคง โดยสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีทางด้านนิติศาสตร์และปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ สามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

หลี่เค่อเฉียง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตลอดการทำงานการเมือง โดยเริ่มจากการเข้าเป็นสมาชิกสันนิบาตเยาวชนของพรรค ซึ่งเป็นจุดแรกเริ่มของการบ่มเพาะผู้นำในอนาคตของจีน ผ่านการทดสอบทั้งความภักดีต่อพรรคและการแสดงความรู้ความสามารถในการบริหาร และสร้างผลงานจนเป็นที่ประจักษ์แก่สมาชิกพรรคทั้งปวง

ช่วงปี 2541-2547 เป็นผู้ว่าการและเลขาธิการพรรคที่มีอายุน้อยที่สุด (43 ปี) ของมณฑลเหอหนาน และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเดียวกันที่มณฑลเหลียวหนิง โดยมีบุคลิกเป็น “คนติดดิน” ปฏิเสธงานเลี้ยงหรูหราและโครงการผิวเผินหรือประเภท “สร้างภาพ” ที่ไม่เกิดประโยชน์กับคนในท้องถิ่น

ต่อมาในปี 2551-2556 เป็นรองนายกฯ ของรัฐบาลนายกฯ เวินเจียเป่า รับผิดชอบในการกำกับดูแล การพัฒนาเศรษฐกิจที่จะรักษาดุลระหว่างอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกับช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน การควบคุมราคาสินค้าไม่ให้สูงเกินกว่าที่ควรจะเป็นสำหรับประชาชนจีนส่วนใหญ่ การเงิน เศรษฐกิจมหภาค โลกร้อน และการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม

เมื่อถึงจุดนี้มีสิ่งที่น่าสนใจว่า จีนมอบหมายงานให้กับรองนายกฯ อย่างเป็นระบบ โดยมอบงานที่มีความเชื่อมโยงกันที่มุ่งสู่ “ประโยชน์สุข” ของประชาชนตามแนวคิดการบริหารงานในระบบธรรมาภิบาล ดังนั้น จึงมีหลายครั้งที่ หลี่เค่อเฉียง เมื่อสมัยเป็นรองนายกฯ สามารถประกาศทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ของจีนในงานระดับนานาชาติได้อย่างฉาดฉานเสมอนอกจากนั้นในปัจจุบัน หลี่เค่อเฉียง เป็นหมายเลข 2 ใน 7 คนของคณะกรรมการถาวรของ “กรมการเมือง” หรือ Politburo Standing Committee ซึ่งเป็นกลไกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีอำนาจสูงสุด โดยรับผิดชอบในงานด้านเศรษฐกิจ ในขณะที่ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง รับผิดชอบงานด้านการเมืองและความมั่นคง

จากประสบการณ์ของหลี่เค่อเฉียง ทำให้ไม่แปลกใจที่ท่านได้แสดงปาฐกถาสดในรัฐสภาไทย ด้วยการใช้ถ้อยคำอันไพเราะในภาษาไทยที่มีความหมายลึกซึ้งว่า “ไทย-จีนพี่น้องกัน” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของนายกฯ จีนในการอธิบายความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและยาวนานของสองประเทศ

นอกจากนั้น สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ผู้มีบทบาทในการบริหารประเทศ ทั้งภาครัฐและเอกชนในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนไม่มากก็น้อย จึงมีโอกาสสูงที่จะเห็นคุณค่าของไมตรีจิตที่เป็นประเทศมหาอำนาจมอบให้กับคนไทย ทำให้มีอิทธิพลทางความคิดต่อคนไทย จนอาจเทียบเคียงได้กับคนเชื้อสายยิวในสหรัฐอเมริกา

ด้วยเหตุนี้คำปาฐกถาของหลี่เค่อเฉียง จึงเน้นความสัมพันธ์อันดีในด้านเศรษฐกิจและสังคมประหนึ่งพี่น้องญาติมิตรที่มีต่อกันมาด้วยวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อเกิดสาธารณภัย โดยไม่ลืมที่จะกล่าวถึง “หลินปิง” หมีแพนด้าทูตสันถวไมตรีของสองประเทศว่า ได้นำกลับไปหาคู่ที่ประเทศจีน เมื่อได้แล้วจะให้กลับมาเป็นประชากรของประเทศไทยตามเดิม ซึ่งเรียกเสียงปรบมือจากสมาชิกรัฐสภาได้อย่างกึกก้อง

ในตอนท้าย นายกฯ จีนได้เสนอแนะให้ทั้งสองประเทศมุ่งพัฒนาอนาคตด้วยกัน สืบทอดการเยือนและแลกเปลี่ยนระหว่างผู้นำระดับสูงอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระชับความร่วมมืออย่างจริงจัง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้าและด้านอื่นๆ ตลอดจนความร่วมมือกันพัฒนาในเรื่องการคมนาคมและสาธารณูปโภคด้านพื้นฐาน โดยไม่ลืมที่จะเน้นเรื่องรถไฟความเร็วสูง ซึ่งน่าจะเป็นวัตถุประสงค์หลักของการเยือนประเทศไทยครั้งนี้

ช่วงสุดท้าย นายกฯ จีนเน้นเรื่องการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ซึ่งจะเป็นแบบอย่างที่ดีของประเทศในกลุ่มอาเซียน

ดังนั้น สื่อมวลชนจึงให้ความเห็นว่า ประเทศไทยในฐานะที่เป็นผู้ประสานงานหลักระหว่างจีนกับอาเซียน โดยต้องศึกษาและพัฒนาความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน โปร่งใส และอย่างสร้างสรรค์กับจีนจากการเยือนครั้งนี้

การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของหลี่เค่อเฉียงครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง ไทยและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยจีนพร้อมเพิ่มปริมาณรับซื้อข้าวและยางพาราจากไทย ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาผลผลิตสินค้าทางเกษตรจำนวนมากของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตว่า บรรยากาศการต้อนรับนายกฯ จีนที่รัฐสภาประดับด้วยดอกไม้ต่างประเทศราคาแพงจำนวนมากคล้ายกับการประดับสถานที่ตามโรงแรมต่างๆ ซึ่งเป็นการทำลายลักษณะสถานที่ราชการอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกประเทศไม่นิยมทำกัน

และสะท้อนความฟุ่มเฟือยของการใช้งบประมาณที่มีจากภาษีอากรของประเทศ ซึ่งสวนทางกับนโยบายการต่อต้านคอร์รัปชั่นของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ประการแรกที่ว่า

“ห้ามขึ้นป้าย ปูพรมแดง หรือมอบช่อดอกไม้แก่คนในรัฐบาล ข้าราชการ และนายทหารระดับสูง ไม่ว่าจะในโอกาสใด”

อีกทั้ง “กฎเหล็กต่อต้านคอร์รัปชั่น” ได้กล่าวถึงการปฏิบัติตนของเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า

“ห้ามคนในรัฐบาล ข้าราชการ และนายทหารผู้ใหญ่ ใช้จ่ายเงินหลวงอย่างฟุ่มเฟือย จัดเลี้ยงด้วยอาหารราคาแพงและเลี้ยงแอลกอฮอล์ พักโรงแรมหรู ใช้สัญญาณไซเรนเพื่อขอทางสะดวกให้ตน”

ประกอบกับลักษณะนิสัย “ติดดิน” และไม่ชอบการกระทำที่มีลักษณะสร้างภาพของนายกฯ จีน อาจทำให้สิ่งที่รัฐสภาไทยหวังว่าจะทำให้ท่านประทับใจและชื่นชอบเกิดผลในทางตรงกันข้ามก็ได้

นอกจากนั้น พิธีการทางการทูตตั้งแต่การแต่งกายของคณะผู้ต้อนรับและสมาชิกรัฐสภา ขั้นตอนของพิธีที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลควรได้รับการพัฒนา เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการ “ให้เกียรติ” ผู้มาเยือนทั้งสิ้น

อย่างไรก็ดี การเจรจาทางการทูตเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและอาจมีอุปสรรคด้านการสื่อภาษาที่ผิดพลาดได้ จึงไม่สมควรที่ผู้บริหารระดับสูงของไทยออกมายืนยันผ่านสื่อให้สาธารณชนสับสนว่า จีนจะซื้อข้าวจากไทย “1 ล้านตัน ใน 5 ปี” หรือ “ปีละ 1 ล้านตัน เป็นเวลา 5 ปี” โดยอ้างว่านายกฯ จีนเปลี่ยนใจในภายหลัง

เพราะคำพูดโดยไม่ระมัดระวังเช่นนี้จะทำลาย “มิตรภาพไทย-จีน” ที่คนทั้งสองชาติได้พยายามสร้างกันมาเป็นเวลานานให้หมดไปทันที

ข่าวล่าสุด

CNN ปักหมุดไอคอนสยาม ถ่ายทอดสดเคานต์ดาวน์ไทยสู่สายตาโลก