posttoday

กลับไปอ่านลินคอล์นในโอกาส 40 ปี 14 ตุลา (2)

22 ตุลาคม 2556

เมื่อกล่าวถึงประธานาธิบดี อับราฮัมลินคอล์น คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยโดยทั่วไปย่อมนึกถึงวาทะอมตะที่กล่าวถึงประชาธิปไตย คือ “รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชนเพื่อประชาชน”

เมื่อกล่าวถึงประธานาธิบดี อับราฮัมลินคอล์น คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยโดยทั่วไปย่อมนึกถึงวาทะอมตะที่กล่าวถึงประชาธิปไตย คือ “รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชนเพื่อประชาชน”

วาทะอมตะนี้เป็นสุนทรพจน์สั้นๆ ของลินคอล์น ในพิธีฝังศพทหารที่สุสานเมืองเกตตีสเบิร์ก ประโยคเต็มปิดท้ายสุนทรพจน์นี้คือ “จากความตายที่มีเกียรติเหล่านี้ เราจักเพิ่มการเสียสละแก่จุดหมาย เพื่อเติมเต็มความหมายของการเสียสละนั่นคือ เรา ณ ที่นี้ มีมติว่า ผู้ตายเหล่านี้จักไม่ตายอย่างไร้ค่านั่นคือ ประเทศนี้ ภายใต้พระผู้เป็นเจ้า จักได้เสรีภาพที่เกิดใหม่และรัฐบาลของประชาชน โดยประชาชนเพื่อประชาชน จักไม่ล่มสลายไปจากโลกนี้”

เมืองเกตตีสเบิร์กอยู่ในมลรัฐเพนซิลเวเนีย ดินแดนของรัฐบาลฝ่ายเหนือ การรบ ณ เมืองเกตตีสเบิร์ก อันเป็นที่มาของสุนทรพจน์นี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 13 ก.ค. 2406 ซึ่งยังอีกนานถึง 1 ปี 9 เดือนเศษ ก่อนที่ โรเบิร์ต อี.ลี แม่ทัพฝ่ายใต้จะยอมจำนนเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2408 การรบที่เมืองเกตตีสเบิร์กจึงเป็นการรบในช่วงที่ฝ่ายใต้ยังเป็นฝ่ายรุกขึ้นไปจนไม่ไกลจากเมืองหลวงเท่าใดนัก แต่การรบครั้งนั้นเป็นจุดหักเหสำคัญของสงครามกลางเมือง เพราะเป็นครั้งแรกๆ ที่แม่ทัพฝ่ายเหนือ คือ นายพล จอร์จจี.มีด สามารถหยุดยั้งกองทัพฝ่ายใต้และกดดันให้ถอยกลับลงไปในรัฐเวอร์จิเนีย แต่ก็พลาดโอกาสในการบดขยี้ และทำลายกองทัพอันบอบช้ำของนายพลลีจนแตกสลาย ทำให้สงครามต้องยืดเยื้อออกไปอีก 1 ปี 9เดือนเศษ

ชัยชนะครั้งนั้น รัฐบาลมลรัฐเพนซิลเวเนียได้ตัดสินใจสร้างสุสานทหารของชาติขึ้นที่เมืองนั้น และเชิญลินคอล์นไปปราศรัยในงานเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2406

แม้จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ลินคอล์นกลับได้รับเชิญเสมือนเป็น “ตัวประกอบ” ของงานพิธีเท่านั้น บุคคลสำคัญที่ได้รับเกียรติเป็นผู้ปราศรัยคนแรก คือ เอ็ดเวิร์ด เอเวอเรตต์ อดีตผู้ว่าการมลรัฐแมสซาชูเซตส์ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดผู้มีชื่อเสียง ซึ่งใช้เวลาปราศรัยยาวนานถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง ขณะที่ลินคอล์นกล่าวปราศรัยสั้นๆ เพียงสองนาที

แต่เมื่อจบคำปราศรัย เอ็ดเวิร์ด เอเวอเรตต์ ได้กล่าวกับลินคอล์นว่า “ผมคงจะดีใจ ถ้าผมได้เข้าใกล้ความคิดอันเป็นใจกลางของงานพิธีวันนี้ในสองชั่วโมง เหมือนกับที่ท่านทำในสองนาที”

สุนทรพจน์อมตะของลินคอล์นเริ่มต้นด้วยประโยคว่า “แปดสิบกับอีกเจ็ดสิบปีก่อนหน้านี้ บรรดาบิดาของพวกเราได้ให้กำเนิดแก่ชาติใหม่ในทวีปนี้ ชาติซึ่งก่อกำเนิดจากเสรีภาพและอุทิศให้แก่หลักการที่ว่า ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน”

ตลอดเวลาตั้งแต่หวนคืนสู่เวทีการเมือง จนได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี นำประเทศฟันฝ่าความทุกข์ยากลำบากจนได้ชัยชนะ ลินคอล์นยึดมั่นแน่วแน่ในหลักการนี้ และหลักการแห่งสิทธิในธรรมชาติตามคำประกาศอิสรภาพ คือ สิทธิในชีวิต สิทธิในอิสรภาพ และสิทธิในการแสวงหาความสุข

ลินคอล์นต่อสู้ด้วยความอดทน อดกลั้น ด้วยปัญญา และด้วยสติ จนในที่สุดก็ได้ชัยชนะ

ชัยชนะของลินคอล์น มิใช่เพียงแค่ชัยชนะของรัฐบาลที่มีต่อ “กบฏแยกดินแดนฝ่ายใต้” เท่านั้น แต่คือการรักษาเอกภาพของมหาชนรัฐประชาธิปไตยเอาไว้ได้ ไม่แตกสลายกลายเป็นรัฐเล็กๆ แต่กลับดำรงความเป็นรัฐขนาดใหญ่ และสามารถสร้างระบบการเมืองและเศรษฐกิจอันเข้มแข็ง กลายมาเป็นมหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ของโลก และเป็นปราการสำคัญของชาติประชาธิปไตยที่เข้มแข็งที่สุดในปัจจุบัน

ขณะที่ยุโรปในสมัยนั้นประชาธิปไตยยังล้มลุกคลุกคลาน ในฝรั่งเศส ฝ่ายเสรีนิยมถูกอัปเปหิออกไปโดยจักรพรรดินโปเลียนที่สาม ในอังกฤษพวกขุนนางก็ยังเป็นผู้มีอภิสิทธิ์จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในเยอรมนี รัฐสวัสดิการของบิสมาร์กก็ไม่เข้มแข็ง และสาธารณรัฐไวมาร์ซึ่งพัฒนาต่อมาก็มีอายุสั้นเพียงแค่ 14 ปี รัฐสภาเยอรมนีก็ผ่านกฎหมาย ทำให้ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ใช้อำนาจเผด็จการได้อย่างเต็มที่ในเวลาต่อมา

ลินคอล์นประกาศชัดเจนว่าอุดมการณ์ประชาธิปไตยนั้น “ไม่ใช่จุดหมายในตัวของมันเอง ไม่ใช่ว่าเพียงแค่ไปนับจำนวนจมูกของคนทั้งหลายแล้วจะได้คำตอบสุดท้ายสำหรับคำถามทางการเมือง”

ลินคอล์นไม่ใช่คนเคร่งศาสนา เขาเห็นว่า “หากการเมือง ศาสนา และจริยธรรม เข้ามาแต่งงานกัน อย่างมากที่สุดที่ได้คือ การแต่งงานที่น่าอนาถใจ แต่ถ้าสามอย่างนั้นหย่าขาดออกจากกัน ก็เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดยิ่งกว่า” แต่ลินคอล์นยืนยันว่า “หลักการแห่งจริยธรรมคือทั้งหมดที่ยึดโยงพวกเราไว้” เพราะ “หากถือเอาการคำนวณทางเศรษฐกิจเป็นหลักชี้นำแก่การเลือกของประชาธิปไตยแล้ว เหตุผลจูงใจจากเศรษฐกิจในเรื่องทาสก็จะชนะทุกครั้ง ในการพิฆาตระบบทาส ฝ่ายประชาธิปไตยต้องเชื่อว่ามันคือสิ่งที่ผิด ไม่ใช่เพียงแค่เพราะมันไม่สะดวกหรือไม่เป็นที่นิยมของประชาชน แต่ต้องเชื่อว่ามันผิด

ผู้ที่ยึดถือแต่หลัก “เสียงข้างมาก” โดยไม่ยอมรับหลักจริยธรรมและความถูกผิด จึงละเมิดต่อหลักประชาธิปไตยในทัศนะของลินคอล์น

ลินคอล์นเชื่อมั่นในระบบเสรีนิยม เขาเกิดและเติบโตอย่างยากจนในชนบทก้าวสู่ความสำเร็จในวิชาชีพ และเข้าสู่ชัยชนะทางการเมืองในช่วงชีวิตเดียว เขาเชื่อว่า “ไม่มีชนชั้นของแรงงานรับจ้างดำรงอยู่ตลอดกาลในหมู่พวกเรา ยี่สิบห้าปีก่อนนี้ ข้าพเจ้าเป็นแรงงานรับจ้าง แรงงานรับจ้างเมื่อวานนี้ ทำงานที่เป็นของตนเองในวันนี้ และจะจ้างคนอื่นๆ มาทำงานให้เขาในวันพรุ่งนี้” ประชาธิปไตยของลินคอล์น คือ การเปิดโอกาสให้แก่คนยากคนจนทุกคนเช่นเดียวกับเขา

วันอาทิตย์ที่ 14 เม.ย. 2408 เพื่อไม่ให้ถูกนินทาว่าเขาได้หวนกลับไปนับถือลัทธิคาลแวงของบรรพบุรุษอีก ลินคอล์นเลือกไม่ไปโบสถ์ แต่ไปดูละครหัสนาฏกรรมที่โรงละครฟอร์ดแทน และเขาถูกสังหารที่นั่น

ข่าวล่าสุด

Adobe Firefly รวมพลังโมเดลสร้างวีดีโอ สู่การใช้งาน Runway