ชาวอเมริกันส่งคืน โบราณวัตถุบ้านเชียงให้ไทย
ชาวอเมริกันส่งคืนโบราณวัตถุบ้านเชียงรวม 76 ชิ้นให้กับประเทศไทย ผ่านกระทรวงการต่างประเทศและกรมศิลปากร
โดย...สมาน สุดโต
ชาวอเมริกันส่งคืนโบราณวัตถุบ้านเชียงรวม 76 ชิ้นให้กับประเทศไทย ผ่านกระทรวงการต่างประเทศและกรมศิลปากร รับมอบเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา
เอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร รับมอบโบราณวัตถุวัฒนธรรมบ้านเชียงรวม 76 ชิ้น ที่ได้รับการบริจาคจากชาวอเมริกัน 5 คน ผ่านทางสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยมี มนัสวี ศรีโสดาพล อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นตัวแทนส่งมอบ ณ กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2556
เอนก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยภายหลังรับมอบคืนโบราณวัตถุวัฒนธรรมบ้านเชียง ว่า โบราณวัตถุดังกล่าวกรมศิลปากรจะนำไปศึกษาและขึ้นบัญชีเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน
ซึ่งโบราณวัตถุที่รับมอบในครั้งนี้ เป็นโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์วัฒนธรรมบ้านเชียง มีทั้งเครื่องปั้นดินเผา เครื่องประดับ ซึ่งมีบางชิ้น เช่น กำไลงาช้าง จะได้ทำการศึกษาอย่างละเอียดและเผยแพร่ข้อมูลให้กับประชาชนต่อไป
ด้าน มนัสวี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ชาวอเมริกันจำนวน 5 คน ที่ได้ส่งมอบโบราณวัตถุ ได้แก่ Benjamin R.Snidecor อดีตข้าราชการที่เคยปฏิบัติงานในประเทศไทย Robert Rochien ได้รับมรดกจากบิดาที่เคยปฏิบัติราชการในไทย Anitra Bascon Wirtz และ Gary Buck ได้รับมรดกจากบิดาและ Richard Douglas ได้รับมรดกจากมารดา
บ้านเชียงคือมรดกโลก
แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญแห่งหนึ่ง อยู่ที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ที่ทำให้รับรู้ถึงการดำรงชีวิตในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่า 5,000 ปี
ร่องรอยของมนุษย์ในประเทศไทยสมัยดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่มีพัฒนาการแล้วในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านความรู้ ความสามารถ หรือภูมิปัญญา อันเป็นเครื่องมือสำหรับช่วยให้ผู้คนเหล่านั้นสามารถดำรงชีวิตและสร้างสังคมวัฒนธรรมของมนุษย์ได้สืบเนื่องต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน วัฒนธรรมบ้านเชียงได้ครอบคลุมถึงแหล่งโบราณคดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกกว่าร้อยแห่ง ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีมนุษย์อยู่อาศัยหนาแน่นมาตั้งแต่หลายพันปีแล้ว ด้วยเหตุนี้เององค์การยูเนสโกของสหประชาชาติจึงได้ขึ้นบัญชีแหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียงเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2535
บ้านเชียง 3 ยุค
ศิลปะเครื่องปั้นดินเผาของบ้านเชียงนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ยุค ได้แก่
1.ภาชนะดินเผาสมัยต้น อายุ 5,600-3,000 ปี มีลายเชือกทาบ ซึ่งคาดกันว่าเป็นปอกัญชา ทั้งยังมีลายขูดขีดและมีการเขียนสีบ่า โดยพบวางคู่กับโครงกระดูก บางใบใช้บรรจุศพเด็กด้วย
2.ภาชนะดินเผาสมัยกลาง อายุ 3,000-2,300 ปี สมัยนี้เป็นสมัยที่เริ่มมีการขีดทาสีแดงแล้ว
3.ภาชนะดินเผาสมัยปลาย อายุ 2,300-1,800ปี เป็นยุคที่มีลวดลายที่สวยงามที่สุด ลวดลายพิสดาร สะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมที่สงบสุขก่อนที่จะกลายมาเป็นการเคลือบน้ำโคลนสีแดงขัดมัน
สำริดชาวบ้านเชียงโบราณนิยมทำเครื่องมือเครื่องใช้และเครื่องประดับจากสำริดในระยะแรก ก่อนที่จะได้รู้จักการใช้เหล็ก ชาวโพลีนีเซียมีหลักฐานว่านิยมใช้สำริดเช่นกัน ใช้ทำเป็นกลองมโหระทึก
พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่สำคัญที่เก็บรักษาศิลปะเครื่องปั้นดินเผาของบ้านเชียงที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้ ตั้งอยู่ที่บ้านเชียง ต.บ้านเชียง
แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของทางเข้าอยู่ในบริเวณวัดโพธิ์ศรี เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นนิทรรศการถาวรซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตามชั้นดิน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาถึงการขุดค้นทางโบราณคดีและโบราณวัตถุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาชนะดินเผาที่ฝังรวมกับศพ
ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้า เป็นอาคารที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีตตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณ รวมทั้งโบราณวัตถุและนิทรรศการบ้านเชียงที่เคยจัดแสดง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้นภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยาย ฉายภาพยนตร์ภาพนิ่ง และการให้บริการการศึกษาต่างๆ
การเดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงนั้นสะดวกมาก เนื่องจากอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเพียง 55 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 22 (อุดรธานีสกลนคร) ตรงกิโลเมตรที่ 50 ก็จะถึงปากทางเข้าบ้านปูลู จะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ทางด้านซ้ายมือ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2225 อีกประมาณ 6 กิโลเมตรก็จะถึงพิพิภัณฑ์ ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 5 บาท


