ช้างท้องอืดเชียงใหม่ล้มแล้ว
พังไพฑูรย์จากปางช้างเชียงใหม่ท้องอืดล้มแล้วเหตุกินหญ้าเนเปีย ใบแก่เข้าไปมาก
พังไพฑูรย์จากปางช้างเชียงใหม่ท้องอืดล้มแล้วเหตุกินหญ้าเนเปีย ใบแก่เข้าไปมาก
นสพ.สิทธิเดช มหาสาวังกุล หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง กล่าวว่า ช้างพังไพฑูรย์ เพศเมีย อายุ 25 ปี ช้างท่องเที่ยวจากปางช้างใน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ที่ป่วยด้วยอาการท้องอืด และท้องกางอย่างรุนแรง ได้นำมารักษาที่โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง พร้อมกับลูกช้างพังน้องพลอย อายุ 2 ปี และช้างพลายโจ๊ะ เพศผู้ และช้างพังคำน้อย เพศเมีย อายุ 26 ปี ที่ป่วยด้วยอาการเดียวกัน เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ถึงแม้ทางคณะสัตว์แพทย์ จะช่วยชีวิตอย่างเต็มที่แล้ว แต่ปรากฏว่า จากอาการดังกล่าว ที่ช้างพังไพฑูรย์กินหญ้าเนเปีย ใบแก่เข้าไปมาก จนเกินไป จนทำให้ล้มลงแล้ววันนี้ นับเป็นความสูญเสียต่อประชากรช้างไทยอย่างมาก และเสียชีวิตลง ทิ้งลูกช้างน้อยไว้
นสพ.สิทธิเดช กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางคณะสัตว์แพทย์ ได้เร่งช่วยชีวิตอยู่ตลอดเวลาและอย่างเต็มที่ ทั้งการให้ยาปฎิชีวะนะในการเร่งการขับถ่ายและช่วยย่อย การให้น้ำเกลือ โดยเจาะเข้าหลังใบหู ตลอดจนทำการสวนทวารด้วยน้ำ รวมทั้งใช้มือล้วงเข้าไปเพื่อหวังดึงกากหญ้าเนเปีย ที่กินเข้าไปเป็นจำนวนมากออก แต่ก็สามารถดึงออกมาได้เพียงเล็กน้อย โดยในการล้วงทวาร ได้ทำทุกชั่วโมง ก่อนเสียชีวิตลง แต่เนื่องด้วยอาการที่รุนแรง ประกอบกับกากหญ้าที่จุกแน่นกลางลำใส้ และมีแก็สอยู่ในท้องมากจนเกินไป จนเห็นท้องช้างกางออกมาอย่างมาก จึงทำให้ช้างพังไพฑูรย์ เสียชีวิตด้วยการคุกเขาลง ท่ามกลางสายตาของลูกช้างน้อยพังน้องพลอย ที่ยืนอยู่ใกล้ และเรียกร้องหาแม่ช้างอยู่ตลอดเวลา
“สำหรับช้างเชือกนี้ เป็นช้างเชือกแรกที่เสียชีวิตลงด้วยอาการท้องอืด และท้องกางอย่างรุนแรง ในการที่กินอาหาร จาการเลี้ยง เข้าไปมากจนเกินไป โดยเป็นการเสียชีวิตเป็นเชือกแรกในรอบ 2 ปี ซึ่งช้างที่เคยเสียชีวิตลงด้วยอาการดังกล่าว เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2554 ซึ่งในปีนั้น เสียชีวิตไป 1 เชือก กระทั่งมาถึงในปีนี้ ส่วนอาการของช้างพลายโจ๊ะ และช้างพังคำน้อย ที่มาด้วยกันกับช้างพังไพฑูรย์ และกินหญ้าเนเปียใยแก่ไปมากเหมือนกัน ถึงแม้ขณะนี้ จะอาการปลอดภัย จากการรักษา แต่ก็ต้องรอดูอาการสักระยะหนึ่ง เพราะปลอดภัยเพียงแต่ 70 % เท่านั้น ทั้งนี้ หลังจากที่ช้างเสียชีวิตลง ก็ได้แจ้งให้ทางเจ้าของช้างทราบ ก่อนที่จะประสานอาจารย์ล้านนา มาทำพิธีปัดเป่าภัยให้แก่ช้าง เป็นการทำบุญให้ช้าง ก่อนที่จะใช้รถแบ็คโฮ ยกช้างไปฝั่งไว้ที่สุสานช้าง ภายในศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง”นสพ.สิทธิเดช กล่าว
ทั้งนี้จึงขอประกาศให้ปางช้าง เจ้าของช้าง และควาญช้างในภาคเหนือ ให้นึกถึงความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย เพราะหญ้าแต่ละชนิด จะไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะหญ้าเนเปีย ที่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว จะเกิดแก่ไว เมื่อปางช้าง หรือเจ้าของช้างซื้อมา ก็นำให้ช้างกินทันที และเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่จะทำให้ประชากรของช้างไทยลดลง


