ปลอดเหล้างานศพ...คนตาย (ไม่) ขายคนเป็น
ต้นแบบงานศพปลอดเหล้าการพนัน บ้านท่าใหม่ จนกลายเป็นเกราะสร้างชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง
ต้นแบบงานศพปลอดเหล้าการพนัน บ้านท่าใหม่ จนกลายเป็นเกราะสร้างชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง
โดย...บุญนำ เกิดแก้ว
"ให้คนตาย ขายคนเป็น" คำฮิตเคยติดปากชาวบ้าน ต.จริมอ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์
อดีต "เหล้า" มักเป็นสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้เพื่อนำมาเลี้ยงขอบคุณแขกที่มาร่วมงานศพ ทำให้เกิดหนี้สินจากการจัดงานเพิ่มพูนเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม มาวันนี้งานศพของชาวบ้าน ต.จริม กลับไร้ซึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยังขยายผลไปยัง
อำเภอใกล้เคียง จนพัฒนาไปสู่นโยบาย "งานศพปลอดเหล้า" บันไดสู่ความเข้มแข็งของชุมชนที่นี่
สังวาลย์ ขันทะเสนวัย 62 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน บ้านท่าใหม่ หมู่ 13 ต.จริมเจ้าของแนวคิดงานศพปลอดเหล้าและการพนันทุกประเภท เล่าว่า ก่อนหน้านี้การจัดงานศพในหมู่บ้านมักมีการนำเหล้ามาจัดเลี้ยงแขกที่มาร่วม
งาน ขณะเดียวกันหลังจากการสวดพระอภิธรรมเสร็จแล้วก็มักจะมีการเล่นการพนันทั้งไพ่ ไฮโล เพื่อความสนุกสนานและเป็นเพื่อนคนตาย
ทำให้เจ้าภาพงานต้องสิ้นเปลืองเงินซื้อเหล้ามาเลี้ยงแขกจำนวนมากงานไหนที่มีแขกมาร่วมงานมากก็ยิ่งสิ้นเปลืองเงินมาก การเลี้ยงเหล้าเริ่มตั้งแต่พวกที่ฆ่าหมู วัว หรือควาย บางคนดื่มเหล้าเมามากนอนอยู่ข้างเขียงเมื่อฟื้นขึ้นมาก็ดื่มต่อทำให้คนส่วน
ใหญ่ในเวลานั้น มักใช้คำว่า "ให้คนตาย ขายคนเป็น"
ส่วนการเล่นการพนันเมื่อเล่นแล้วต้องมีเสีย เมื่อเสียมากๆ ก็จะเกิดการทะเลาะวิวาทชกต่อยกันในงานศพ ส่งเสียงดังสร้างความรำคาญให้กับเจ้าภาพ และบ้านใกล้เรือนเคียงจนนอนไม่หลับ นอกจากนี้ยังเป็นภาระของบรรดาพ่อครัวแม่ครัวที่ต้องคอยหาอาหาร หาเหล้ามาเลี้ยงตลอดทั้งคืน ยิ่งทำให้สิ้นเปลืองโดยไม่เกิดประโยชน์อะไรกับงานศพเลย
"แม้จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองโดยใช่เหตุ แต่ยอมรับว่าเจ้าภาพงานก็ยอมจ่ายเงินแบบไม่ให้น้อยหน้า ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เกรงว่าแขกที่มาร่วมงานจะตำหนิเอาได้ แต่กลับคิดว่า การเลี้ยงอาหาร เลี้ยงเหล้าและการปล่อยให้มีการเล่นการพนันเป็นการให้แขกที่มาร่วมงานอยู่เป็นเพื่อนญาติๆ งานศพ"
สังวาลย์ เล่าอีกว่า เจ้าภาพงานศพบางราย เงินที่ได้จากเงินฌาปนกิจหมู่บ้านมาใช้จ่ายงานศพยังไม่พอจัดงานศพ เพราะนำเงินมาซื้อหมู เหล้าเลี้ยงแขก เพราะแขกที่มาร่วมงานกินในงานยังไม่พอ ยังแอบใส่หอกลับไปกินที่บ้านอีก งานศพศพหนึ่งจะตกอยู่ที่เกือบ 1 แสนบาท ญาติบางคนที่ไม่มีเงินก็ยอมกู้หนี้ยืมสินจากคนอื่นมาจัดงานศพ เพราะกลัวจะถูกตำหนิจากชาวบ้านว่า เลี้ยงดูแขกไม่เต็มที่ หลังเสร็จงานกลายเป็นหนี้สินพะรุงพะรัง
"เมื่อ 13 ปีที่ผ่านมา หรือราวปี2539 ได้จัดงานศพให้กับแม่ คือนางนวล ขันทะเสน ต้องฆ่าหมูเลี้ยงแขกที่มาร่วมงานเช้าเย็น รวมทั้งอาหารการกินอีกหลายอย่าง รวมทั้งซื้อเหล้าเบียร์มาเลี้ยงแขกหมดเงินไปกว่า 9 หมื่นบาท แทนที่จะมีเงินเหลือจากฌาปนกิจหมู่บ้าน และแขกที่มาร่วมทำบุญไว้จัดงาน 100 วัน แต่กลับต้องลงขันกับญาติพี่น้องเพื่อจัดงาน" สังวาลย์เล่าย้อนอดีตให้ฟังที่กลายเป็นคนติดหนี้สิน
ตอนนั้นยังเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ หลังจากงานแม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเชิญคณะกรรมการหมู่บ้านมาร่วมกันหารือว่าจะทำอย่างไรงานศพจะไม่เลี้ยงเหล้า และมีการเล่นการพนันสุดท้ายคณะกรรมการหมู่บ้านก็สรุปว่า หลังจากสวดพระอภิธรรมเสร็จแล้วจะเลี้ยงเฉพาะขนมปัง หรือราดหน้า ผัดซีอิ๊ว และขนมหวานเท่านั้น
หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็เริ่มทำอย่างจริงจัง ช่วงแรกยอมรับว่ามีการต่อต้านจากชาวบ้านบ้าง โดยอ้างว่าหากไม่เลี้ยงเหล้า และไม่ให้มีการเล่นการพนันจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนญาติ แต่ไม่นานคนที่ต่อต้านก็เริ่มกลับมาเห็นด้วย เพราะเห็นได้จากการไม่เลี้ยงเหล้าทำให้ค่าใช้จ่ายงานศพลดลงกว่า 70% เมื่อไม่มีการเลี้ยงเหล้าพวกเล่นการพนันก็ไม่มี หากมีก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับแบบไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น
จากต้นแบบงานศพปลอดเหล้าการพนัน บ้านท่าใหม่ จนกลายเป็นเกราะสร้างชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งต่อมาแขกที่มาร่วมงานเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการจัดงานสิ้นเปลืองเพียงเล็กน้อยก็เริ่มแพร่ขยายไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง จนทุกวันนี้มี 13 หมู่บ้านในต.จริม ยกเว้นเพียง 2 หมู่บ้านเท่านั้นที่ยังปล่อยให้มีการเลี้ยงเหล้าและมีเล่นการพนัน เพราะผู้นำหมู่บ้านไม่มีความเข้มแข็งพอที่จะห้ามชาวบ้านไม่ให้จัดงานลักษณะดังกล่าว
ข้อดีของงานศพปลอดเหล้า การพนัน เมื่อไม่มีการเลี้ยงเหล้าและการเล่นการพนัน สิ่งที่เห็นผลปรากฏอย่างชัดเจนที่สุด คือชุมชนไม่มีเรื่องที่ต้องมาทะเลาะวิวาทกันอีก เมื่อแนวคิดนี้ได้ผล สิ่งที่จะทำต่อไป คืองานเทศกาลต่างๆ จะไม่มีการดื่มเหล้าอีก เพราะนอกจากจะทำให้ไม่สิ้นเปลืองเงินทองสุขภาพของประชาชนก็ไม่เสียแล้ว ยังเป็นการสนองนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกด้วย ซึ่งจะนำไปสู่ชุมชนเข้มแข็งอย่างแท้จริง


