พระนางเธอลักษมีลาวัณ พระมเหสีในรัชกาลที่ 6
พระนางเธอลักษมีลาวัณ มีพระนามเดิมว่า ม.จ.หญิงวรรณพิมล วรวรรณ เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปพงศ์ประพันธ์
พระนางเธอลักษมีลาวัณ มีพระนามเดิมว่า ม.จ.หญิงวรรณพิมล วรวรรณ เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปพงศ์ประพันธ์กับ ม.ล.ตาด มนตรีกุล ประสูติเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2442 มีพระนามเรียกกันในหมู่พระญาติว่า “ท่านหญิงติ๋ว”
ม.จ.หญิงวรรณพิมล สนพระทัยด้านวรรณกรรม และทรงพระนิพนธ์โคลงกลอนอยู่เสมอ เมื่อชันษา 21 ปี ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในงานประกวดภาพเขียน ณ โรงละครวังพญาไท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงชักชวนไปแสดงละครในวังหลวง และโปรดให้แสดงเป็นนางเอกในพระราชนิพนธ์หลายเรื่อง เช่น เป็นเจ้าหญิงอันโดเมดราในเรื่อง “วิวาหพระสมุท” นับเป็นสตรีท่านแรกที่ได้รับบทนางเอกในละครพูด
ด้วยเหตุที่ทรงสืบสายพระโลหิตของความเป็นศิลปินจากทั้งพระบิดา พระมารดา เนื่องจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปพงศ์ประพันธ์ พระบิดา ทรงเป็นปราชญ์ในด้านอักษรศาสตร์ ศิลปะการละคร ส่วนพระมารดาก็สืบเชื้อสายมาจากพระสัมพันธ์วงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี กวีคู่พระทัยในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่ทรงเชี่ยวชาญด้านการละคร ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้เป็นคนคิดท่ารำทำนองให้เข้ากับบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 ตลอดมา ม.จ.หญิงวรรณพิมล วรวรรณ จึงมีความสามารถอย่างสูงในด้านอักษรศาสตร์และทรงเชี่ยวชาญในด้านศิลปะการละคร อีกทั้งได้ทรงศึกษาอักษรศาสตร์ในสำนัก สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสำนักการศึกษาอักษรศาสตร์ชั้นเยี่ยมที่สุดในขณะนั้น ความสามารถของพระองค์จึงดูโดดเด่นครบถ้วนในสายพระเนตรของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อประกอบกับพระสิริโฉมที่งดงาม และพระกิริยาอัธยาศัยและน้ำพระทัยอันงดงามด้วยแล้ว พระองค์จึงเป็นที่โปรดปรานยิ่งนัก ระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงหมั้นอยู่กับพระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวีนั้น ก็ทรงมีโอกาสได้ใกล้ชิดพระน้องนางลักษมีลาวัณ ทรงพอพระทัยในอัธยาศัยอันสงบเสงี่ยม ความเฉลียวฉลาด และกิริยามารยาทอันงดงาม และความสามารถในด้านศิลปะการละคร พระน้องนางลักษมีลาวัณจึงกลายเป็นเพื่อนคุยที่สนุกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงระลึกถึงอยู่เสมอ
ภายหลังเมื่อทรงมีพระบรมราชโองการประกาศถอนหมั้น พระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวีแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งพอพระราชหฤทัยในคุณสมบัติพิเศษของพระน้องนางลักษมีลาวัณ มีพระราชหฤทัยผูกพันสนิทเสน่หาถึงขนาดตั้งพระราชหฤทัยจะอภิเษกสมรส และสถาปนาให้เป็นพระบรมราชินีต่อไปในอนาคต
ม.จ.หญิงลักษมีลาวัณ ทรงได้รับการสถาปนาเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2464 ขณะพระชันษาได้ 22 ปี และในวันที่ 8 ก.ย. 2464 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ พร้อมกับทรงหมั้น และมีพระราชวินิจฉัยว่า จะได้ทรงทำการราชาภิเษกสมรสในภายหน้า ดังพระบรมราชโองการว่า
“ศุภมัสดุ พระพุทธศักราช ๒๔๖๔ ปัจจุบันกาล สุริยคตินิยม กันยายนมาศ อัฏฐมาสาหคุณพิเศษ บริเฉทกาลกำหนด พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระดำริว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณเป็นที่พอพระราชหฤทัย ดังมีความแจ่มแจ้งอยู่ในประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๔ เมษายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๔ นั้นแล้ว บัดนี้ได้ทรงพระราชวินิจฉัยว่า จะได้ทรงทำการราชาภิเษกสมรส ณ เบื้องหน้า จึงเป็นการสมควรยกย่องพระเกียรติยศให้ยิ่งขึ้น จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สถาปนา พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านั้น มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ จงทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคลทุกประการ เทอญ”
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ ทรงรับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระนางเธอลักษมีลาวัณ เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2465 ในการนี้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปพงศ์ประพันธ์์ พระบิดาได้ทรงพระนิพนธ์กลอนเตือนว่า
แม้ลูกรักพ่อขอให้นึก
แต่รู้สึกเสงี่ยมองค์อย่าหลงเหิม
ถึงแม่ติ๋วลอยละลิ่วก็ติ๋วเดิม
เดชเฉลิมบุญเราเพราะเจ้าเอย
อย่างไรก็ตามแม้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงโปรดปรานรักใคร่สนิทเสน่หาในพระนางเธอลักษมีลาวัณเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อพระนางไม่สามารถทำให้พระองค์สมประสงค์ในองค์รัชทายาทที่จะสืบสันติวงศ์ในอนาคตได้ ในที่สุดก็ทรงตัดสินพระทัยแยกพระองค์ออกมาดำรงพระชนม์ชีพอยู่อย่างสงบ ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปพงศ์ประพันธ์ พระบิดาก็ได้ทรงพระนิพนธ์กลอนปลอบพระทัยพระธิดาว่า
ลาภยศเหมือนบทละครเล่น
สัตย์ธรรม์นั้นเป็นแก่นสาร
เมื่อเบียฬเพียรผดุงปรุงญาณ
เบิกบานกรุณาอารีย์
พ่อชราไม่ช้าจะลาสูญ
สุดนุกูลสมรักลักษมี
ฉลาดคนึงพึ่งองค์จงดี
สมศักดิ์จักรีเกษมพร
นอกจากนี้ยังได้ทรงนิพนธ์คำกลอนไว้บนพระฉายาลักษณ์ประทานพระธิดาด้วยว่า
รูปพ่อวรวรรณให้วันเกิด
อุ่นใจเถิดลูกรักลักษมี
แม้แม่ไร้ใครพนอพ่อยังมี
ร่วมชีวีเกื้อกูลผูกดวงใจ
เชิญองค์ทรงเสงี่ยมเจียมจริต
บรรโลมจิตต์เริงรมย์สมสมัย
จนชนม์ยืนชื่นชีวันประกันภัย
ทั้งช่วยให้พ่อชราปรีดาเอย
พระนางเธอลักษมีลาวัณ ทรงแยกพระองค์อยู่ตามลำพัง ณ พระตำหนักในซอยพร้อมพงศ์ริมคลองแสนแสบ ทรงใช้ชีวิตอย่างสงบ ได้ทรงพระนิพนธ์ร้อยกรองบทละครและนวนิยายไว้จำนวนมาก เช่น เรื่องยั่วรัก ชีวิตหวาม เสื่อมเสียงสาป รักที่ถูกรังแก โชคเชื่อมชีวิต เรือนใจที่ไร้ค่า ภัยรักของจันจลา โดยทรงให้นามปากกาว่าปัทมะ ส่วนที่นิพนธ์เรื่องหาเหตุหึง ปรีดาลัย ออนพาเหรด ทรงใช้นามปากกาว่า วรรณพิมล
ทรงรื้อฟื้นคณะละครปรีดาลัยสืบสานต่อจากพระบิดา โดยจัดเป็นแสดงละครเรื่อง วงดนตรีเครื่องฝรั่งวงใหญ่บรรเลง เป็นเพลงแบบโอเปราตั้งแต่ต้นจนจบ เปิดการแสดงที่ศาลาเฉลิมกรุง ศาลาเฉลิมนคร โรงมหรสพนาครเขษม นอกจากนั้นยังจัดละครการกุศล เช่น เก็บเงินให้กองทัพเรืองานฉลองรัฐธรรมนูญจนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง จึงทรงยุบเลิกคณะละครเพราะพระชนมายุเริ่มเข้าสู่วัยชรา แต่ก็ได้ทรงสร้างศิลปินและนักแสดงที่มีชื่อเสียงไว้จำนวนหนึ่ง เช่น มารุต ทัต เอกทัต และจอก ดอกจันทน์
ในวันที่ 29 ส.ค. 2504 คนสวนที่ถูกพระนางเธอลักษมีลาวัณไล่ออกไปคนหนึ่ง เห็นว่าทรงเป็นเจ้านายสตรี ทรงพระชรา และทรงอยู่ตามลำพัง กับทั้งเคยสังเกตว่าในตู้ชั้นล่างพระตำหนักลักษมีวิลาศมีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เข้าใจว่าเป็นของมีราคา ก็กลับเข้ามายังพระตำหนักลักษมีวิลาศ สี่แยกพญาไท และย่องเข้ามาทางข้างหลังใช้ชะแลงทำร้ายพระเศียรขณะประทับพรวนดินอยู่จนสิ้นพระชนม์ แล้วค้นทรัพย์สินเท่าที่หาได้หนีไป ได้ไปแต่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่ไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นเลย
ชายคนสวนผู้นั้นจำนำเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วยไม่รู้จัก เจ้าของโรงรับจำนำเห็นผิดสังเกตจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชายคนสวนผู้นั้นรับสารภาพถึงการฆาตกรรม และกล่าวว่าตนทราบแต่เพียงว่าพระนางทรงเป็นเจ้านาย ไม่คิดว่าจะทรงเป็นเจ้านายใหญ่ถึงเพียงนั้น
ครั้งนั้น พล.ต.พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ พระเชษฐาต่างพระมารดา ได้รับโทรศัพท์จาก น.ส.แน่งน้อย แย้มศิริ นิสิตจุฬาฯ เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2504 เวลา 15.30 น. ว่าตนไปกดออดและโทรศัพท์เข้าไปยังวังลักษมีวิลาศ แต่ไม่มีใครตอบหรือรับสาย อาจจะมีเหตุร้าย พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เสด็จไปยังวังลักษมีวิลาศ และทรงพบพระศพอยู่บริเวณข้างโรงรถ พระชนมายุรวม 62 ชันษา


