จัดทัพนายพลสีกากี วางขุมกำลังการเมือง
การจัดหัวขบวนนายพลตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) จนถึงผู้บัญชาการ (ผบช.)
โดย...ธนก บังผล
การจัดหัวขบวนนายพลตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) จนถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผ่านไปเรียบร้อย ตำแหน่งสำคัญล้วนไม่ผิดพลาดไปจากบัญชีที่มาจากคณะกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งหัวขบวนเหล่านี้คือขุมกำลังที่จะดูแลพื้นที่และรับผิดชอบงานสำคัญต่างๆ
ข้อสังเกตสำคัญของการแต่งตั้งนายพลตำรวจครั้งนี้ คือ เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะเพิ่งเปลี่ยนผู้รับผิดชอบจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาเป็น พล.ต.อ.ประชา เพียงไม่ถึงเดือน อีกทั้งเป็นการแต่งตั้งที่เร็วกว่าทุกปี ซึ่งปกติจะมีการพิจารณากันในช่วงเดือน ส.ค. ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่น่าไว้วางใจ
แน่นอนว่า ในจังหวะเช่นนี้ฝ่ายการเมืองย่อมต้องวางคนที่ไว้ใจในตำแหน่งหลักๆ ที่สำคัญ
หัวแถวสุดในระดับรอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง สายตรง “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ขยับจากที่ปรึกษา สบ 10 เข้าตำแหน่งหลักเป็นรอง ผบ.ตร. ส่วน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ที่ปรึกษา (สบ 10) บุตรเขย พล.ต.อ.ประชา ก็ขยับเข้าตำแหน่งหลักโดยเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ซึ่งถือว่าน่าจับตาอย่างมาก เพราะอายุราชการของ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ นั้น ยาวไกลถึงปี 2564
ที่เหลือคือ พล.ต.ท.ไตรรัตน์ อมาตยกุล รองหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ (หน.นรป.) ขึ้นเป็น หน.นรป. ติดยศ พล.ต.อ. เทียบเท่า รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ มือไม้ของ พล.ต.อ.อดุลย์ พร้อมด้วย พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี พล.ต.ท.อุดม รักศิลธรรม และ พล.ต.ท.ชนินทร์ ปรีชาหาญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ติดยศ พล.ต.อ. ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่า รอง ผบ.ตร.
ส่วนระดับ ผบช. ที่ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. รวม 11 ตำแหน่ง แต่ที่น่าจับตาคือ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.2 คุมพื้นที่ภาคตะวันออก หลานเขยคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ซึ่งการขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการช่วงชิงลำดับอาวุโส เพราะอายุราชการที่มีไปถึงปี 2561 ขณะที่ พล.ต.ท.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล จตร. ซึ่งใกล้ชิด สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ขึ้นเป็นรอง จตช. (สบ 9) เทียบเท่า ผู้ช่วย ผบ.ตร.เช่นกัน
ขณะที่ตำแหน่งสำคัญคือระดับ ผบช. ซึ่งคุมพื้นที่และงานสำคัญ โดยเฉพาะ 2 ตำแหน่งหลัก คือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ยังยึดตำแหน่งเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ นั้น แม้จะถูกผู้ตรวจการแผ่นดินสรุปผลสอบสวนส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กรณีให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีติดยศให้ แต่อายุราชการที่เหลืออีกเพียง 1 ปี กับบทบาทการกำราบม็อบต้านรัฐบาล ทำให้ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบพื้นที่นครบาลต่อไป
เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ซึ่งเหลืออายุราชการเพียง 1 ปีเช่นกัน แต่ผลงานการทำสำนวนคดีคนเสื้อแดงเสียชีวิต 98 ราย จากการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ ปี 2553 ก็ทำให้ได้ติดยศ พล.ต.ท. เป็น ผบช.ภ.4 คุมพื้นที่อีสานเหนือ
นอกจากนี้ บรรดา ผบช.คุมพื้นที่ อาทิ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 คุมพื้นที่ภาคกลาง พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 คุมพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 คุมพื้นที่ภาคตะวันตก ซึ่งมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฟากรัฐบาล ก็ยังเหนียวแน่นกับตำแหน่งเดิม
ขณะที่ พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. อดีตนายเวร พล.ต.อ.ประชา ได้ขึ้นเป็น ผบช.ภ.3 คุมอีสานใต้ พล.ต.ท.วรศักดิ์ นพสิทธิพร จตร. เพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ตร. ขยับไปเป็น ผบช.ภ.6 คุมพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ดีกรีดอกเตอร์สายสัมพันธ์แนบแน่นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น ผบช.ภ.8 ดูแลพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ฐานเสียงที่เหนียวแน่นที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วน พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.4 ได้รับแรงหนุนจาก สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ไปเป็น ผบช.ภ.2 คุมพื้นที่ภาคตะวันออกแทน พล.ต.ท.วินัย
ตำแหน่งอื่นๆ พล.ต.ท.ยงยุทธ เจริญวานิช ผบช.ภ.8 ไปเป็น ผบช.ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ดูแลจังหวัดชายแดนใต้ และ พล.ต.ท.สุชีพ หนูนาง ผบช.สำนักงานตรวจสอบภายใน เป็น ผบช.สำนักงานส่งกำลังบำรุง เพื่อดูแลโครงการจัดการสร้างสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง ที่ฉาวโฉ่ พล.ต.ต.วิศิษฐ์ เอมประณีตร์ รอง ผบช.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) ขึ้นเป็น ผบช.โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
นอกจากนี้ พล.ต.ต.อรรถชัย เกิดมงคล รอง ผบช.ตชด. สายตรง พล.ต.อ.ประชา อีกคนหนึ่ง ได้ขึ้นเลื่อนขึ้นเป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปราบปรามยาเสพติด (ปส.) ที่เคยทำงานใกล้ชิดกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. ก็ได้ขึ้นเป็น ผบช.ปส.
ไล่เรียงตำแหน่งสำคัญ ไม่น่าแปลกใจที่ล้วนเป็นผู้ที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาลในระดับที่ไว้ใจได้ ในภาวะที่สถานการณ์การเมืองไม่น่าไว้ใจ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด
แต่ถึงกระนั้น แม้รายการคุณขอมาตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการจะยังมีสัดส่วนสูง แต่ในสัดส่วนที่ยึดตามหลักอาวุโสก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ทุกคนพอใจ อย่างน้อยก็ยังไม่มีเสียงวิจารณ์ตามมา
การวางขุมกำลังสนองนโยบายการเมืองอย่างมีนัยที่ลงลึก ยังไม่หยุดแค่นี้ คงต้องติดตามการแต่งตั้งนายพลสีกากีระลอกสอง ระดับรอง ผบช. ถึงผู้บังคับการ (ผบก.) ซึ่งล้วนแต่แตกย่อยในเนื้องานและพื้นที่อีกระดับหนึ่ง รวมทั้งในช่วงปลายปีที่จะมีการแต่งตั้งระดับผู้กำกับการและสารวัตร ซึ่งจะทำให้เห็นถึงโครงการการจัดวางขุมกำลัง เพื่อหนุนเสริมและสนองนโยบายฝ่ายการเมืองอย่างชัดเจนมากขึ้น


