มจร ตั้งหลวงตาชี เป็นพระธรรมทูต สายต่างประเทศต้นแบบรูปแรกของไทย
พระพรหมบัณฑิต (ศ.ดร.พระมหาประยูร ป.ธ. 9 Ph.D) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ประกาศแต่งตั้งพระวิเทศธรรมรังษี
พระพรหมบัณฑิต (ศ.ดร.พระมหาประยูร ป.ธ. 9 Ph.D) อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ประกาศแต่งตั้งพระวิเทศธรรมรังษี (หลวงตาชี หรือพระมหาสุรศักดิ์ ชีวานนฺโท) เจ้าอาวาสวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศต้นแบบของพระธรรมทูตไทยในต่างประเทศ
การประกาศแต่งตั้งได้มีขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2556 ณ วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นวันทำบุญอายุวัฒนมงคล 88 ปี ของหลวงตาชี
พระวิเทศธรรมรังษีที่ประชาชนชาวพุทธรู้จักในนามหลวงตาชี ซึ่งท่านใช้เป็นนามปากกาในการแต่งหนังสือและเขียนบทความทางธรรม เข้ามาอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาในฐานะพระธรรมทูตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518
ท่านเป็นคนเกิดที่บ้านโพนงาม ต.บ้านค้อ อ.มุกดาหาร จ.นครพนม ปัจจุบันขึ้นอยู่กับ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร เกิดเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2468 (ตรงกับปลายรัชกาลที่ 6) บรรพชาเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2482 และอุปสมบทเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2488 ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์ศรีแก้ว บ้านคำชะอี โดยมีพระอธิการรุน เขมิโย เป็นพระอุปัชฌาย์
ร่ำเรียนนักธรรมและบาลี ได้นักธรรมชั้นเอกและเปรียญธรรม 4 ประโยค จากสำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ แล้วได้รับการนิมนต์ให้กลับไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอคำชะอี จ.นครพนม ลาออกมาเป็นพระวิปัสสนาจารย์ประจำสำนักวิเวกอาศรม จ.ชลบุรี วัดเขาแก้ว จ.นครสวรรค์ และวัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร กรุงเทพมหานคร
ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา และที่ปรึกษาสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา
ท่านมีผลงานในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศสหรัฐอเมริกามากจนไม่สามารถประเมินได้ เพราะท่านปฏิบัติงานในฐานะพระธรรมทูตมานานกว่า 38 ปีนับถึงปัจจุบัน ส่วนงานประพันธ์นั้นก็มีมาก ทั้งที่เป็นบทความทางธรรม (ซึ่งส่วนหนึ่งนำมาพิมพ์รวมเล่มในหนังสือ 88 อายุธรรมะ หลวงตาชี หนา 594 หน้า เพื่อเป็นที่ระลึกในงานทำบุญอายุวัฒนมงคล 88 ปี วันที่ 9 มิ.ย. 2556)
เวสารัชชกรณธรรมกถา
ในการแสดงธรรมเรื่องเวสารัชชกรณธรรมกถา พระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มจร ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า หลวงตาชีมีเป้าหมายพัฒนาจิตใจของประชาชน ด้วยความเชื่อในการทำงานที่มีประสิทธิภาพในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยไม่รู้สึกท้อถอย แบบตาดูดาวก้าวเดินสู่เป้าหมายโดยไม่ออกนอกทาง ซึ่งมีศีลเป็นหลักยึด
ชีวิตมีเป้าหมาย แม้จะอยู่ในที่คับขันและมีอุปสรรคก็สามารถฟันฝ่าไปได้ ทั้งนี้ท่านยกตัวอย่างเด็กหญิงชาวอเมริกันคนหนึ่งที่มีความทะเยอทะยานอยากเรียน แต่เป็นเด็กจากครอบครัวจรจัด จึงขวนขวายหาที่เรียน จนมีคุณสมบัติที่จะเข้ามหาวิทยาลัย และได้ไปเรียนถึงมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจนจบ เป็นบุคคลที่โลกยกย่องว่าเดินทางถึงเป้าหมายได้ด้วยศรัทธาและศีล พร้อมทั้งมีพาหุสัจจะและสุตะ
พร้อมกันนั้น ท่านได้สรรเสริญหลวงตาชีที่มีความกล้า เผยแผ่พระพุทธศาสนาในฐานะพระธรรมทูตในประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับแนะนำให้ไปอ่านหนังสือเรื่อง 88 อายุธรรมะ ที่รวบรวมบทความหลวงตาชีไว้ว่ามีเรื่องน่าคิดน่าติดตามตั้งแต่คนดีรัก คนชั่วชัง โดยยกพุทธศาสนสุภาษิตมาเป็นอุเทศ ซึ่งแสดงว่าท่านมีพหสุตะอย่างสูง
ชีวิตที่น่าตื่นเต้น
ชีวิตหลวงตาชีนั้นน่าสนใจมาก เช่น อายุ 30 ปี เป็นเจ้าคณะอำเภอคำชะอี 4 ปีต่อมาถูกจับข้อหาคอมมิวนิสต์ และถูกนิมนต์มาจำพรรษาที่ลาดยาว โดยข้อหาหนักๆ ทั้งนั้น ไปทำอะไรมา ท่านว่าไปสร้างถนน สร้างโรงเรียนให้ชาวบ้าน การทำงานเพื่อประชาชน กลายเป็นผู้ฝักใฝ่ลัทธิคอมมวนิสต์ จึงจับและจองจำ
ขณะที่อยู่ลาดยาวได้สอนนักโทษให้ว่านอนสอนง่าย เป็นที่ถูกใจผู้คุม และท่านไม่กลัวอะไรเมื่อถูกจองจำ เพราะท่านมั่นใจว่าท่านไม่ได้ทำผิดอะไรทั้งสิ้น
พระดี ชีวานนฺโท
ผ่านไป 4 ปี ศาลทหารยกฟ้อง พ้นคดีแล้วไปฝึกกรรมฐานที่วิเวกอาศรม จ.ชลบุรี
จากนั้นท่านเดินทางมาเทศน์โปรดญาติโยมในต่างแดน โดยมีศรัทธาและศีลเป็นหลักยึด มีปัญญาเป็นแสงสว่าง มีความสุขในฐานะผู้ให้
สรุปว่า ทุกข์ไม่ใช่ตัวปัญหา แต่เป็นสิ่งที่ต้องแก้ เป็นตัวอย่างพุทธบริษัท ดังที่ท่านได้ปฏิบัติมาถึงทุกวันนี้ พระดี ชีวานนฺโท หลวงตาชี หรือพระวิเทศธรรมรังษี พระธรรมทูตต้นแบบรูปแรกแห่งคณะสงฆ์ไทย
ชักนำฝรั่งมาบวชพระ
พระครูสิริอรรถวิเทศ (ดร.ถนัด) ซีอีโอ วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า พระวิเทศธรรมรังษี หรือหลวงตาชีนี้น เป็นพระธรรมทูตรุ่นแรกๆ เป็นผู้ก่อตั้งสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ตัวท่านเข้ามาสนองงานภายใต้การนำของหลวงตาเป็นเวลา 21 ปี ในปี พ.ศ. 2556 นี้ ตลอดเวลานั้นท่านเฝ้ามองความเจริญรุ่งเรืองของสมัชชาสงฆ์ไทยมาโดยลำดับ เห็นงานที่หลวงตาได้นำพาอยู่ตลอดเวลา 20 กว่าปี เรียกว่าท่านพูดอะไร หรือแค่เหลือบมองก็รู้ว่าท่านจะพูดหรือให้สัญญาณอะไร ที่ได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองก็ถือว่าเป็นบุญของตัวท่านพระครูเอง ได้สนองงานเป็นเลขาธิการสมัชชาสงฆ์ไทยเป็นวาระที่ 3 ขึ้นปีที่ 6
ก่อนหน้าจะได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ ได้เป็นกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยมาหลายปี เพราะฉะนั้นสามารถพูดได้ว่า งานประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาในปีนี้ประสบความสำเร็จสูงสุด เช่น พระสงฆ์ลงชื่อเข้าประชุม 259 รูปปีนี้ เทียบกับ 256 รูปปีที่แล้ว
งานประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในปีนี้มุ่งเน้นเรื่องวิปัสสนากรรมฐาน และตั้งศูนย์วิปัสสนากรรมฐานที่วัดพระมหาชนก จอร์เจีย ที่เสนอโครการสร้างวิปัสสนาวิทยาลัย เป็นของสมัชชาสงฆ์ไทย เป็นความมุ่งหวังของท่านพระวิริยธรรมวิเทศ คณะกรรมการสมัชชาสงฆ์ไทยได้เข้าไปร่วมดำเนินการเห็นความเจริญมาโดยลำดับ และยังมีโครงการวัดหทัยนเรศวร์ ของสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ที่จะตั้งเป็นศูนย์วิปัสสนาที่จอร์เจียเช่นกัน และวัดนวมินทรราชูทิศ เสนอเป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐานสาขาของ มจร และที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ปรึกษากันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ที่จะเปิดการเรียนการสอนวิปัสสนาเป็นแบบห้องเรียนในสังกัด มจร ซึ่งความจริงนั้นวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ดำเนินการมาก่อนแล้ว แต่อย่างไม่เป็นทางการ
หลวงตานั้นสอนวิปัสสนากรรมฐานแก่ลูกศิษย์ลูกหามาเรื่อย 23 คนบ้าง ที่ไปบวชเป็นพระก็มีอยู่รูปหนึ่งที่บวชมาหลายสิบพรรษา เป็นฝรั่งชื่อ ท่านญาณโสภโณ เป็นพระฝรั่งที่เขียนหนังสือวิปัสสนากรรมฐาน ที่หลวงตาสอนต่อเนื่องมาหลายสิบปี และในที่สุดตัดสินใจบวชอุทิศชีวิตในพระพุทธศาสนา หลวงตาส่งไปบวชที่เมืองไทย อันนี้ถือว่าเป็นผลผลิต แม้จะไม่มีใบประกาศนียบัตรมอบให้ แต่การที่เขาประกาศตนเองเป็นพุทธศาสนิกชนนั้น เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนานั้น นี่แหละถือว่าเป็นการสอนที่ได้ผล สามารถเอาคนในพื้นที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาได้ เป็นผู้สืบต่ออายุพระพุทธศาสนาในสหรัฐอเมริกา ถึงจะไม่มาก แต่ถ้าได้มีคุณภาพ ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จในการเผยแผ่
แต่ถ้าเผยแผ่มากๆ แล้วไม่ได้ผล ความมากที่มีแต่ปริมาณ ไม่มีคุณภาพ ก็ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมได้เหมือนกัน การมากด้วยปริมาณ ไม่มากด้วยคุณภาพ ก็ทำให้เสียหายได้
หาก มจร นำโดยอธิการบดี พระพรหมบัณฑิต ได้ประกาศให้หลวงตาเป็นพระธรรมทูตต้นแบบ คงมองเห็นและติดตามงานหลวงตาชีตลอดเวลาที่ท่านเป็นพระธรรมทูต และทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธ์และอุปถัมภ์งานต่างๆ ของ มจร มาทุกยุคทุกสมัย จนกระทั่งได้รับดุษฎีกิตติมศักดิ์บัณฑิตจาก มจร และปีนี้ได้แต่งตั้งหลวงตาเป็นพระธรรมทูตต้นแบบ นับเป็นเกียรติสูงสุด และเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อีกด้วย


