ธรรมอันเป็นที่พึ่ง
ท่านผู้อ่านที่เคารพ การที่เราจะพึ่งสิ่งใดนั้น ในทางพระพุทธศาสนาท่านให้พึ่งพระรัตนตรัย เพราะเป็นสิ่งประเสริฐสูงสุด
ท่านผู้อ่านที่เคารพ การที่เราจะพึ่งสิ่งใดนั้น ในทางพระพุทธศาสนาท่านให้พึ่งพระรัตนตรัย เพราะเป็นสิ่งประเสริฐสูงสุด การพึ่งตัวบุคคลทั่วไปนั้นพึ่งกันได้ไม่นาน สุดท้ายก็ต้องตายจากไป บางทีพึ่งปุถุชนก็อาจนำพาเราไปในสิ่งที่ผิดได้ แม้ทรัพย์สมบัติก็เป็นที่พึ่งได้ไม่ถาวร โดยเฉพาะเมื่อตายไปแล้วอะไรจะเป็นที่พึ่งของเรา ดังนั้นจึงควรพึ่งพระธรรมเอาไว้ พึ่งอย่างไรก็ด้วยการศึกษาและเพียรพยายามปฏิบัติตามด้วยความจริงใจ
หลายท่านอาจเคยได้ยินเรื่องการเอาธรรมะมาเป็นที่พึ่ง นั่นคืออย่างไร วันนี้ MQ ขอยกเอา “นาถกรณธรรม” ซึ่งมี 10 ประการ เป็นธรรมอันกระทำที่พึ่งแห่งตน ตามสังคีติสูตร ซึ่งไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นบรรพชิตหรือฆราวาส ก็สามารถและควรกระทำทั้งสิ้น พระอรรถกถาของพระสูตรนี้กล่าวไว้ชัดว่า
“พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้อย่างนี้ว่า ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงมีที่พึ่งอยู่เถิด อย่าอยู่ไม่มีที่พึ่งเลย ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 10 ประการเหล่านี้ เป็นธรรมที่กระทำที่พึ่ง”
นาถกรณธรรม 10 นั้น มีความอันละเอียดสุขุม ผู้เขียนขอสรุปมาและอธิบายเสริมโดยย่อ ดังนี้
1) ความเป็นผู้มีศีล เป็นผู้สมาทานในสิกขาบททั้งหลาย ความสำรวมในปาติโมกข์ ความถึงพร้อมด้วยมารยาทและโคจร มีปกติเห็นภัยในโทษเพียงเล็กน้อย
2) ความเป็นผู้มีธรรม คือ ทรงจำธรรมะที่ได้ฟังมา เป็นผู้ได้สดับฟังธรรมมาก เป็นพหูสูต โดยการสดับฟังมาก สะสมไว้ ทรงจำไว้ ท่องได้คล่องปาก ตามเพ่งพิจารณาด้วยใจ แทงตลอดซึ่งธรรมด้วยปัญญา
3) ความเป็นผู้มีกัลยาณมิตร คือเพื่อนดี ได้แก่ เพื่อนเป็นผู้มีคุณธรรมนั่นเอง การคบคนดีเป็นมิตรเป็นสหาย ทำกิจร่วมกับคนดี ยินดีในการคบหากับคนดี
4) ความเป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้อดทน รับอนุศาสนีโดยเคารพ คนอ่อนน้อมว่าง่าย ไม่แข็งกระด้าง ไม่มีมายา เมื่อทำผิดได้รับการตักเตือนจากบัณฑิต ก็รับฟังด้วยความเคารพ
5) ความเป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้าน ช่วยเหลือกิจการของเพื่อนสพรหมจารย์ด้วยปัญญา ช่วยเหลือขวนขวายในกิจที่เป็นประโยชน์ คือนอกจากไม่เกียจคร้านแล้วยังทำกิจเหล่านั้นด้วยปัญญา คือ ขยันและประกอบกิจด้วยความฉลาดรอบคอบ
6) ความเป็นผู้ใคร่ในธรรม เจรจาน่ารัก มีความยินดีในพระธรรม คือปิฎกทั้ง 3 ในพระไตรปิฎก ทั้งมีจิตยินดีปราโมทย์ในธรรม และการเจรจาก็ใช้ถ้อยคำน่ารัก
7) ความเป็นผู้มักน้อยสันโดษ ด้วยปัจจัยและบริขารต่างๆ ตามมีตามได้
8) ความเป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลคือ บาปและความชั่วต่างๆ และมีความเพียรเพื่อยังกุศลให้ถึงพร้อม ไม่ทอดธุระในการเจริญกุศล มีความอดทนบากบั่นในการละชั่วและทำดี
9) ความเป็นผู้มีสติและปัญญายอดเยี่ยมเป็นเครื่องรักษาตน แม้สิ่งที่ทำนานแล้ว พูดนานแล้ว ผู้มีสติมากย่อมระลึกได้
10) ความเป็นผู้มีปัญญาประกอบด้วยปัญญาที่เห็นความเกิดและความดับ ชำแรกกิเลสให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ
จะเห็นได้ว่านาถกรณกรรมนั้นมีถึง 10 ประการ การมีศีล เป็นพหูสูตในทางธรรม การคบคนดี ความเป็นผู้ว่าง่ายรับฟังคำสอนและคำตักเตือนโดยเคารพ ความขยันในกิจที่เป็นประโยชน์ของหมู่คณะ การเป็นผู้ใฝ่ในธรรมะ ซึ่งรวมอยู่ในพระไตรปิฎก เมื่อศึกษาแล้วก็ไม่ก้าวร้าวมีวาจาอ่อนหวาน การเป็นผู้สันโดษ ความเพียรในการละชั่วทำดี ความเป็นผู้มีสติคอยระวังรักษามิให้เกิดอกุศล มีปัญญาพิจารณาเจริญวิปัสสนา เห็นความเกิดขึ้นและเสื่อมไปของปรมัตถธรรมจนบรรลุมรรคผล เหล่านี้นับเป็นที่พึ่งอันพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้
ดังนั้น นาถกรณกรรมทั้ง 10 ข้อ นับว่าเป็นที่รวมของคุณความดีอันเป็นที่พึ่งของผู้ปฏิบัติตามนั่นเอง หากเราเชื่อตาม ก็ควรปฏิบัติตามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชีวิตก็จะไม่ไร้ที่พึ่งอย่างแน่นอน..


