posttoday

สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 7 กวีรัตนโกสินทร์

14 กรกฎาคม 2556

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส แม้จะทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชลำดับที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

โดย...สมาน สุดโต

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส แม้จะทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชลำดับที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ทรงเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ พระองค์แรกที่ได้รับการสถาปนาขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดในฐานะพระประมุขสงฆ์ และทรงเป็นปฐมสมเด็จพระมหาสมณเจ้าแห่งประเทศไทยอีกด้วย

สงฆ์ที่โลกยกย่องในฐานะกวี

มิใช่แต่เท่านั้น พระองค์ยังทรงเป็นกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จนกระทั่ง องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมระดับโลก ประจำปี พ.ศ. 2533 นับเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่ได้รับการถวายเกียรตินี้

บทประพันธ์ที่พระองค์ทรงนิพนธ์ ที่กล่าวถึงกันมาก คือ ปฐมสมโพธิกถา ลิลิตตะเลงพ่าย สมุทรโฆษคำฉันท์ สรรพสิทธิ์คำฉันท์ ศิลาจารึกวัดพระเชตุพนฯ กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ ลิลิตกระบวนแห่พระกฐินพยุหยาตราทางสถลมารคและชลมารคร่ายยาวเทศน์มหาชาติ 11 กัณฑ์ พระราชพงศาวดาร พระธรรมเทศนาพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา และกลอนเพลงยาวเจ้าพระ เป็นต้น ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงเชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง

ทางคณะสงฆ์ต้องบันทึกว่า เมื่อ พ.ศ. 2357 ขณะที่ผนวชได้ 3 พรรษา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งรวมถึงตำแหน่งพระราชคณะอีกตำแหน่งหนึ่ง ในวันที่ทรงเสด็จพระราชทานพระกฐินหลวง ณ วัดพระเชตุพนฯจึงทรงครองผ้าพระกฐิน และทรงครองวัดพระเชตุพนฯ ในฐานะเจ้าอาวาส ไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้หลังจากสมเด็จพระพนรัตน์เจ้าอาวาสมรณภาพ

อีก 2 ปี ต่อมา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงโปรดสถาปนาขึ้นเป็นกรมหมื่นนุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัติยวงศ์

เป็นเจ้าคณะกลาง

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รวมวัดทั้งปวงในกรุงเทพฯ และธนบุรี จำนวน 61 วัดจัดขึ้นเป็นคณะกลางอีกคณะหนึ่ง แล้วโปรดสถาปนากรมหมื่นนุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัตติยวงศ์ ให้ดำรงสมณศักดิ์เสมอเจ้าคณะรอง และทรงตั้งเป็นเจ้าคณะกลางบังคับบัญชาวัดทั้งปวงในกรุงเทพฯ จนตลอดรัชกาลที่ 3

ได้มีบันทึกว่าในช่วงต้นรัชกาลที่ 2 และที่ 3 นั้น พระบรมวงศ์ 2 พระองค์ที่ทรงผนวช ได้แก่ กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส และสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงผนวชทรงมีพระนามว่าพระวชิรญาณเถระนั้น ทรงสนิทสนมกัน และได้ปรึกษาถึงสถานการณ์หลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อจะมีการเปลี่ยนรัชกาล ว่าจะต้องหาที่ประทับที่ห่างไกลจากเมืองหลวง เพื่อให้ห่างหูห่างตา และจะไม่ถูกเบียดเบียนจากพระราชาพระองค์ต่อไปจึงตกลงกันว่าจะไปสร้างวัดเล็กๆ อยู่ชานเมืองเพื่อเป็นที่ประทับ โดยสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงสร้างวัดชิโนรสารามขึ้น ในขณะที่พระวชิรญาณ หรือรัชกาลที่ 4 ในเวลาต่อมา ทรงสร้างวัดบรมนิวาสขึ้น แต่บ้านเมืองเป็นปกติเมื่อรัชกาลที่ 3 สวรรคตพระวชิรญาณทรงลาสิกขาแล้วขึ้นครองราชย์ มีพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนุชิตชิโนรส ขึ้นเป็น กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงสมณศักดิ์เป็นพระมหาสังฆปริณายก ทั่วพระราชอาณาเขต ให้จัดตั้ง พระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษก ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

ภายหลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริว่า การเรียกพระนามพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระประมุขแห่งสังฆมณฑลแต่เดิมนั้นเรียกตามพระอิสริยยศแห่งพระบรมราชวงศ์ ไม่ได้เรียกตามสมณศักดิ์ของพระประมุขแห่งสังฆมณฑล คือ “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ” หรือที่เรียกอย่างย่อว่า “สมเด็จพระสังฆราช” พระองค์จึงเปลี่ยนคำนำพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระประมุขแห่งสังฆมณฑลว่า “สมเด็จพระมหาสมณเจ้า” เพื่อให้ปรากฏพระนามในส่วนสมณศักดิ์ด้วย ดังนั้น จึงเปลี่ยนคำนำพระนามเป็น “สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส”

พระประวัติ

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาจุ้ย (ต่อมาได้เลื่อนยศเป็นท้าวทรงกันดาล) เมื่อปี พ.ศ. 2333 มีพระนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าวาสุกรี ผนวชเป็นสามเณรเมื่อพระชนมายุได้ 12 พรรษา เมื่อปี พ.ศ. 2345 ผนวชเป็นพระภิกษุ แล้วเสด็จไปประทับ ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ทรงศึกษาหนังสือไทยและภาษาบาลีตลอดทั้งวิชาอื่นๆ จากสมเด็จพระพนรัตน์ จนมีพระปรีชาสามารถ ทั้งทางคดีโลกและคดีธรรม มีผลงานอันเป็นพระราชนิพนธ์เรื่องต่างๆ เป็นจำนวนมาก

พระอวสานกาล

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ขณะทรงรับมหาสมณุตมาภิเษก เป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น มีพระชนมายุ 61 พรรษา พระสุขภาพไม่สู้แข็งแรงนัก ทรงพระประชวรด้วยพระโรคชรา ทรงดำรงพระชนม์อยู่ในรัชกาลที่ 4 ได้เพียง 2 ปี ก็สิ้นพระชนม์เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีฉลู เบญจศก จ.ศ. 1215 ตรงกับวันที่ 9 ธ.ค. 2396 เวลา 15.00 น. สิริพระชนมายุได้ 63 พรรษา กับ 4 วัน ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน

เมื่อพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุท้องสนามหลวงแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระอัฐิไปประดิษฐานไว้ที่ตำหนักวาสุกรี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และโปรดให้มีตำแหน่งพระครูฐานานุกรมประจำสำหรับรักษาพระอัฐิ ถึงเวลาเข้าพรรษา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินถวายพุ่มสักการะพระอัฐิทุกปี และถึงวันเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระอัฐิไปประดิษฐานในพระอุโบสถ ทรงสักการบูชาแล้วทอดผ้าไตร 10 ไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์ เป็นพระราชประเพณีตลอดมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน

หลังจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส สิ้นพระชนม์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มิได้ทรงสถาปนาพระเถระรูปใดเป็นสมเด็จพระสังฆราชอีกในรัชกาลที่ 4 จึงมีสมเด็จพระสังฆราชเพียงพระองค์เดียว คือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ดังนั้น ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชจึงว่างอยู่จนตลอดรัชกาลที่ 4 เป็นเวลา 15 ปี เหตุที่ไม่ทรงสถาปนาพระเถระรูปใดในตำแหน่งที่สมเด็จพระสังฆราชนั้น คงเป็นเพราะไม่มีพระเถระรูปใดอยู่ในฐานะที่จะทรงสถาปนาตามหลักเกณฑ์ได้

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นวัดกษัตริย์สร้างเป็นพระอารามหลวง ชั้นราชวรมหาวิหาร เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 เป็นวัดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรกของไทย เป็นวัดที่เป็นสถาบันผลิต Thai Massage ที่คนทั่วโลกนิยมใช้บริการและคนไทยนำไปประกอบอาชีพทั่วโลก เป็นวัดที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ต้องมาเยี่ยมชม เพราะวัดนี้เสมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิต แสดงศิลปวัฒนธรรมไทยที่สมบูรณ์ครบเครื่องทุกประการ เป็นที่ประทับสมเด็จพระสังฆราช 2 พระองค์ นอกจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ก็มีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น) ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 17 ด้วย

ข่าวล่าสุด

ยุคทอง YouTube Podcast เดือนเดียวยอดชมบนทีวีพุ่ง 700 ล้านชั่วโมง