จูเลีย
หลายปีที่ผ่านมา มีผู้หญิงที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ รวมทั้งในประเทศไทยของเราด้วย
หลายปีที่ผ่านมา มีผู้หญิงที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ รวมทั้งในประเทศไทยของเราด้วย
แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จำนวนผู้นำหญิงในโลกนี้กลับลดลงไปหนึ่งคน เพราะที่ออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกและคนเดียวของประเทศถูกโค่นอำนาจ
ผู้หญิงคนนั้นคือ จูเลีย กิลลาร์ด เธอไม่ได้ถูกทหารปฏิวัติ ไม่ได้แพ้ฝ่ายค้านในสภา แต่แพ้คู่แข่งในพรรคการเมืองเดียวกัน คือ เควิน รัดด์ คนที่เคยถูกเธอโค่นด้วยวิธีคล้ายกันเมื่อ 3 ปีก่อน
กิลลาร์ด ไม่ได้ถูกไล่ลงจากเวทีเพราะขาดความสามารถ หรือไร้ประสิทธิภาพ ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลของเธอมีสถิติผลักดันกฎหมายผ่านสภาสำเร็จมากกว่ารัฐบาลอื่นๆ ผู้ช่วยที่เคยทำงานใกล้ชิดกับ โทนี แบลร์ และ กอร์ดอน บราวน์ ยืนยันว่าเธอเป็นผู้นำที่เข้มแข็งกว่าอดีตผู้นำชายของอังกฤษทั้ง 2 คน นอกจากนี้ยังมีคนยกย่องว่าเธอเป็น สส.ที่มีความสามารถมากที่สุดในสภา
ประวัติทางการเมืองของเธอดีเด่น ชนะเลือกตั้งและได้เป็น สส.ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1998 หลังจากนั้นอีกเพียง 3 ปีก็ได้เป็นรัฐมนตรีเงา
ปลายปี ค.ศ. 2006 ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรคแรงงาน ซึ่งตำแหน่งนี้ไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เหมือนในบ้านเรา เพราะมีคนเดียว และมีบทบาทสูง
ปีต่อมาเมื่อพรรคแรงงานชนะเลือกตั้ง รัดด์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี กิลลาร์ดก็ขึ้นเป็นรองนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ควบกับตำแหน่งรัฐมนตรีอีกหลายกระทรวง
ต้องบอกก่อนว่า ในช่วงเวลานั้นศักดิ์ศรีของกิลลาร์ด ก็ไม่ได้ด้อยกว่ารัดด์มากนัก เพราะผลโพลก่อนนั้นไม่นานพบว่ามีคนอยากเห็นกิลลาร์ดเป็นผู้นำพรรคแรงงานมากกว่าหัวหน้าพรรคในขณะนั้น และมากกว่ารัดด์เสียอีก เพียงแต่เธอปฏิเสธไม่ลงแข่ง
3 ปีต่อมา เมื่อคะแนนนิยมในรัฐบาลรัดด์ตกต่ำลง และเริ่มถูกพรรคฝ่ายค้านแซงหน้า กลุ่มผู้อาวุโสในพรรคก็สนับสนุนให้กิลลาร์ด ท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากรัดด์ แต่คืนก่อนลงคะแนน รัดด์รู้ตัวว่าแพ้แน่จึงชิงลาออก และปล่อยให้กิลลาร์ดชนะแบบไร้คู่แข่ง
ความสำเร็จทางการเมืองของกิลลาร์ด มาจากความสามารถส่วนตัวของเธอเองทั้งหมด เธอไม่ได้มาจากตระกูลร่ำรวย ไม่ได้เป็นทายาททางการเมืองของใคร และไม่มีใครปั้นเธอขึ้นมา
การที่เธอถูกโค่นลงจากอำนาจในครั้งนี้ ดูผิวเผินเป็นเพียงเรื่องคะแนนนิยมในรัฐบาลที่ตกต่ำลงมาก โดยผลโพลในระยะหลังบอกว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ พรรคแรงงานอาจสูญเสียที่นั่งในสภากว่า 30 ที่นั่ง หรือเกือบครึ่ง
จึงอาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่กลุ่มผู้เคยสนับสนุนกิลลาร์ด หลายคนหันไปเทคะแนนเสียงให้รัดด์
แต่ผู้เชี่ยวชาญการเมืองของออสเตรเลียวิเคราะห์ว่า การที่คะแนนนิยมในตัวกิลลาร์ดตกต่ำมาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดพลาดมากมาย มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่น่าสนใจมาก 2 ประการ ดังนี้
เรื่องแรก เกิดจากปัญหาคลื่นใต้น้ำภายในพรรคแรงงานตลอดอายุของรัฐบาลกิลลาร์ด หรือตั้งแต่รัดด์ถูกกิลลาร์ดโค่นเมื่อ 3 ปีก่อน
พฤติกรรมของรัดด์ ส่อเจตนาว่ายังเจ็บแค้นและยังอยากกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง แม้ปากจะปฏิเสธหลายครั้ง แต่กลุ่มผู้สนับสนุนกลับพยายามล็อบบี้แทนรัดด์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอาจทำกิจกรรมใต้ดินในการปล่อยข่าวทำลายกิลลาร์ดเมื่อมีโอกาส
ตัวรัดด์เคยพูดเปรยๆ ว่า กิลลาร์ดเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ ไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค โดยพยายามผลักดันพรรคให้เอนเอียงไปทางขวา ตลอดจนไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้พรรคชนะเลือกตั้ง
ส่วนกิลลาร์ดก็เคยตอบโต้ว่า ที่ต้องขึ้นมาเป็นผู้นำแทนรัดด์ ก็เพราะรัดด์บริหารงานไม่เป็น ทำให้เกิดความวุ่นวายทั้งภายในรัฐบาลและภายในพรรค
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นกับรัดด์เมื่อ 3 ปีก่อน เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีประเพณีมาก่อน หลายคนมองว่ารัดด์ถูกไล่ลงอย่างไม่เป็นธรรม และกิลลาร์ดเป็นนักฉวยโอกาส
การถูกโค่นอำนาจของกิลลาร์ดในครั้งนี้จึงเข้าข่าย “ดาบนี้คืนสนอง”
เรื่องที่สอง ความเป็นผู้หญิงของกิลลาร์ด มีนักวิเคราะห์หลายราย รวมทั้งกลุ่มที่ต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี ยืนยันว่าเธอเป็นเหยื่อของขบวนการทำลายล้างโดยกลุ่มที่ไม่ยอมรับผู้หญิงเป็นผู้นำ
ออสเตรเลียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ก้าวหน้าในเรื่องความเสมอภาคทางเพศ คนออสเตรเลียจำนวนมากภูมิใจที่ผู้หญิงได้สิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งก่อนอังกฤษซึ่งเป็นประเทศแม่ และประเทศต้นแบบประชาธิปไตยเสียอีก
แต่อีกด้านหนึ่ง ออสเตรเลียก็มีวัฒนธรรมเหยียดผิวและเหยียดเพศมาช้านาน โดยวิเคราะห์กันว่าอาจเป็นมรดกตกทอดมาจากสมัยที่ยังเป็นดินแดนทุรกันดาร อำนาจและความอยู่รอดขึ้นอยู่กับพละกำลัง ผู้หญิงต้องอยู่ในความปกป้องของผู้ชาย มีหน้าที่เพียงเลี้ยงลูกและทำงานบ้านเท่านั้น
ทุกวันนี้ ในวงสนทนาในหมู่ชายผิวขาว การเล่าเรื่องตลกโปกฮาเกี่ยวกับคนผิวสีและเกี่ยวกับผู้หญิงก็ยังมีอยู่ทั่วไป
ในทางเศรษฐกิจ ผู้หญิงทำงานยังมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าผู้ชายถึง 17.5% และในคณะกรรมการของบริษัทขนาดใหญ่ ยังมีกรรมการที่เป็นผู้หญิงไม่ถึง 10%
นอกจากนี้ กิลลาร์ดยังเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎกติกาของสังคม กล่าวคือ เธอไม่แต่งงาน ไม่มีลูก ไม่นับถือศาสนา และใช้ชีวิตอยู่กับแฟนหรือคู่ขาผู้ชายที่ยอมทำตัวเป็นช้างเท้าหลัง
ชีวิตส่วนตัวของเธอนอกจากจะทำให้เธอถูกล้อเลียนและถูกโจมตี แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันจำนวนมากก็ไม่ยอมรับ นอกจากนี้ ผู้หญิงหลายคนยังรู้สึกว่าเธอแข็งแกร่งเกินไป จนเหมือนไม่ใช่พวกเดียวกัน
แต่สิ่งที่ผมเห็นด้วยมากที่สุด คือ กิลลาร์ดขาดเสน่ห์ของความเป็นผู้หญิง รวมทั้งไม่พยายามใช้ความเป็นผู้หญิงให้เป็นประโยชน์
เธอไม่พยายามทำตัวให้สวยน่ารัก เครื่องแต่งกายของเธอก็ไม่ตามแฟชั่นและไม่มีสีสัน ตลอดจนเสียงพูดของเธอก็เป็นเสียงขึ้นจมูก ฟังไม่ไพเราะ
ถ้ายังคิดจะเล่นการเมืองต่อไป ควรมาเรียนรู้จากประเทศไทยเสียก่อน


