เจ้าของที่ดินตะเพิดหลวงปู่เณรคำออกจากวัด
เจ้าของที่ตั้งวัดป่าขันติธรรมเดือด ตะเพิดไล่หลวงปู่เณรคำให้ออกจากวัด หลังจากไม่ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ว่าจะสร้างวัดให้ถูกต้อง
เจ้าของที่ตั้งวัดป่าขันติธรรมเดือด ตะเพิดไล่หลวงปู่เณรคำให้ออกจากวัด หลังจากไม่ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ว่าจะสร้างวัดให้ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ คุณแม่ลอน มนัส อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดิน 15 ไร่ ที่มอบให้ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เพื่อให้ดำเนินการสร้างวัด กล่าวว่า จากกรณีที่พระรูปหนึ่งที่อ้างว่าเป็นประชาสัมพันธ์ของวัดป่าขันติธรรมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า หลวงปู่เณรคำจะไม่ยอมตั้งวัดป่าขันติธรรมให้เป็นวัดที่ถูกต้อง โดยเมื่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองเสร็จแล้วจะยุบวัดป่าขันติธรรมนั้น ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในตอนแรกที่ตนมอบที่ดินตรงจุดนั้นให้กับหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เนื่องจากต้องการให้มีการจัดสร้างวัดอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทางหลวงปู่เณรคำเอง ก็ตกลงที่จะดำเนินการตามที่ตนต้องการ จนกระทั่งระยะเวลาผ่านไปนานร่วม 10 ปี ก็ยังไม่มีการดำเนินการสร้างวัดแต่อย่างใด มีเพียงแค่การยื่นเรื่องเสนอกับทางกรมการศาสนา เพื่อขอสร้างวัด เพื่อขอใบอนุญาตตั้งวัด จนกระทั่งใบอนุญาตได้หมดอายุ ตามกำหนดเวลา 5 ปี ก็ยังไม่สามารถดำเนินการสร้างวัดได้สำเร็จ ตนได้ไปสอบถามข้อเท็จจริงกับทางหลวงปู่เณรคำอีกครั้ง แต่กลับได้คำตอบว่า จะไม่มีการสร้างวัด แต่จะสร้างเป็นวิหารหลวง โดยหลวงปู่เณรคำ แจ้งว่า หากสร้างเป็นวัดขึ้นมา ก็จะต้องมีการตรวจสอบรายได้เงินบริจาคต่างๆ จากสำนักงานพระพุทธศาสนาและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
คุณแม่ลอน กล่าวต่อไปว่า จุดมุ่งหมายของตนตั้งแต่แรกในการมอบที่ดินให้กับหลวงปู่เณรคำ นั้น เนื่องจากหลวงปู่เณรคำถูกชาวบ้านชุมนุมขับไล่ให้ออกไปจากป่าช้าของชาวบ้าน ทำให้ต้องหาที่อยู่ใหม่ ตนจึงได้มอบที่ดินของตน 15 ไร่ ให้สร้างวัด ตนต้องการที่จะทำบุญโดยการสร้างวัดที่สมบูรณ์แบบ เพราะตนก็มีอายุ 68 ปี แล้ว แต่หลวงปู่เณรคำไม่ทำตามสัญญา ตนจึงจะดำเนินการสร้างวัดเอง ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่เริ่มแรก โดยจะไม่ให้หลวงปู่เณรคำ และพระสงฆ์บางรูปอยู่ในวัดนี้ด้วย ซึ่งในช่วงแรกที่ตนรู้จักกับหลวงปู่เณรคำ ท่านเป็นพระที่ดีมาก ไม่มีเรื่องราวเสียหาย จนกระทั่งผ่านมา 2 – 3 ปี ให้หลัง พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป โดยไม่ยอมมาจำพรรษาที่วัด แต่จะกลับมาวัดเฉพาะช่วงที่มีการจัดงานที่วัดเท่านั้น ซึ่งหลังจากเสร็จงาน หลวงปู่เณรคำก็จะนำเอาเงินไปด้วย และเดินทางไปทำกิจนิมนต์ต่อ แต่ตนก็ไม่ทราบว่า หลวงปู่เณรคำรับกิจนิมนต์ที่ใดบ้าง ซึ่งในจุดนี้ทำให้ตนคิดว่า หากหลวงปู่เณรคำ มีกิจนิมนต์มาก ก็ไม่จำเป็น ต้องเข้ามาอยู่ที่วัดแห่งนี้ได้ ส่วนจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน ที่จะเลือกทางเดินเอง
คุณแม่ลอน กล่าวต่อไปว่า การที่มีข่าวความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำ ได้ส่งผลกระทบกับจิตใจตนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะชาวบ้านในหมู่บ้านที่ต่อต้านหลวงปู่เณรคำมาโดยตลอด และได้มีการต่อต้านหลวงปู่เณรคำมากกว่าเดิม ชาวบ้านต่างพากันสมน้ำหน้า ในการตัดสินใจของตนกับพวก ที่มอบที่ดินให้หลวงปู่เณรคำ เพื่อสร้างวัด แต่กลับไม่ได้เป็นวัด อย่างที่ใจตนต้องการไว้ ซึ่งก็ไม่เป็นไรหลวงปู่เณรคำทำตัวของท่านเอง อีกทั้งท่านไม่ได้อยู่สังกัดใด พระผู้ใหญ่ก็ปกป้องไม่ได้ และหลังจากที่ข่าวคราวของหลวงปู่เณรคำเงียบไปแล้ว ตนก็จะเอาที่ดินที่ตั้งสำนักสงฆ์ขันติธรรมคืนมาเพื่อไปขออนุญาตสร้างเป็นวัดที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบ และจะตั้งชื่อวัดใหม่อย่างที่ตนและชาวบ้านทุกคนต้องการ และพระแก้วมรกตจำลอง ก็จะยังประดิษฐานที่แห่งนี้ เพื่อให้พุทธศาสนิกชน กราบไหว้บูชาต่อไป ส่วนหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโกกับ พระสงฆ์บางรูป โดยเฉพาะพระกฤต นั้น ตนจะไม่ให้อยู่ที่วัดแห่งนี้และไม่ให้เข้ามาบริหารวัดอีกต่อไป เพราะไม่อยากให้เสื่อมเสียไปมากกว่านี้