posttoday

ชีวประวัติ (ย่อ) หลวงปู่คูณ สุเมโธ

09 มิถุนายน 2556

หมายเหตุ : เนื้อหาต่อไปนี้เป็นชีวประวัติ (ย่อ) พระครูวิมลภาวนาคุณ หรือ หลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง บ้านภูทอง ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเขียนโดย คุณ “เอ” ผู้เป็นศิษย์ของท่านซึ่งมีเจตนาที่จะ “บันทึกเก็บไว้เผื่อแผ่ลูกศิษย์ลูกหาทุกๆ ท่านให้ได้รำลึกถึงและน้อมนำปฏิปทาท่านมาปฏิบัติกัน” คาบใบลานผ่านลานพระจึงขอนำเผยแผ่เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้เขียน โดยมีรายละเอียดดังนี้

หมายเหตุ : เนื้อหาต่อไปนี้เป็นชีวประวัติ (ย่อ) พระครูวิมลภาวนาคุณ หรือ หลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง บ้านภูทอง ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเขียนโดย คุณ “เอ” ผู้เป็นศิษย์ของท่านซึ่งมีเจตนาที่จะ “บันทึกเก็บไว้เผื่อแผ่ลูกศิษย์ลูกหาทุกๆ ท่านให้ได้รำลึกถึงและน้อมนำปฏิปทาท่านมาปฏิบัติกัน” คาบใบลานผ่านลานพระจึงขอนำเผยแผ่เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้เขียน โดยมีรายละเอียดดังนี้

๏ จิตเสื่อม จิตตก ณ บ้านหนองยาง

พอดีปี พ.ศ. 2517 หลวงตาพวง สุขินฺทฺริโย (พระพี่ชายหลวงตาสรวง สิริปุญฺโญ) ได้สร้างวัดใหม่ขึ้นมา คือวัดพระพุทธบาทบ้านหนองยาง อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร ท่านจึงขอให้พระอาจารย์คูณไปอยู่พำนักภาวนาในพรรษา เพิ่นว่าที่นั่นสงบ เหมาะสำหรับแก่ผู้ชอบภาวนา ซึ่งในพรรษานี้พระอาจารย์คูณ ได้เพื่อนสหธรรมิกอยู่ร่วมปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อเมือง พลวฑฺโฒ (แห่งวัดป่ามัชฌิมาวาส จ.กาฬสินธุ์) ณ ที่วัดพระพุทธบาทบ้านหนองยางนี้

พระอาจารย์คูณ เล่าว่า ได้มีหญิงสาวนางหนึ่งมาชอบเฮา ในช่วงที่เฮาจิตตก ก็เกิดมีความรู้สึกว่าตัวเองก็ชอบ เห็นผู้สาวนางนั้นงดงาม จิตเกิดอาการร้อนขึ้นมาเป็นอันมาก แต่ก็ไม่อยากสึก ท่านได้พิจารณาตามครูบาอาจารย์ที่เคยสั่งสอนมาว่าการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารมันทำให้เกิดทุกข์ พอออกพรรษาจึงออกวิเวกไปอยู่ที่อื่น หญิงสาวนางนั้นก็เสียใจร้องห่มร้องไห้ตามท่านใหญ่ มานิมนต์อ้อนวอนอยู่อย่างนั้น พระอาจารย์คูณ เล่าว่า “ไม่ได้ กูไม่ห่วงมึงหรอก กูตัดใจกู”

จากนั้นท่านก็กลับไปหาหลวงปู่สอ พนฺธุโล ที่วัดป่าหนองแสง หลวงปู่สอได้อบรมสั่งสอนอยู่ แต่อาการเร่าร้อนในจิตของท่านก็ยังไม่จืดจางไป จากนั้นพระอาจารย์คูณจึงได้ติดตามมาหาท่านพระอาจารย์ทองดี วรธมฺโม และได้อยู่อบรมซักระยะหนึ่ง พระอาจารย์คูณท่านกราบเรียนท่านพระอาจารย์ทองดีให้พาไปกราบครูบาอาจารย์ว่า “ไม่ไหวหรอกหากเป็นอย่างนี้ ผมจะลาเข้าไปหาครูบาอาจารย์ จะเข้าไปหาหลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมธโร หากหลวงปู่สิงห์ทอง แก้ให้ไม่ได้ก็จะกลับไปหาหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ช่วยแก้จิตให้” ท่านพระอาจารย์ทองดี ท่านว่า “บ๊ะ ถ้ามันจะตายจริงๆ ก็จะพาไป”

๏ หลวงพ่อสิงห์ทอง ธมฺมวโร หยั่งรู้วาระจิต

เมื่อท่านพระอาจารย์ทองดี ธมฺมวโร พาพระอาจารย์คูณมาถึงวัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ช่วงนั้นหลวงพ่อสิงห์ทอง ธมฺมวโร กำลังกวาดใบไม้อยู่ เพิ่นบอกกับพระอาจารย์คูณให้ไปสรงน้ำเสียก่อน เวลา 2 ทุ่ม พระอาจารย์คูณไปรอหลวงพ่อสิงห์ทองเดินจงกรมเสร็จ จึงเข้าไปกราบถวายตัวให้พ่อแม่ครูอาจารย์ช่วยอบรมสั่งสอน หลวงพ่อสิงห์ทองก็เริ่มเทศน์สั่งสอนเรื่องภายในที่พระอาจารย์คูณติดขัดอยู่ในขณะนั้นทันทีว่า “เขาบวช เขาก็มาบวชหามรรคผลนิพพาน จะมาบวชหาเมียอย่างไร”

หลวงพ่อสิงห์ทองท่านเทศน์ดุดันกล่าวทักวาระจิตที่รุ่มร้อน ชี้ชัดโดนใจอย่างยิ่ง เสมือนมีนายพรานผู้มีฝีมือฉมังยิงธนู ลูกศรได้พุ่งมาสู่กลางใจของเป้าหมายอย่างไม่ผิดพลาด

ครั้นถึงฤดูเข้าพรรษา พระอาจารย์คูณ สุเมโธ จึงได้อธิษฐานเข้าจำพรรษาร่วมกับหลวงพ่อสิงห์ทอง ธมฺมวโร ณ วัดป่าแก้วชุมพล ต.ค้อใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ครั้นได้รับฟังธรรมอุบายแก้กิเลสของหลวงพ่อสิงห์ทองแล้ว พระอาจารย์คูณก็เร่งความเพียรอย่างหนักหน่วง เนื่องจากพรรษาที่ผ่านมาที่บ้านหนองยาง การทำความพากความเพียรของท่านเองได้ลดหย่อนลงไปมาก

๏ ปฏิปทาหลวงพ่อสิงห์ทอง ธมฺมวโร ด้านข้อวัตรปฏิบัติ

ปฏิปทาด้านข้อวัตรปฏิบัติของหลวงพ่อสิงห์ทองนั้น จะปฏิบัติตนให้ลูกศิษย์ดูเป็นตัวอย่างเสมอ อาทิ การรักษาศีลโดยเคร่งครัด ท่านจะเทศนาอบรมและควบคุมปฏิปทาด้านการรักษาศีลของลูกศิษย์ของท่านอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งดุด่าว่ากล่าวเมื่อลูกศิษย์ผิดพลาดด้านศีล เพราะการที่ลูกศิษย์จะก้าวหน้าทางด้านสมาธิภาวนานั้น ต้องมีพื้นฐานทางด้านศีลเป็นที่รองรับ ส่วนการทำความพากเพียรเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนานั้น ท่านจะปฏิบัติให้ลูกศิษย์ได้เห็นอย่างสม่ำเสมอทุกวัน

คือ ตอนเช้าท่านจะเดินจงกรมก่อนออกบิณฑบาต ฉันจังหันเสร็จท่านจะพักประมาณเที่ยง แล้วจะลงเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิภาวนาต่อ ครั้นถึงเวลาปัดกวาดลานวัด ท่านจะไม่ยอมขาดถ้าไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ ตอนพลบค่ำเวลา 56 โมงเย็น ท่านจะเดินจงกรมเป็นประจำทุกวัน โดยจะขึ้นจากทางเดินจงกรมประมาณ 2 ทุ่มของทุกวัน บางครั้งท่านไปธุระทางไกลมา พระเณรไปจับเส้นถวาย พอจับเส้นเสร็จแล้วแทนที่ท่านจะพักผ่อน ท่านกลับลงเดินจงกรมอีก

นอกจากนั้น หลวงพ่อสิงห์ทองท่านจะเดินสำรวจดูการปฏิบัติ การทำความพากเพียรของพระเณร โดยบางครั้งท่านเดินไปมืดๆ ไม่ใช้ไฟฉาย และออกตรวจไม่เป็นเวลาที่แน่นอน ท่านพยายามขนาบพระเณรให้เร่งทำความเพียร พร้อมกับเทศนาอบรมสั่งสอนอยู่เสมอๆ

หลวงพ่อสิงห์ทองท่านคอยตรวจตราดูแลข้อบกพร่องต่างๆ ของพระเณรและตักเตือนว่ากล่าวอยู่เสมอ ท่านห้ามพระเณรไปคุยกับตามกุฏิ ฉันน้ำร้อนห้ามคุยกันเสียงดังหรือใช้เวลานานเกินควร รู้จักใช้ของอย่างประหยัด เช่น สบู่ ใช้สบู่แล้วให้เก็บไว้ในกล่องให้เรียบร้อย จะทิ้งตากแดดตากฝนไว้ไม่ได้ ถ้าใครทำความเพียรดี ท่านมักจะชมเชยให้กำลังใจในด้านปฏิบัติแก่ผู้นั้น

๏ การปฏิบัติเร่งความเพียรอย่างอุกฤษฏ์

พระอาจารย์คูณ สุเมโธ เมื่อท่านพำนักปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงพ่อสิงห์ทอง ธมฺมวโร แล้ว ท่านก็อธิษฐานจิตถือเนสัชชิกอยู่ในอิริยาบถ 3 คือ ยืน เดิน นั่ง ไม่ยอมนอนตลอดพรรษา 3 เดือน เร่งความเพียรบำเพ็ญภาวนาโดยการนั่งสมาธิสลับเดินจงกรม โดยอธิษฐานจิตไม่ยอมนอนทั้งกลางวันกลางคืน อดนอนผ่อนอาหาร เพื่อให้มีสติทำความเพียรอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเวลาจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนท่านก็ไม่ยอมลดละให้ขาดวรรคขาดตอน บางครั้งก็ไปทำความเพียรภาวนา ทรมานจิตด้วยการไปเดินจงกรมในป่าช้า จนถึงรุ่งสว่างก็มี

วันเวลาผ่านไป วันแล้ววันเล่า เข้าสู่พรรษาที่ 2 และ 3 ที่ท่านพำนักอยู่ปฏิบัติธรรมในสำนักของหลวงพ่อสิงห์ทอง พระอาจารย์คูณท่านก็ยังปฏิบัติเร่งความเพียรอย่างอุกฤษฏ์ตลอด ท่านได้เล่าถึงการบำเพ็ญเพียรทางจิตว่า “นั่งภาวนาต่อสู้กับเวทนาอยู่อย่างนั้น มันเป็นอย่างไร ถึงจะไม่เห็นทุกข์ ทุกข์มันปรากฏให้เห็นอยู่นี่ ดูซิ พิจารณาดูซิ นั่งสมาธิท่าเดียวตลอด ทำวัตรเดินจงกรมได้นิดหน่อย แล้วจึงเข้านั่งสมาธิ บำเพ็ญนั่งสมาธิภาวนาอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่หัวค่ำจนสว่าง เราผ่านเวทนาได้ในครั้งนี้เอง”

ในความรู้สึกก่อนที่จะผ่านเวทนาได้เหมือนรู้สึกว่าขามันจะขาดออกจากกัน “มึงขาดก็ขาดออกไปวะ มันไม่ใช่ขาของเจ้าของหรอก พิจารณาทั้งกาย จนจิตมีความรู้สึกว่าตัวเองตายไปแล้ว จะผ่านเวทนาจนมาได้พระธรรมผุดขึ้นในใจ ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะ ธัมมันติ สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา เราได้ปัญญาในใจตนเองว่า ไม่ว่าสุขก็ดี ไม่ว่าทุกข์ก็ดี หากมันเกิดขึ้น มีทุกข์ก็ต้องมีดับ เวทนาก็เช่นกัน ความทุกข์มากๆ มันมีเกิดขึ้น มันก็มีดับของมันเอง”

ในช่วงที่อยู่ร่วมสำนักกับหลวงพ่อสิงห์ทอง ในพรรษาที่ 3 อาการจิตตกไม่กำเริบอีกต่อไป อารมณ์ต่างๆ เข้ามาก็พิจารณา นิมิตต่างๆ เกิดขึ้นก็ไม่สนใจ จิตสงบปลอดโปร่งโล่งสบาย ทำให้พระอาจารย์คูณท่านก้าวหน้าพิจารณาได้หมดจด พิจารณาจิตขาดจากกาย จนได้พระธรรมขึ้มมาจากใจ ไม่หวั่นเกรงใดๆ ตลอดสามโลกธาตุ ไม่มีความสงสัย ขาดสะบั้นจากจิต หายจากอาการเร่าร้อนได้ดับสนิทลงเหมือนถ่านไฟมอดลง และสลายหายไป ณ วัดป่าแก้วชุมพล ในพรรษาที่ 12 ตรงกับปี พ.ศ. 2520

“ท่านพระอาจารย์คูณ จึงมักพูดเสมอว่า เรามาได้ธรรมกับท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง”

หลังจากนั้นพระอาจารย์คูณได้อยู่ร่วมสำนักวัดป่าแก้วชุมพล ต่อไปอีก 2 พรรษา รวมระยะนานถึง 5 พรรษา จากนั้นพระอาจารย์คูณจึงกราบลาขอหลวงพ่อสิงห์ทอง ออกไปธุดงค์โดยมีคณะผู้ร่วมเดินทางคือ พระอาจารย์สอน ชีวสุทฺโธ และ พระอาจารย์จวน โชติธมฺโม จุดหมายปลายทางต่อไปคือเดินทางไป จ.มุกดาหาร ได้เข้าไปกราบฟังธรรมอยู่กับหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

เมื่อพำนักอยู่ที่ภูจ้อก้อได้พอสมควรแล้ว จึงกราบลาหลวงปู่หล้า เนื่องจากพระอาจารย์จวน โชติธมฺโม ท่านมีอายุมากแล้ว และชอบในธรรมคำสอนของหลวงปู่หล้า จึงได้ขออยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ต่อ หลวงปู่หล้าท่านว่า “ไปก็ไป ผู้จะอยู่ก็อยู่”

พระอาจารย์คูณและพระอาจารย์สอน เมื่อลงจากภูจ้อก้อแล้วจึงออกวิเวกต่อไปทางภูเขาแผงม้า ภูผักกูด อันเป็นสถานที่หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต เคยมาบำเพ็ญสมณธรรม

พระอาจารย์คูณจึงใช้สถานที่แห่งนี้นั่งภาวนา ทำความพากเพียรอย่างดูดดื่มในธรรม แต่ทว่าอากาศในช่วงฤดูนั้นร้อนเอามากๆ ท่านทั้งสองจึงชวนกันธุดงค์ขึ้นไปทางภาคเหนือ พอท่านทั้งสองเดินลงจากภูเขาแผงม้าภูผักกูด ก็มีศรัทธาญาติโยมถวายปัจจัยเป็นตั๋วแลกเงินจ่ายค่ารถ ท่านทั้งสองจึงเดินทางจาก อ.คำชะอีอ.หนองสูง ไปยัง จ.กาฬสินธุ์ และขอนแก่นตามลำดับ

๏ ออกเที่ยวธุดงค์ภาคเหนือ

พอรุ่งเช้าพระอาจารย์คูณ สุเมโธ และพระอาจารย์สอน ชีวสุทฺโธ นั่งรถโดยสารจากขอนแก่นไป จ.ลำปาง ซึ่งตรงกับช่วงปี พ.ศ. 2522 ท่านเล่าว่า “ช่วงที่เดินทางด้วยรถโดยสาร ท่านทั้งสองต้องยืนกันตลอด ไม่มีที่ว่างให้นั่งใครมาก่อนก็ได้นั่งก่อน ไม่มีโยมลุกให้ท่านนั่งเลย แต่พอช่วงรถจอดให้ผู้โดยสารพักกินข้าวเย็น ท่านทั้งสองก็ไม่ต้องลง จึงได้นั่งยาวตลอดทางเลย”

เมื่อหลวงปู่คูณท่านเล่าอดีตมาถึงตรงนี้ ท่านก็หัวเราะเสียง “ฮึ ฮึ” พร้อมรอยยิ้มอย่างเมตตา

เมื่อมาถึง จ.ลำปาง ท่านทั้งสองก็เข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระอาจารย์สอน ชีวสุทฺโธ ได้อยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่หลวงเป็นเวลาครึ่งเดือนจึงกราบลา เพื่อธุดงค์ขึ้นไปทาง จ.เชียงราย ต่อ

ข่าวล่าสุด

ยึดไม้เถื่อน! นายทุนจีน พบ ลักลอบตัดจากเขตอุทยาน มูลค่ารวม 300 ล้าน