posttoday

ชีวประวัติ (ย่อ) หลวงปู่คูณ สุเมโธ

02 มิถุนายน 2556

เนื้อหาต่อไปนี้เป็น ชีวประวัติ (ย่อ) พระครูวิมลภาวนาคุณ หรือหลวงปู่คูณ สุเมโธ

หมายเหตุ : เนื้อหาต่อไปนี้เป็น ชีวประวัติ (ย่อ) พระครูวิมลภาวนาคุณ หรือหลวงปู่คูณ สุเมโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าภูทอง บ้านภูทอง ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเขียนโดย คุณ “เอ” ผู้เป็นศิษย์ของท่าน ซึ่งมีเจตนาที่จะ “บันทึกเก็บไว้เผื่อแผ่ลูกศิษย์ลูกหาทุกๆ ท่านให้ได้รำลึกถึงและน้อมนำปฏิปทาท่านมาปฏิบัติกัน” คาบใบลานผ่านลานพระจึงขอนำเผยแผ่เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้เขียน โดยมีรายละเอียดดังนี้

‘ยโสธารา...แผ่นดินแม่ที่ให้กำเนิดพระอริยสงฆ์’

“ยโสธร” นับเป็นแผ่นดินที่ถือกำเนิดพระสุปฏิปันโนอีกแห่งหนึ่ง ที่มีพ่อแม่ครูอาจารย์อันมีข้อวัตรปฏิปทาและศีลวัตรอันงดงาม ท่านทั้งหลายล้วนมีชาติกำเนิดอยู่ในถิ่นยโสธร ถิ่นที่ผมขอเรียกว่า “ยโสธารา แผ่นดินแม่ที่ให้กำเนิดพระอริยสงฆ์” พระเถรานุเถระที่ถือกำเนิดในถิ่นนี้ ได้แก่ หลวงปู่ผั่น ปาเรสโก วัดป่าหนองไคร้ จ.ยโสธร หลวงปู่สิงห์ทอง ธมฺมวโร วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร หลวงปู่ประสาร สุมโน วัดป่าหนองไคร้ จ.ยโสธร หลวงปู่บุญมี ปริปุณฺโณ วัดป่านาคูณ จ.อุดรธานี หลวงปู่เพียร วิริโย วัดป่าหนองกอง จ.อุดรธานี หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู หลวงปู่พวง สุขินฺทริโย วัดศรีธรรมาราม จ.ยโสธร หลวงปู่สรวง สิริปุญฺโญ วัดศรีฐานใน จ.ยโสธร หลวงปู่สอ พนฺธุโล วัดป่าหนองแสง จ.ยโสธร หลวงปู่กูด รกฺขิตสีโล วัดป่าศิลาอาสน์ จ.ยโสธร หลวงปู่จวน โชติธมฺโม วัดนิคมวนาราม จ.ยโสธร หลวงปู่ทองดี วรธมฺโม วัดนิคมวนาราม จ.ยโสธร หลวงปู่อุทัย สิริธโร วัดป่าเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน จ.นครราชสีมา หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธมฺโม วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร หลวงปู่ทองสี กตปุญฺโญ วัดป่าสุทธิมงคล จ.ยโสธร และหลวงพ่อคูณ สุเมโธ วัดป่าภูทอง จ.อุดรธานี

ชาติกำเนิด และบุพกรรม

พระครูวิมลภาวนาคุณ หรือหลวงปู่คูณ สุเมโธ กำเนิดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2486 ในสกุล “ชูรัตน์” เป็นบุตรของพ่อบุญธรรม ชูรัตน์ และแม่จันทร์ ชูรัตน์ ณ บ้านหนองแสง ต.สิงห์ อ.เมือง จ.ยโสธร (หมู่บ้านเดียวกับวัดป่าหนองแสงของหลวงปู่สอ พนฺธุโล) ครอบครัวของท่านมีอาชีพทำไร่ทำนา เมื่อท่านอายุได้ขวบเศษๆ ญาติของท่านได้อุ้มไปเดินเล่นบริเวณทุ่งนา และได้ร้องเรียกลูกวัวเล่นๆ ว่า “แบ๊ แบ๊ แบ๊ แบ๊” เป็นเชิงล้อเล่นกับวัว ทันใดนั้นลูกวัวก็กระโจนพุ่งเข้ามาชนญาติซึ่งขณะนั้นกำลังอุ้มท่านอยู่ ลูกวัวได้ขวิดเด็กชายคูณบริเวณศีรษะเหวอะหวะ จนเกิดแผลเป็นด้านข้างศีรษะด้านขวามาจนถึงปัจจุบัน

หลวงปู่คูณ ท่านเล่าว่า ท่านได้กำหนดสมาธิดูถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม ในอดีตชาติท่านเองเคยเกิดเป็นผู้ใหญ่บ้าน วันหนึ่งมีโจรมาขโมยวัว ท่านจับโจรคนนั้นได้ แต่โจรดื้อดึงพยายามจะหนี ท่านจึงเอาด้ามปืนทุบไปที่หัวโจรจนหัวแตก ด้วยวิบากแห่งกรรมโจรนั้นได้มาเกิดเป็นลูกวัวในชาติปัจจุบัน ได้ผูกอาฆาตท่านไว้ ด้วยแรงพยาบาทเมื่อเห็นท่านด้วยสัญญาหมายรู้ แม้เป็นเด็กน้อยแต่ยังจำได้ จึงต้องมาชดใช้กันในชาตินี้

ท่านเองมีน้องชายอีกคนชื่อ อุดม ชูรัตน์ เมื่ออายุได้ 6 ขวบ นางจันทร์มารดาท่านก็ได้เสียชีวิตลง ชีวิตในวัยเด็ก 2 พี่น้องช่วยบิดาทำไร่ไถนา ท่านจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ณ โรงเรียนบ้านหนองแสง ครั้นเมื่อเติบใหญ่ท่านก็ไปปักษ์ใต้รับจ้างขนหินขึ้นรถบรรทุกไปโรงโม่หิน ทำงานได้ 3 ปีจึงเดินทางกลับมาบ้าน ญาติๆ ได้ขอร้องให้ท่านบวช

บรรพชาอุปสมบท

เมื่ออายุได้ 23 ปี ท่านได้บรรพชาอุปสมบท ณ พระอุโบสถวัดศรีธรรมาราม อ.เมือง จ.ยโสธร ตรงกับเดือน ม.ค. 2509 โดยมี พระครูทัศนประกาศ (หลวงปู่คำบุ จนฺทสิริ) เจ้าอาวาสวัดป่าสำราญนิเวศ จ.อำนาจเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านพระอาจารย์จำปี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านพระมหาวิสุทธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุเมโธ” แปลว่า “ผู้มีปัญญาดี ผู้มีความรู้ดี

จากนั้นจึงไปศึกษาข้อวัตรปฏิบัติธรรมอยู่ ณ วัดป่าหนองแสง ต.สิงห์ อ.เมือง จ.ยโสธร ได้ 6 เดือน ช่วงนั้นหลวงปู่สอ พนฺธุโล ได้แวะมาที่บ้านเกิด คือ บ้านหนองแสง และได้ชักชวนให้พระอาจารย์คูณออกเที่ยววิเวกด้วยกัน ในครั้งนั้นมีพระติดตามด้วยกัน 7 รูป ออกวิเวกพำนักอยู่วัดป่าอรัญญิกาวาส อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มีหลวงปู่สอ พนฺธุโล เป็นผู้นำอบรมสั่งสอนการภาวนา และได้พาท่านไปฟังธรรมภาคปฏิบัติกับหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อยู่ 1 อาทิตย์ หลวงปู่ขาวท่านเน้นสอบอบรมด้านจิตใจ

นิมิตหลวงตามหาบัว มาสั่งสอนให้เร่งความเพียร

หลังจากได้ฟังธรรมกับหลวงปู่ขาว อนาลโย แล้ว หลวงปู่สอได้พาพระอาจารย์คูณ สุเมโธ ไปกราบรับฟังโอวาทธรรมจากหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ที่วัดป่าบ้านตาด หลวงตามหาบัวท่านเน้นหนักในการภาวนารักษาจิตรักษาใจ เพียรฝึกจิตฝึกใจในทุกอิริยาบถ ให้เร่งทำความเพียรให้เต็มที่ ทั้งเดินจงกรม นั่งภาวนา ขนาดพระคูณจะล้มตัวเอนกายลงนอน สักพักก็ได้ปรากฏนิมิตเห็นหลวงตามหาบัวเปิดประตูเข้ามาดุ “มันจะมานอนเฝ้าอะไร” พระอาจารย์คูณได้ฟังดังนั้น จึงตอบในนิมิตไปว่า “เอ้า...ไม่นอนก็ไม่นอน”

หลวงตามหาบัว ย้ำเตือนไปว่า “ไม่ให้นอน ตายเป็นตาย” ในระยะนั้นพระอาจารย์คูณได้เห็นนิมิตหลวงตามหาบัวมาตักเตือนอยู่ทุกๆ คืน ท่านว่า ท่านเกรงกลัวหลวงตามหาบัวมาก “กลัวหลวงตามหาบัว เหมือนยังกับกลัวเสือ” จึงได้เร่งความเพียรตั้งสัจจะธิษฐานถือเนสัชชิก อยู่ในอิริยาบถ 3 ยืน เดิน นั่ง โดยไม่เอนกายนอนเลยตลอดไตรมาส ในช่วงเข้าพรรษาแรกนั้น

ตลอดพรรษา พระอาจารย์คูณได้อุบายธรรมจากหลวงปู่สอ พนฺธุโล มาคอยอบรมสั่งสอนย้ำเตือนว่า “ท่านคูณต้องพิจารณาทุกข์ให้มันเห็นทุกข์ ให้มันเบื่อทุกข์”

เมื่อจะเดินจงกรม พระคูณก็ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้าจะเดินจงกรม ทำความเพียรไปจนกว่าเดือนจะตก จึงจะหยุดเดินจงกรม” กิเลสที่ฝังตัวอยู่ในจิตก็คอยมาหลอกว่า “หยุดเถอะ พอเถอะ ไม่ไหว” พระคูณท่านก็ใช้สติกับจิตข่มกิเลสไว้ โดยรำลึกถึงคำสอนครูบาอาจารย์ หลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่สอ พนฺธุโล ซึ่งท่านจะเน้นกำชับพระคูณให้เป็นผู้ประพฤติให้มีสัจจะ ตั้งใจจริงจัง ถ้าทำอะไรก็ต้องให้ได้อย่างนั้น ถ้าได้พูดลั่นวาจาไปแล้ว ก็ต้องให้ได้อย่างนั้น พูดจริง ปฏิบัติจริง จริงจึงจะเห็นผลจริง

ในการทำความพากเพียรในพรรษาแรกนั้น สำหรับการอยู่ร่วมปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่สอ พนฺธุโล ที่วัดป่าอรัญญิกาวาส อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี พระคูณกลางคืนก็อดนอน พากเพียรฝึกสติอย่างหนัก กลางวันก็ปฏิบัติด้านกิจของสงฆ์ บิณฑบาต ทำความสะอาดกวาดลานวัด อุปัฏฐากครูบาอาจารย์ พอตกกลางคืนก็เร่งทำความเพียรต่อ ท่านว่า “ความทุกข์ทรมานนั้น สาหัสสากรรจ์มาก เจ็บปวดทรมานที่สุด ทรมานอย่างยิ่ง มันอยากจะนอน อยากให้มันหลับก็ไม่กล้าหลับ กลัวเสียสัจจะ เอ้า...ไม่นอนล่ะ ถ้ามันจะล้มตัวนอน ก็พามันลุกหนีจากที่นอน” ท่านทำความเพียรอย่างอุกฤษฏ์นี้จนครบสัจจะ 3 เดือน

ในพรรษาที่ 2 พ.ศ. 2510 พระอาจารย์คูณ สุเมโธ ท่านได้พบเพื่อนสหธรรมิก คือหลวงปู่พงษ์ ธมฺมาภิรโต (แห่งวัดถ้ำหีบ ต.จำปาโมง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ท่านละสังขารไปแล้วเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2551 ซึ่งอัฐิได้กลายสภาพเป็นพระธาตุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว) หลวงปู่พงษ์ท่านมาบวชเมื่อตอนอายุมากแล้ว ตอนอายุ 47 ปี ในพรรษาที่ 2 นี้ ท่านทั้งสองจึงร่วมตั้งสัจจะถือเนสัชชิกในอิริยาบถ 3 ไม่นอนตลอด 3 เดือนเต็ม ทั้งกลางวันทั้งกลางคืนก็เดินจงกรมภาวนาตั้งแต่หัวค่ำ เดินจงกรมภาวนาไปจนสว่าง เพียรในลักษณะนี้ตลอดพรรษา ติดต่อกันเป็นระยะเวลาถึง 3 พรรษา

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร แนะนำให้ไปภาวนาที่ถ้ำขาม

ปี พ.ศ. 2512 ท่านพระอาจารย์ทองดี วรธมฺโม ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่ฝั้น อาจาโร มาเที่ยววิเวกอยู่แถวเขตอำเภอบ้านผือ พระอาจารย์คูณได้สังเกตกิริยามารยาท วัตรปฏิปทา การเทศน์อบรมของพระอาจารย์ทองดี แล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงขอโอกาสหลวงปู่สอ พนฺธุโล ออกธุดงค์ติดตามท่านพระอาจารย์ทองดี หลวงปู่สอเพิ่นว่า “ไปวิเวก ไม่ห้ามหรอก”

จากนั้นท่านทั้งสองรูป ก็เก็บอัฐิบริขารเดินธุดงค์เข้าสู่ป่าลึก ผ่านขุนเขา หุบเหว หน้าผา ถ้ำน้อยใหญ่ไปทาง อ.น้ำโสม อ.นายูง ค่ำไหนก็พำนักที่นั่น แล้วจึงย้อนกลับมาวัดป่าอรัญญิกาวาส เพื่อกราบลาหลวงปู่สอ พนฺธุโล อีกครั้ง โดยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเข้าสู่วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เพื่อไปกราบขอฟังธรรมหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ในพรรษานี้เดิมที พระอาจารย์คูณตั้งใจจะขออยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร แต่เนื่องจากมีพระมาขอว่าที่ถ้ำขามนี้ มีพระอยู่เพียงรูปเดียว หลวงปู่ฝั้นจึงถามพระเณรว่า มีใครจะขึ้นไปอยู่ที่ถ้ำขามนี้ไหม ท่านพระอาจารย์ทองดี วรธมฺโม จึงตอบ “ผมขอโอกาสขึ้นถ้ำขาม” พระอาจารย์คูณจึงได้กราบเรียนหลวงปู่ฝั้นว่า “ผมก็จะขอขึ้นไปด้วยกับพระอาจารย์ทองดี” หลวงปู่ฝั้นเพิ่นว่า “ขึ้นก็ขึ้น”

เข้าพรรษาที่ 4 ณ ถ้ำขาม อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ในสมัยนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากเส้นทางขึ้นเขาลำบาก เส้นทางบิณฑบาตก็ไกลไปกลับระยะทางเป็น 10 กิโลเมตร เว้นแต่ว่าวันไหนไม่ฉัน ก็ไม่ต้องลงมาบิณฑบาต ช่วงหน้าฝนนี้ หินยิ่งลื่น พระอาจารย์คูณต้องใช้มือหนึ่งประคองบาตร อีกมือหนึ่งกางร่ม หากมีที่ท่าว่าจะหกล้ม ก็ต้องปล่อยมือที่ถือร่มออก แล้วใช้ 2 มือประคองบาตรไม่ให้ตกกระแทกพื้น พระอาจารย์คูณ สุเมโธ สู้ทนทุกข์ต่อความยากลำบากต่างๆ นานา บนถ้ำขามทุกรูปแบบ อีกทั้งการอยู่ในป่าในเขา การบำเพ็ญเพียรรักษาสติในศีลวัตรก็มิขาดตกบกพร่อง

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันอังคารที่ 23 ธ.ค. 68