posttoday

สาระสำคัญที่ควรรู้ของผังเมืองรวม กทม. พ.ศ.2556 (1)

30 พฤษภาคม 2556

กรุงเทพมหานครได้มีการใช้บังคับผังเมืองรวมโดยอาศัยอำนาจแห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 อย่างต่อเนื่องตั้งแต่กฎกระทรวงฉบับที่ 116 (พ.ศ. 2535) ซึ่งได้วางและจัดทำโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง หรือสำนักผังเมือง กระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น

กรุงเทพมหานครได้มีการใช้บังคับผังเมืองรวมโดยอาศัยอำนาจแห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 อย่างต่อเนื่องตั้งแต่กฎกระทรวงฉบับที่ 116 (พ.ศ. 2535) ซึ่งได้วางและจัดทำโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง หรือสำนักผังเมือง กระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น

ต่อมากรุงเทพมหานครในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้วางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร โดยได้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎกระทรวงฉบับที่ 414 (พ.ศ. 2542) กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 และกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 ซึ่งได้มีการประกาศให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2556 เป็นต้นมาตามลำดับ

ทั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่าผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 หรือผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ตอบรับกับแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าจำนวน 7 สาย มีระยะทางรวม 295 กิโลเมตร และการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศ (Air Transport Hub) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในขณะเดียวกันกับการที่กรุงเทพมหานครจะต้องแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจจากการมีอุปทานเกินด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้ส่งผลให้มีอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่ซึ่งมีพื้นที่รวมกันถึง 10.8 ล้านตารางเมตร ในเขตชั้นในที่ต้องยุติการก่อสร้าง และมีบ้านจัดสรรกว่า 2 แสนหลัง ในเขตชานเมืองที่ต้องปล่อยทิ้งร้าง

อย่างไรก็ตาม การประเมินผลการใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภายนอก ทั้งจากวิกฤตสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Subprime Mortgage Crisis) ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2550-2551 ต่อเนื่องกับการเกิดวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรป (Euro Crisis) ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2552 จนถึงปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการส่งออกและการท่องเที่ยวของประเทศไทย

ประกอบกับความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และจำนวนประชากรของกรุงเทพมหานครที่ต่ำกว่าการคาดการณ์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

การประเมินผลการใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 ยังได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า และการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ สำนักงาน และที่อยู่อาศัยตามแนวสายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟฟ้า

จนเป็นผลให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเพิ่มจำนวนสายทางรถไฟฟ้าจาก 7 สาย เป็น 12 สาย รวมเป็นระยะทางทั้งสิ้น 661.4 กิโลเมตร แผนแม่บทดังกล่าวได้กำหนดให้มีการพัฒนาศูนย์คมนาคม (Intermodal Station)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งศูนย์คมนาคมมักกะสัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (City Air Terminal) ของสายทางรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Suvarnabhumi Airport Rail Link) เพื่อให้มีบทบาทเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ ภายในพื้นที่กรุงเทพมหานครยังมีโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) ที่ได้ดำเนินการในช่วงการใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 ได้แก่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา (แจ้งวัฒนะ) และที่จะดำเนินการต่อไป ได้แก่ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ (เกียกกาย)

นอกจากนี้ ยังมีโครงการของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ ได้แก่ โครงการพัฒนาบริเวณท่าเรือกรุงเทพของการท่าเรือแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาบริเวณสถานีแม่น้ำของการรถไฟแห่งประเทศไทย ฯลฯ ซึ่งโครงการขนาดใหญ่ดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลต่อการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินของกรุงเทพมหานครต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะได้รับจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) อันมีสาเหตุมาจากการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งจากการคมนาคมขนส่งและการใช้พลังงานในอาคารเป็นปริมาณถึง 1 ใน 3 ของการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งประเทศ

ส่งผลให้กรุงเทพมหานครต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุทกภัยที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำฝน การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในอ่าวไทย และการเพิ่มขึ้นของปริมาณน้ำเหนือไหลหลากดังเช่นมหาอุทกภัยที่ได้เกิดขึ้นในปี 2554

ด้วยสภาพการณ์ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญดังกล่าวข้างต้น กรุงเทพมหานครในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น จึงได้วางและจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3 เพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อเนื่องจากผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549

ทั้งนี้ นอกจากการคงไว้ซึ่งวัตถุประสงค์ในการวางและจัดทำผังเมืองรวมตามที่มีอยู่เดิมในผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 แล้ว ผังเมืองรวมฉบับใหม่ยังได้เพิ่มวัตถุประสงค์ของการป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยพิบัติจากธรรมชาติ และการส่งเสริมการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนโดยการลดการใช้พลังงานและการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อช่วยลดก๊าซเรือนกระจก

ในการนี้ แผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินของผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 ได้จำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็น 10 ประเภทหลักเช่นเดียวกับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 แต่ได้จำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นอีก 1 ประเภทย่อย ได้แก่ ที่ดินประเภท ก.3

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสงวนรักษาสภาพทางธรรมชาติของพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม และการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มและน้ำกร่อยในบริเวณชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน จึงเป็นผลให้การใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ก.3 และ ก.4 ตามที่ได้กำหนดในผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 ต้องปรับเปลี่ยนเป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม ก.4 และ ก.5 ในผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 ตามลำดับ

ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินจำนวน 34 บริเวณ ซึ่งการปรับเปลี่ยนดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากการดำเนินการที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และการเพิ่มจำนวนสายทางของระบบขนส่งมวลชนทางราง ตลอดจนสภาพการเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้นในระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549

อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินของผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 นอกจากการส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีประสิทธิภาพขึ้นแล้ว ในอีกด้านหนึ่งก็ย่อมมีความจำเป็นต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่ยังไม่มีแผนการดำเนินการของระบบขนส่งมวลชนทางราง เพื่อลดความจำเป็นต่อการเดินทางด้วยรถยนต์ และเพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานด้านอสังหาริมทรัพย์

นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินดังกล่าวข้างต้นแล้ว ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 ยังได้มีการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดด้วยเหตุผลความจำเป็นตามการประเมินผลการใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549

ประกอบด้วย การกำหนดประเภทกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขลักษณะ ความปลอดภัยของประชาชน และสวัสดิภาพของสังคม เพิ่มขึ้นอีก 5 ประเภท ได้แก่ สนามแข่งรถ สนามแข่งม้า สนามยิงปืน สถานสงเคราะห์หรือรับเลี้ยงคนพิการ และที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับคนงาน เป็นผลให้มีกิจการการใช้ประโยชน์ที่ดินจากที่ได้กำหนดไว้เดิมจำนวน 3-4 ประเภท เพิ่มขึ้นเป็น 39 ประเภท

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโดยการได้รับสิทธิของผู้ประกอบกิจการที่ได้รับอนุญาตมาก่อน จะไม่มีผลต่อการลิดรอนสิทธิของผู้ที่ขออนุญาตประกอบกิจการภายหลัง ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 จึงได้ยกเลิกการกำหนดร้อยละของการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อกิจการอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ในข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน n

(อ่านต่อฉบับพรุ่งนี้)

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา